กก.สอบทุจริตโครงการชุมชนพอเพียงของ ปชป. เตรียมสรุปผลสอบสัปดาห์หน้า "เจริญ" รับมี ส.ข.ปชป. 1-2 คนเข้าไปร่วมแนะนำสินค้า แต่ยังไม่มีหลักฐานการรับเงิน ลั่นหากมีหลักฐานทุจริตฟันแน่แม้จะเป็นคนของพรรค โบ้ยเป็นเกมการเมืองหลังพบพื้นที่ร้องเรียนใน กทม.เป็นเขตที่แข่งขันกันสูงระหว่าง ปชป.กับพท. ด้าน "สุเทพ" ยันแกนนำ ภท.โทรฯเคลียร์ปัญหาเกาเหลา "กอร์ปศักดิ์" แล้ว ส่วน "สมศักดิ์" ยันไม่ได้กดดันพ้นเก้าอี้
ที่พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (13 ส.ค.) มีการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีโครงการชุมชนพอเพียงของพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีนายเจริญ คันธวงศ์ ส.ส.สัดส่วน เป็นประธานคณะกรรมการฯ โดยที่ประชุม ได้เชิญ นายสุมิท แช่มประสิทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน (สพช.) มาให้ข้อมูลการดำเนินการโครงการชุมชนพอเพียง ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
นายเจริญ แถลงหลังการประชุมว่า คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี โครงการชุมชนพอเพียงของพรรคประชาธิปัตย์ ได้เชิญนายสุมิท เข้ามาชี้แจงข้อมูลทั้งหมดตามที่มีกระแสข่างเกิดขึ้น และหลังจากนี้คณะกรรมการฯ จะได้มีการประชุมทุกวัน และภายในสัปดาห์นี้จะมีการลงพื้นที่ชุมชมบางกะปิ ตามที่ได้มีการร้องเรียนเข้ามาคาด ว่า ภายในสัปดาห์นี้จะได้ข้อสรุปและรายงานต่อที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค ทราบต่อไป
อย่างไรก็ตามจากการสอบถามข้อมูลของนายสุมิท ยังไม่พบว่ามีระดับแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ หรือ คณะรัฐมนตรี (ครม.) เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย โดยพบว่า มีเพียงสมาชิกสภาเขต (ส.ข.) บางคนเท่านั้น และไม่พบว่าหลักฐานว่า มีการทุจริตเกิดขึ้น แต่พบว่า สข.เป็นผู้ชักนำให้ซื้อสินค้า ยืนยันว่าคณะกรรมการชุดนี้จะไม่อุ้มใคร ซึ่งนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ได้ฝากผ่าน นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกรรมการตรวจสอบ ข้อเท็จจริงฯ รวมถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ก็ได้ฝากำชับให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อมูลความเที่ยงตรงและเป็นธรรม ไม่ยอมให้มีการทุจริตแม้แต่บาทเดียว
นายเจริญ กล่าวว่า จาการตรวจสอบข้อมูลโครงการชุมชนพอเพียงทั้งกทม. พบว่ามี 1,900 ชุมชน แต่มีการร้องเรียนเข้ามาเพียง 4-5 ชุมชน ซึ่งทั้งหมดเป็นพื้นที่ แข่งขันระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทย ที่มีการแข่งขันกันสูง ดังนั้นพรรคจะต้องดูข้อมูลให้รอบด้าน คนของพรรคเข้ามาไปเกี่ยวเพียงคนสองคนเท่านั้น และไม่พบหลักฐานการถือเงินหรือการโอนเงิน เพราะการดำเนินการทั้งหมด ชุมชน จัดการเอง
ดังนั้นการลงพื้นที่คณะกรรมการจะไปดูรายละเอียดและแผนการ ดำเนิน โครงการ รวมถึงการจัดซื้อ เนื่องจากผู้มาชี้แจงระบุว่าไม่ได้มีการกำหนดราคากลางไว้ชัดเจน อย่างไรก็ตามยืนยันว่าคณะกรรมการชุดนี้ไม่มีอำนาจในการดำเนินการกับผู้ทุจริต หากพบว่ามีการเกิดขึ้นจริงก็พร้อมที่จะรวบรวมข้อมูลส่งให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ตรวจสอบต่อไป
ส่วนที่มีกระแสข่าวนายประโภชฌ์ สภาวสุ รองผอ.สพช. น้องชายนายกอร์ปศักดิ์ สภาวะสุ รองนายกรัฐมนตรี ไปเคลียร์โครงการชุมชนพอเพียงในจังหวัดปราจีนบุรี เพื่อไม่ให้มีการร้องเรียนนั้น นายเจริญ กล่าวว่า ไม่ทราบข้อเท็จจริง เพราะคณะกรรมการชุดนี้ ได้รับแต่งตั้งขึ้นมาสอบโครงการชุมชนพอเพียงเฉพาะกทม.เท่านั้น หากจะให้สอบพื้นที่อื่นต้องได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการบริหารพรรคก่อน
ด้านนายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกรรมการ ตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ กล่าวว่า ได้เชิญ ผอ.สพช.มาให้ข้อมูล เกี่ยวกับความเป็นมาของ โครงการ และคิดว่าเรื่องนี้ต้องสอบบริษัทผู้จำหน่ายสินค้าให้กับโครงการ ซึ่งมีอย่างน้อย 2 บริษัท ว่า เขาเอาสินค้าเหล่านี้เข้าไปบรรจุในโครงการได้อย่างไร ซึ่งขณะนี้ได้ข้อมูลมาพอสมควรแล้ว คิดว่าจะสามารถสรุปข้อมูลทั้งหมดได้ในสัปดาห์หน้า จากนั้นจะนำเสนอต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่าหนักใจหรือไม่เพราะผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นคนในพรรคประชาธิปัตย์นายนิพิฎฐ์ กล่าวว่า ไม่หนักใจ ที่ผ่านมาก็ได้สอบ ส.ก.และส.ข.บางคนไปแล้ว และได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่า บุคคลทั้ง 2 เข้าไปเกี่ยวข้องในลักษณะเป็นผู้กระจายสินค้า คือเป็นผู้แนะนำสินค้าของบริษัทเอกชนบางราย แต่ยังไม่ปรากฏว่าได้ผลประโยชน์ร่วมด้วยหรือไม่ เพียงแต่เห็นว่า การกระทำในลักษณะนี้เหมาะสมหรือไม่เท่านั้น แต่การทุจริตหรือได้ประโยชน์จากการกระจายสินค้ายังไม่ชัดเจน
อย่างไรก็ตามขอบเขตการทำงานของคณะกรรมการชุดนี้ จะสอบได้เพียง สมาชิกพรรคที่มีข่าวว่าเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ประมาณ 2-3 คนเท่านั้น ส่วนคนอื่นๆ ทำได้เพียงตั้งข้อสังเกต
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวความไม่พอใจ ของพรรคภูมิใจไทยต่อนายก อร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี และเรียกร้องให้ปลดอออกจากตำแหน่งจากข่าวการทุจริตโครงการชุมชนเพียงว่า แกนนำ พรรคภูมิใจไทยโทรศัพท์ถึงตน ระบุว่าไม่เคยมีการประชุมอะไรกันที่แสดงถึงความ ไม่พอใจนายกอร์ปศักดิ์ แกนนำปฏิเสธว่าไม่ใช่เรื่องของพรรค
ส่วนที่ก่อนหน้านี้ทาง นายโสภณ ซารัมย์รมว.คมนาคม และ นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ก็ออกมาแสดงความไม่พอใจต่อตัวนายกอร์ปศักดิ์ จะเป็นคนเคลียร์ใจให้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่เคยมีรมว.คมนาคม และรมว.พาณิชย์ รู้จักกับตนดี สนิทกันดี ไม่เคยแสดงความไม่พอใจต่อตัวนายกอร์ปศักดิ์ เมื่อถามว่า จำเป็นหรือไม่ต้องปรับ ครม. นายสุเทพ ร้องเสียงหลงพร้อมกับกล่าวว่า "โอ๊ยๆ นั่นมันเกินขอบเขตผม คนปรับครม.ไม่ใช่ผม"
ผู้สื่อข่าวถามว่าแกนนำพรรคภูมิใจไทยที่โทรศัพท์มาให้คือนายเนวิน ชิดชอบ ใช่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่าตนไม่ตอบสักเรื่องได้ไหม
นายสุเทพ กล่าวว่า ในวันนี้ (13 ส.ค.) ตนจะเดินทางลงพื้นที่ภาคใต้เพื่อพบปะผู้นำศาสนารับฟังปัญหาในพื้นที่ ซึ่งในวันพรุ่งนี้จะประชุมแนวทางการอำนวยความ ยุติธรรมให้ทำงานในพื้นที่เร็วขึ้น และติดตามแผนงานต่างๆ ในฐานะประธานกรรมการเร่งรัดพัฒนาพื้นที่ภาคใต้
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่าเรื่องการทุจริตโครงการ ชุมชนพอเพียงขณะนี้ทางพรรคประชาธิปัตย์ กำลังดำเนินการตรวจสอบ เรื่องอย่างเต็มที่อยู่แล้ว ซึ่งคาดว่าน่าจะมีความชัดเจนในเร็ว ๆ นี้ ดังนั้น ควรให้เกียรติกัน ไม่อยากให้เวลาที่เกิดเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้แล้วก็มีการโจมตีกัน เพราะคนที่ทำงานก็คงเหนื่อย คนที่ไม่เกี่ยวข้องก็อาจจะเสียหายได้
อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวแล้วเห็นว่า นายก อร์ปศักดิ์ เป็นคนที่มีความขยัน และทำงานด้วยความละเอียดรอบคอบ และจากปัญหาที่เกิดขึ้น ยืนยันไม่มีรัฐมนตรีในพรรคภูมิใจไทยคนใดไปกดดันให้นายกอร์ปศักดิ์ ออกจากตำแหน่ง หรือเป็นการเอาคืนนายกอร์ปศักดิ์ ที่ขัดขวางโครงการของพรรคภูมิใจไทย แต่การปรับนายกอร์ปศักดิ์นั้น เป็นสิทธิ์ของนายกรัฐมนตรีที่จะพิจารณา คนอื่นพูดไปคงไม่เหมาะ
วันเดียวกันคณะกรรมาธิการ(กมธ.)กิจการองค์กรตามรัฐธรรมนูญและติดตามการบริหารงบประมาณ วุฒิสภา มีนาย จิตติพจน์ วิริยะโรจน์ ส.ว.ศรีสะเกษ ประธานกมธ.เป็นประธานการประชุมได้เชิญนาย สุมิท แช่มประสิทธิ์ ผอ.สพช.เข้าชี้แจง เกี่ยวกับทุจริตโครงการชุมชนพอเพียง โดยกล่าวว่า มีการร้องเรียนเข้ามา 200 โครงการ แบ่งเป็น 6 โครงการในกทม.ตามที่ปรากฏเป็นข่าว ทั้งนี้ ปัญหาที่เกิดขึ้น ตนเห็นว่า สพช.มีคน 200 คน คงมีญาติ หรือเพื่อน อาจไปทำอะไรกับโครงการ จึงตั้งกรอบแต่แรกว่า การอนุมัติ ให้ดูที่กรอบ ส่วนเรื่องจัดซื้อจัดจ้างให้ชุมชนไปทำกันเอง ฉะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้น คิดว่า ชุมชนสามารถถูกชี้นำได้จากข้าราชการส่วนกลาง ท้องถิ่น พ่อค้า หรือใครๆได้ทั้งนั้น จึงเชื่อว่า ชาวบ้านอาจถูกหลอก ถูกบังคับ หรือหลงผิด
"ยืนยันว่า ไม่ใช่เรื่องนโยบาย หรือมีการทุจริตเชิงนโยบาย แต่เป็นเรื่อง ชาวบ้านไม่รู้ว่าเงินนี้เป็นสิทธิ์ของตนเองมากกว่า และนึกว่าต้องให้มีคนมาตัดสินใจ รวมถึงการไม่ประชุมประชาคมจริงและฝากกันเซ็นชื่อ ซึ่งเป็นนิสัยปกติของชาวบ้าน แต่เชื่อว่า หลังจากนี้ จะไมมีใครกล้าทำผิดขั้นตอน เพราะสาธารณะจับจ้อง"
จากนั้นคณะกรรมาธิการฯได้สั่งถามทั้งเรื่องที่ระบุว่าโครงการนี้มามาตั้งแต่ปี 2548 ทำไมถึงอ้างว่าชาวบ้านไม่รู้ และนายกฯก็ออกมาระบุว่ามีนักการเมืองท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่ใน สพช.ทุจริต และถูกสั่งพักงานไป 3 ราย นอกจากนี้ยังสงสัยว่า 3 กลุ่มบริษัทที่ได้รับงานรวมถึงความสัมพันธ์ของ ผอ.กับ 1 ในกลุ่มบริษัท
นายสุมิท ชี้แจงว่า เรื่องโครงการที่มีลักษณะคล้ายกันนี้ตั้งแต่ปี 2548 แล้วทำไมชาวบ้านยังไม่รู้เรื่อง คนไม่ขอตอบ เพราะจะกลายเป็นประเด็นการเมือง ยืนยันเพียงว่า ชาวบ้านไม่รู้จริงๆ ส่วนเรื่องชุมชนไปซื้อสินค้าราคาแพงแล้ว สพช. ไม่ตรวจสอบนั้น สพช.ทำหน้าที่อนุมัติจากกรอบที่มี และไม่ได้ไปยุ่งว่า ชุมชนซื้อสินค้านั้นราคากี่บาท กี่ชิ้น
ส่วนที่สงสัยว่า ขอมาคล้ายๆกันแล้ว สพช.ไม่ตรวจสอบนั้น เรื่องนี้พบ 113 รายการ จากจำนวน 2.1 หมื่นชุมชน แต่เขามาได้ส่งมาพร้อมกัน เจ้าหน้าที่ก็ตรวจคนละคน เมื่อคีย์ข้อมูลทั้งหมดภายหลังจึงเห็นสถิติดังกล่าว ส่วนความสัมพันธ์ของตนกับกลุ่มบริษัท ยอมรับว่า สมัยปี 2548 ตนเป็นกรรมการบริหารบริษัท ไออีซี ที่ทำเรื่อง พลังงานทดแทน ต่อมา บริษัทพยายามขยายงานเพื่อเข้าตลาดหุ้น แต่ไม่เป็นไปตามเป้า จึงล้มเลิก และตนออกมาเมื่อปี 2551 จึงไม่มีความเกี่ยวพันแล้วในปัจจุบัน อย่างไรก็ดี ตอนออกมาในช่วงแรกยังมีการถือหุ้นอยู่บ้าง แต่ขณะนี้ไม่ได้ถือหุ้นมานานแล้ว แต่ยอมรับกลุ่มผู้บริหารบริษัทในปัจจุบันตนยังรู้จักอยู่
ที่พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (13 ส.ค.) มีการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีโครงการชุมชนพอเพียงของพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีนายเจริญ คันธวงศ์ ส.ส.สัดส่วน เป็นประธานคณะกรรมการฯ โดยที่ประชุม ได้เชิญ นายสุมิท แช่มประสิทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน (สพช.) มาให้ข้อมูลการดำเนินการโครงการชุมชนพอเพียง ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
นายเจริญ แถลงหลังการประชุมว่า คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี โครงการชุมชนพอเพียงของพรรคประชาธิปัตย์ ได้เชิญนายสุมิท เข้ามาชี้แจงข้อมูลทั้งหมดตามที่มีกระแสข่างเกิดขึ้น และหลังจากนี้คณะกรรมการฯ จะได้มีการประชุมทุกวัน และภายในสัปดาห์นี้จะมีการลงพื้นที่ชุมชมบางกะปิ ตามที่ได้มีการร้องเรียนเข้ามาคาด ว่า ภายในสัปดาห์นี้จะได้ข้อสรุปและรายงานต่อที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค ทราบต่อไป
อย่างไรก็ตามจากการสอบถามข้อมูลของนายสุมิท ยังไม่พบว่ามีระดับแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ หรือ คณะรัฐมนตรี (ครม.) เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย โดยพบว่า มีเพียงสมาชิกสภาเขต (ส.ข.) บางคนเท่านั้น และไม่พบว่าหลักฐานว่า มีการทุจริตเกิดขึ้น แต่พบว่า สข.เป็นผู้ชักนำให้ซื้อสินค้า ยืนยันว่าคณะกรรมการชุดนี้จะไม่อุ้มใคร ซึ่งนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ได้ฝากผ่าน นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกรรมการตรวจสอบ ข้อเท็จจริงฯ รวมถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ก็ได้ฝากำชับให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อมูลความเที่ยงตรงและเป็นธรรม ไม่ยอมให้มีการทุจริตแม้แต่บาทเดียว
นายเจริญ กล่าวว่า จาการตรวจสอบข้อมูลโครงการชุมชนพอเพียงทั้งกทม. พบว่ามี 1,900 ชุมชน แต่มีการร้องเรียนเข้ามาเพียง 4-5 ชุมชน ซึ่งทั้งหมดเป็นพื้นที่ แข่งขันระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทย ที่มีการแข่งขันกันสูง ดังนั้นพรรคจะต้องดูข้อมูลให้รอบด้าน คนของพรรคเข้ามาไปเกี่ยวเพียงคนสองคนเท่านั้น และไม่พบหลักฐานการถือเงินหรือการโอนเงิน เพราะการดำเนินการทั้งหมด ชุมชน จัดการเอง
ดังนั้นการลงพื้นที่คณะกรรมการจะไปดูรายละเอียดและแผนการ ดำเนิน โครงการ รวมถึงการจัดซื้อ เนื่องจากผู้มาชี้แจงระบุว่าไม่ได้มีการกำหนดราคากลางไว้ชัดเจน อย่างไรก็ตามยืนยันว่าคณะกรรมการชุดนี้ไม่มีอำนาจในการดำเนินการกับผู้ทุจริต หากพบว่ามีการเกิดขึ้นจริงก็พร้อมที่จะรวบรวมข้อมูลส่งให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ตรวจสอบต่อไป
ส่วนที่มีกระแสข่าวนายประโภชฌ์ สภาวสุ รองผอ.สพช. น้องชายนายกอร์ปศักดิ์ สภาวะสุ รองนายกรัฐมนตรี ไปเคลียร์โครงการชุมชนพอเพียงในจังหวัดปราจีนบุรี เพื่อไม่ให้มีการร้องเรียนนั้น นายเจริญ กล่าวว่า ไม่ทราบข้อเท็จจริง เพราะคณะกรรมการชุดนี้ ได้รับแต่งตั้งขึ้นมาสอบโครงการชุมชนพอเพียงเฉพาะกทม.เท่านั้น หากจะให้สอบพื้นที่อื่นต้องได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการบริหารพรรคก่อน
ด้านนายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกรรมการ ตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ กล่าวว่า ได้เชิญ ผอ.สพช.มาให้ข้อมูล เกี่ยวกับความเป็นมาของ โครงการ และคิดว่าเรื่องนี้ต้องสอบบริษัทผู้จำหน่ายสินค้าให้กับโครงการ ซึ่งมีอย่างน้อย 2 บริษัท ว่า เขาเอาสินค้าเหล่านี้เข้าไปบรรจุในโครงการได้อย่างไร ซึ่งขณะนี้ได้ข้อมูลมาพอสมควรแล้ว คิดว่าจะสามารถสรุปข้อมูลทั้งหมดได้ในสัปดาห์หน้า จากนั้นจะนำเสนอต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่าหนักใจหรือไม่เพราะผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นคนในพรรคประชาธิปัตย์นายนิพิฎฐ์ กล่าวว่า ไม่หนักใจ ที่ผ่านมาก็ได้สอบ ส.ก.และส.ข.บางคนไปแล้ว และได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่า บุคคลทั้ง 2 เข้าไปเกี่ยวข้องในลักษณะเป็นผู้กระจายสินค้า คือเป็นผู้แนะนำสินค้าของบริษัทเอกชนบางราย แต่ยังไม่ปรากฏว่าได้ผลประโยชน์ร่วมด้วยหรือไม่ เพียงแต่เห็นว่า การกระทำในลักษณะนี้เหมาะสมหรือไม่เท่านั้น แต่การทุจริตหรือได้ประโยชน์จากการกระจายสินค้ายังไม่ชัดเจน
อย่างไรก็ตามขอบเขตการทำงานของคณะกรรมการชุดนี้ จะสอบได้เพียง สมาชิกพรรคที่มีข่าวว่าเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ประมาณ 2-3 คนเท่านั้น ส่วนคนอื่นๆ ทำได้เพียงตั้งข้อสังเกต
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวความไม่พอใจ ของพรรคภูมิใจไทยต่อนายก อร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี และเรียกร้องให้ปลดอออกจากตำแหน่งจากข่าวการทุจริตโครงการชุมชนเพียงว่า แกนนำ พรรคภูมิใจไทยโทรศัพท์ถึงตน ระบุว่าไม่เคยมีการประชุมอะไรกันที่แสดงถึงความ ไม่พอใจนายกอร์ปศักดิ์ แกนนำปฏิเสธว่าไม่ใช่เรื่องของพรรค
ส่วนที่ก่อนหน้านี้ทาง นายโสภณ ซารัมย์รมว.คมนาคม และ นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ก็ออกมาแสดงความไม่พอใจต่อตัวนายกอร์ปศักดิ์ จะเป็นคนเคลียร์ใจให้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่เคยมีรมว.คมนาคม และรมว.พาณิชย์ รู้จักกับตนดี สนิทกันดี ไม่เคยแสดงความไม่พอใจต่อตัวนายกอร์ปศักดิ์ เมื่อถามว่า จำเป็นหรือไม่ต้องปรับ ครม. นายสุเทพ ร้องเสียงหลงพร้อมกับกล่าวว่า "โอ๊ยๆ นั่นมันเกินขอบเขตผม คนปรับครม.ไม่ใช่ผม"
ผู้สื่อข่าวถามว่าแกนนำพรรคภูมิใจไทยที่โทรศัพท์มาให้คือนายเนวิน ชิดชอบ ใช่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่าตนไม่ตอบสักเรื่องได้ไหม
นายสุเทพ กล่าวว่า ในวันนี้ (13 ส.ค.) ตนจะเดินทางลงพื้นที่ภาคใต้เพื่อพบปะผู้นำศาสนารับฟังปัญหาในพื้นที่ ซึ่งในวันพรุ่งนี้จะประชุมแนวทางการอำนวยความ ยุติธรรมให้ทำงานในพื้นที่เร็วขึ้น และติดตามแผนงานต่างๆ ในฐานะประธานกรรมการเร่งรัดพัฒนาพื้นที่ภาคใต้
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่าเรื่องการทุจริตโครงการ ชุมชนพอเพียงขณะนี้ทางพรรคประชาธิปัตย์ กำลังดำเนินการตรวจสอบ เรื่องอย่างเต็มที่อยู่แล้ว ซึ่งคาดว่าน่าจะมีความชัดเจนในเร็ว ๆ นี้ ดังนั้น ควรให้เกียรติกัน ไม่อยากให้เวลาที่เกิดเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้แล้วก็มีการโจมตีกัน เพราะคนที่ทำงานก็คงเหนื่อย คนที่ไม่เกี่ยวข้องก็อาจจะเสียหายได้
อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวแล้วเห็นว่า นายก อร์ปศักดิ์ เป็นคนที่มีความขยัน และทำงานด้วยความละเอียดรอบคอบ และจากปัญหาที่เกิดขึ้น ยืนยันไม่มีรัฐมนตรีในพรรคภูมิใจไทยคนใดไปกดดันให้นายกอร์ปศักดิ์ ออกจากตำแหน่ง หรือเป็นการเอาคืนนายกอร์ปศักดิ์ ที่ขัดขวางโครงการของพรรคภูมิใจไทย แต่การปรับนายกอร์ปศักดิ์นั้น เป็นสิทธิ์ของนายกรัฐมนตรีที่จะพิจารณา คนอื่นพูดไปคงไม่เหมาะ
วันเดียวกันคณะกรรมาธิการ(กมธ.)กิจการองค์กรตามรัฐธรรมนูญและติดตามการบริหารงบประมาณ วุฒิสภา มีนาย จิตติพจน์ วิริยะโรจน์ ส.ว.ศรีสะเกษ ประธานกมธ.เป็นประธานการประชุมได้เชิญนาย สุมิท แช่มประสิทธิ์ ผอ.สพช.เข้าชี้แจง เกี่ยวกับทุจริตโครงการชุมชนพอเพียง โดยกล่าวว่า มีการร้องเรียนเข้ามา 200 โครงการ แบ่งเป็น 6 โครงการในกทม.ตามที่ปรากฏเป็นข่าว ทั้งนี้ ปัญหาที่เกิดขึ้น ตนเห็นว่า สพช.มีคน 200 คน คงมีญาติ หรือเพื่อน อาจไปทำอะไรกับโครงการ จึงตั้งกรอบแต่แรกว่า การอนุมัติ ให้ดูที่กรอบ ส่วนเรื่องจัดซื้อจัดจ้างให้ชุมชนไปทำกันเอง ฉะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้น คิดว่า ชุมชนสามารถถูกชี้นำได้จากข้าราชการส่วนกลาง ท้องถิ่น พ่อค้า หรือใครๆได้ทั้งนั้น จึงเชื่อว่า ชาวบ้านอาจถูกหลอก ถูกบังคับ หรือหลงผิด
"ยืนยันว่า ไม่ใช่เรื่องนโยบาย หรือมีการทุจริตเชิงนโยบาย แต่เป็นเรื่อง ชาวบ้านไม่รู้ว่าเงินนี้เป็นสิทธิ์ของตนเองมากกว่า และนึกว่าต้องให้มีคนมาตัดสินใจ รวมถึงการไม่ประชุมประชาคมจริงและฝากกันเซ็นชื่อ ซึ่งเป็นนิสัยปกติของชาวบ้าน แต่เชื่อว่า หลังจากนี้ จะไมมีใครกล้าทำผิดขั้นตอน เพราะสาธารณะจับจ้อง"
จากนั้นคณะกรรมาธิการฯได้สั่งถามทั้งเรื่องที่ระบุว่าโครงการนี้มามาตั้งแต่ปี 2548 ทำไมถึงอ้างว่าชาวบ้านไม่รู้ และนายกฯก็ออกมาระบุว่ามีนักการเมืองท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่ใน สพช.ทุจริต และถูกสั่งพักงานไป 3 ราย นอกจากนี้ยังสงสัยว่า 3 กลุ่มบริษัทที่ได้รับงานรวมถึงความสัมพันธ์ของ ผอ.กับ 1 ในกลุ่มบริษัท
นายสุมิท ชี้แจงว่า เรื่องโครงการที่มีลักษณะคล้ายกันนี้ตั้งแต่ปี 2548 แล้วทำไมชาวบ้านยังไม่รู้เรื่อง คนไม่ขอตอบ เพราะจะกลายเป็นประเด็นการเมือง ยืนยันเพียงว่า ชาวบ้านไม่รู้จริงๆ ส่วนเรื่องชุมชนไปซื้อสินค้าราคาแพงแล้ว สพช. ไม่ตรวจสอบนั้น สพช.ทำหน้าที่อนุมัติจากกรอบที่มี และไม่ได้ไปยุ่งว่า ชุมชนซื้อสินค้านั้นราคากี่บาท กี่ชิ้น
ส่วนที่สงสัยว่า ขอมาคล้ายๆกันแล้ว สพช.ไม่ตรวจสอบนั้น เรื่องนี้พบ 113 รายการ จากจำนวน 2.1 หมื่นชุมชน แต่เขามาได้ส่งมาพร้อมกัน เจ้าหน้าที่ก็ตรวจคนละคน เมื่อคีย์ข้อมูลทั้งหมดภายหลังจึงเห็นสถิติดังกล่าว ส่วนความสัมพันธ์ของตนกับกลุ่มบริษัท ยอมรับว่า สมัยปี 2548 ตนเป็นกรรมการบริหารบริษัท ไออีซี ที่ทำเรื่อง พลังงานทดแทน ต่อมา บริษัทพยายามขยายงานเพื่อเข้าตลาดหุ้น แต่ไม่เป็นไปตามเป้า จึงล้มเลิก และตนออกมาเมื่อปี 2551 จึงไม่มีความเกี่ยวพันแล้วในปัจจุบัน อย่างไรก็ดี ตอนออกมาในช่วงแรกยังมีการถือหุ้นอยู่บ้าง แต่ขณะนี้ไม่ได้ถือหุ้นมานานแล้ว แต่ยอมรับกลุ่มผู้บริหารบริษัทในปัจจุบันตนยังรู้จักอยู่