เมื่อวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา เครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ (ครปอ.) ที่มีนายคำรณ ชูเดชา เป็นผู้ประสานงาน ได้ออกแถลงการณ์ เรื่อง“เหตุใดกรมสรรพสามิต นิ่งเฉยต่อปัญหาน้ำเมาที่ทำร้ายลูกหลานไทย” โดยมีเนื้อหาตอนหนึ่งว่า จากการทำงานของเครือข่ายภาคสังคม ร่วมกับคณะทำงานแก้ปัญหาการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รอบสถานศึกษา ในสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา และเครือข่ายนักวิชาการ ด้วยการเปิดเผยคลิปวีดีโอ พฤติกรรมร้านขายเหล้า 46 ร้าน รอบมหาลัยชื่อดัง 10 แห่ง ซึ่งพบร้านค้ากว่าร้อยละ 83 จำหน่ายให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี ในชุดนักเรียน และกว่าร้อยละ 25 ยังจำหน่ายในหอพักนักศึกษาด้วย ซึ่งเป็นความผิดตามพ.ร.บ. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ทั้งสิ้น
ตามติดมาด้วยการตีแผ่ข้อมูลทางวิชาการ ของศูนย์วิจัยปัญหาสุรา ที่ระบุว่า ตั้งแต่ปี 2539-2550 เยาวชนอายุ 15-19 ปี มีอัตราการดื่มประจำเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 70 และในปีนี้ได้ทำการสำรวจรอบมหาวิทยาลัย 15 แห่ง พบว่ามีร้านเหล้าโดยรอบเฉลี่ย 57 ร้านต่อตารางกิโลเมตร และเป็นร้านเหล้าปั่นเฉลี่ย 5.6 ร้านต่อหนึ่งมหาวิทยาลัย ในรัศมี 200 เมตร
ข้อมูลที่น่าตกใจ คือผลวิจัย ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ ช่วงต้นปี 2551-ต้นปี 2552 พบว่ามีร้านเหล้าปั่นเพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่าตัวจาก 15 ร้าน เป็น 47 ร้าน แสดงให้เห็นว่า ความนิยมของเหล้าปั่นกำลังขยายตัว ทั้งนี้ ยังมีงานวิชาการในประเทศไทยหลายชิ้นยืนยันว่า ยิ่งจำนวนร้านเหล้ารอบสถาน ศึกษามีมากขึ้นเท่าไหร่ โอกาสที่ลูกหลานของเราจะเป็นนักดื่มก็จะมีมากขึ้นเท่านั้น
ทั้งนี้ ผลจากการเคลื่อนไหวของภาคประชาสังคม สามารถผลักดันให้กลไกภาครัฐ ออกมาแสดงบทบาทป้องกันการดื่มแอลกอฮอลล์กันแข็งขัน ตั้งแต่กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบัญชาการตำรวจ นครบาล ที่ต่างเร่งเครื่องบังคับใช้กฎหมายควบคุมการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเคร่งครัด แต่ปรากฎว่ากรมสรรพสามิต ซึ่งมีอำนาจออกใบอนุญาตขายเหล้าตัวจริง ยังไม่มีทีท่าว่าจะทุกข์ร้อนต่อชะตากรรมที่ลูกหลานไทยต้องประสบตั้งแต่อายุยังน้อย
ทั้งที่ข้อมูลทางวิชาการสากลยืนยันชัดเจนว่า การดื่มตั้งแต่อายุยังน้อยทำให้ความจำจะลดลงถึงร้อยละ 10 ความสามารถในการเรียนรู้และพัฒนาการทางสมองลดลง จนกลายเป็นคนสมองทึบ รวมถึงการเริมดื่มตั้งแต่อายุก่อน 15 ปี นั้น ยิ่งทำให้ มีโอกาสโตเป็นคนติดเหล้าในระยะยาวมากกว่า ปกติ ถึง 4 เท่า เหล่านี้คือปัญหาที่กำลังเกิดกับเด็กและเยาวชนไทยอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นผลมาจากเหล้าปั่นและร้านเหล้ารอบสถานศึกษา ที่เกือบทั้งหมดได้รับใบอนุญาตจากมือของสรรพสามิต และมีบางส่วนที่แอบเปิดร้านขายเหล้าอย่างผิดกฎหมาย
"วันนี้สังคมกำลังรอดูว่า เมื่อไร กรมสรรพสามิตจะตื่นจากหลับใหล เลิกทำตัวเป็นโรงงานปั๊มใบอนุญาตขายเหล้า โดยไม่ใส่ใจปัญหาสังคมเสียที ที่สำคัญและต้องจับตาดูกันต่อไป คือจุดยืนของพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ ว่าจะเห็นด้วยกับมาตรการควบคุมเหล้าปั่น และร้านเหล้ารอบสถานศึกษาหรือไม่ ซึ่งหวังว่างานนี้คงไม่มีใครใจร้าย ออกมาขัดขวาง โดยกล่าวอ้างผลกระทบกับการท่องเที่ยว เหมือนที่แล้วๆมาอีก” แถลงการณ์ระบุ
ตามติดมาด้วยการตีแผ่ข้อมูลทางวิชาการ ของศูนย์วิจัยปัญหาสุรา ที่ระบุว่า ตั้งแต่ปี 2539-2550 เยาวชนอายุ 15-19 ปี มีอัตราการดื่มประจำเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 70 และในปีนี้ได้ทำการสำรวจรอบมหาวิทยาลัย 15 แห่ง พบว่ามีร้านเหล้าโดยรอบเฉลี่ย 57 ร้านต่อตารางกิโลเมตร และเป็นร้านเหล้าปั่นเฉลี่ย 5.6 ร้านต่อหนึ่งมหาวิทยาลัย ในรัศมี 200 เมตร
ข้อมูลที่น่าตกใจ คือผลวิจัย ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ ช่วงต้นปี 2551-ต้นปี 2552 พบว่ามีร้านเหล้าปั่นเพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่าตัวจาก 15 ร้าน เป็น 47 ร้าน แสดงให้เห็นว่า ความนิยมของเหล้าปั่นกำลังขยายตัว ทั้งนี้ ยังมีงานวิชาการในประเทศไทยหลายชิ้นยืนยันว่า ยิ่งจำนวนร้านเหล้ารอบสถาน ศึกษามีมากขึ้นเท่าไหร่ โอกาสที่ลูกหลานของเราจะเป็นนักดื่มก็จะมีมากขึ้นเท่านั้น
ทั้งนี้ ผลจากการเคลื่อนไหวของภาคประชาสังคม สามารถผลักดันให้กลไกภาครัฐ ออกมาแสดงบทบาทป้องกันการดื่มแอลกอฮอลล์กันแข็งขัน ตั้งแต่กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบัญชาการตำรวจ นครบาล ที่ต่างเร่งเครื่องบังคับใช้กฎหมายควบคุมการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเคร่งครัด แต่ปรากฎว่ากรมสรรพสามิต ซึ่งมีอำนาจออกใบอนุญาตขายเหล้าตัวจริง ยังไม่มีทีท่าว่าจะทุกข์ร้อนต่อชะตากรรมที่ลูกหลานไทยต้องประสบตั้งแต่อายุยังน้อย
ทั้งที่ข้อมูลทางวิชาการสากลยืนยันชัดเจนว่า การดื่มตั้งแต่อายุยังน้อยทำให้ความจำจะลดลงถึงร้อยละ 10 ความสามารถในการเรียนรู้และพัฒนาการทางสมองลดลง จนกลายเป็นคนสมองทึบ รวมถึงการเริมดื่มตั้งแต่อายุก่อน 15 ปี นั้น ยิ่งทำให้ มีโอกาสโตเป็นคนติดเหล้าในระยะยาวมากกว่า ปกติ ถึง 4 เท่า เหล่านี้คือปัญหาที่กำลังเกิดกับเด็กและเยาวชนไทยอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นผลมาจากเหล้าปั่นและร้านเหล้ารอบสถานศึกษา ที่เกือบทั้งหมดได้รับใบอนุญาตจากมือของสรรพสามิต และมีบางส่วนที่แอบเปิดร้านขายเหล้าอย่างผิดกฎหมาย
"วันนี้สังคมกำลังรอดูว่า เมื่อไร กรมสรรพสามิตจะตื่นจากหลับใหล เลิกทำตัวเป็นโรงงานปั๊มใบอนุญาตขายเหล้า โดยไม่ใส่ใจปัญหาสังคมเสียที ที่สำคัญและต้องจับตาดูกันต่อไป คือจุดยืนของพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ ว่าจะเห็นด้วยกับมาตรการควบคุมเหล้าปั่น และร้านเหล้ารอบสถานศึกษาหรือไม่ ซึ่งหวังว่างานนี้คงไม่มีใครใจร้าย ออกมาขัดขวาง โดยกล่าวอ้างผลกระทบกับการท่องเที่ยว เหมือนที่แล้วๆมาอีก” แถลงการณ์ระบุ
