ASTV ผู้จัดการรายวัน - สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชดำรัสตอบผู้เข้าเฝ้าฯ ถวายพระพร เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ทรงเผยในหลวงทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงขึ้น แม้จะทรงงานหนักมาตลอดในระยะเวลาที่ผ่านมา พร้อมทรงปลื้มพระทัยที่ต่างชาติชื่มชมผลงานศูนย์ศิลปาชีพ ทรงฝากคนไทยอนุรักษ์โขน ทรงชื่นชมเด็กไทยเก่ง ทรงย้ำข้าวเป็นอาหารที่มีประโยชน์ที่สุด
เมื่อเวลา 17.45 น.วันนี้ (11 สิงหาคม พุทธศักราช 2552) สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินไปยังศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พร้อมด้วย สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าอาทิตยาทรกิตติคุณ และพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระราชทานพระราชวโรกาสให้คณะบุคคลต่างๆ เฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา
ทั้งนี้ คณะบุคคลที่เข้าเฝ้าฯ ประกอบด้วย คณะรัฐมนตรี นำโดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายตุลาการ ข้าราชการ พลเรือน ทหาร ตำรวจ ผู้แทนรัฐวิสาหกิจ องค์กรอิสระ สภา สถาบัน สมาคม ชมรม มูลนิธิ ลูกเสือชาวบ้าน และประชาชนทั่วไป รวมทั้งสิ้น 461 คณะ จำนวน 15,865 คน
เมื่อเสด็จฯถึง ได้เสด็จฯขึ้นที่ประทับ จากนั้น ท่านผู้หญิง มนัสนิตย์ วณิกกุล ราชเลขานุการในพระองค์ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ กราบบังคมทูลรายงานสรุปคณะบุคคลที่เข้าเฝ้าฯ
“ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานพระราชวโรกาสเบิกคณะบุคคล ซึ่งประกอบด้วย ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ นิสิต นักศึกษา พ่อค้า ประชาชน และผู้แทนมูลนิธิ สมาคม สโมสร องค์กรต่างๆ รวม 461 คณะ จำนวน 15,865 คน เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เพื่อถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 12 สิงหาคม 2552
ลำดับต่อไป ขอพระราชทานเบิก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นผู้กราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล ในนามผู้ที่เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ ที่นี้ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ”
จากนั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล ในนามของผู้เข้าเฝ้าฯ
“ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม เนื่องในอภิลักขิตมหามงคลสมัย คล้ายวันพระราชสมภพของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ได้เวียนมาบรรจบอีกคำรบหนึ่ง ในวันที่ 12 สิงหาคม ศกนี้
ข้าพระพุทธเจ้า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในนามของคณะรัฐมนตรี คู่สมรส และพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า มีความชื่นชมโสมนัสเป็นอย่างยิ่ง จึงใคร่ขอพระราชทานพระราชวโรกาสน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระพรชัยมงคล ด้วยความจงรักภักดี และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อมหาที่สุดมิได้”
ต่อจากนั้น สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชดำรัสตอบ
“ข้าพเจ้าขอขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรี คณะรัฐบาล และท่านทั้งหลาย ซึ่งเป็นผู้แทนของข้าราชการทุกหมู่เหล่า ทั้งฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายตุลาการ พลเรือน ตำรวจ ทหาร รัฐวิสาหกิจ ผู้แทนขององค์กรทั้งหลายทั้งปวง ซึ่งทำหน้าที่ตลอดมา ช่วยเหลือสังคมไทยให้ดำเนินกิจการต่างๆ ไปได้ด้วยดี ผู้แทนสถาบันการศึกษา และประชาชนจากทุกจังหวัดทั่วประเทศ รวมจำนวนประมาณ 160,000 คน ที่ได้มาชุมนุมกันอยู่ ณ บริเวณศาลาดุสิดาลัย แห่งนี้ เพื่อร่วมอวยพรแก่ข้าพเจ้า เนื่องในโอกาสคล้ายวันเกิดปีที่ 77
ขณะนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และข้าพเจ้า พักอยู่ที่วังไกลกังวล หัวหิน ที่นั่นอากาศดี เหมาะแก่พระสุขภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ท่านสบายดีขึ้น ทรงพยายามออกพระกำลัง โดยทรงพระดำเนินที่เฉลียงทุกวัน ทำให้ทรงแข็งแรงขึ้น เพราะปีนี้ พระชนมายุจะ 82 แล้ว จะให้ทรงตรากตรำเดินทางไกล หรือตากแดดตากฝนทั้งวันเหมือนสมัยที่ทรงงานมาแล้วหลายสิบปีก่อนนั้นคงไม่ไหว
หลายสิบปีก่อนนี้ เสด็จฯไปเยี่ยมประชาชนทุกภาคของประเทศ ทรงขับรถเอง หนทางก็เรียกว่า กันดารไม่ใช่น้อย แต่พระองค์ท่านก็ยังทรงติดตามงานต่างๆ ตลอดเวลา โดยเฉพาะเรื่องฝน เรื่องปริมาณน้ำในเขื่อน ทรงห่วงประชาชนมาก เกรงว่าจะมีน้ำท่วมอีก ถ้าพอจะหาแนวทางอะไรช่วยป้องกันได้ ก็จะมีพระราชดำริให้เตรียมการกันเอาไว้ก่อน
ข้าพเจ้าเป็นพระราชินีมา 59 ปี ได้ตามเสด็จฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปเยี่ยมในทุกภูมิภาคของประเทศไทย ทำให้ได้เห็นว่าทรงงานอะไร อย่างไร และที่ไหนบ้าง และได้เห็นว่าทุกครั้งที่เสด็จฯ ไปเยี่ยมราษฎร จะทรงขับรถเอง และก็มีแผนที่อยู่ใกล้พระองค์เสมอ ทรงจะไปทุกหนทุกแห่ง พระองค์ท่านทำงานเกี่ยวกับเรื่องดิน และเรื่องน้ำ มาตลอดหลายสิบปี จนทรงกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญไปแล้ว
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีโครงการพระราชดำริมากกว่า 3,000 โครงการทั่วประเทศ ทรงมุ่งให้ราษฎรให้กินดีอยู่ดีขึ้นทุกภาค งานที่ทรงทำนี่ทำโดยไม่มีวันหยุดมาเกือบ 60 ปีแล้ว ทรงทำโดยไม่เบื่อหน่าย เพราะเป็นงานที่ทรงทำด้วยความรักที่มีต่อประชาชน ในห้องทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะมีแต่แผนที่ประเทศไทยทุกภาคเต็มไปหมดเพราะว่าโปรดเรื่องแผนที่มาก
พวกที่ลูกมากแล้วก็ยากจนนี่ ข้าพเจ้าก็ชวนเขามาที่ภาคกลาง มาอยู่ที่ในวังหลวง แล้วก็มาฝึกศิลปาชีพ การฝีมือต่างๆ การทำโลหะอะไรต่างๆ ซึ่งได้ผลดีมาก แล้วก็ขณะนี้ก็แสดงอยู่ที่พระที่นั่งอนันตสมาคม ข้าพเจ้าปลื้มใจมาก เพราะว่ามีเพื่อนต่างชาติไปดู แล้วเขาก็ชม ข้าพเจ้าก็คิดว่าเขาคงชมด้วยใจจริง เขาบอก นี่เป็นฝีมือหนึ่งของโลกนี่ จากเด็กที่ยากจน พ่อแม่มีลูก 8-9 คน ข้าพเจ้าก็จะเอามาครอบครัวละ 2 คน แล้วก็มาอยู่ที่ในวังหลวง พอเช้าขึ้นมาก็เอารถมารับมาที่โรงงาน ที่สวนจิตรลดา ฝึกงานต่างๆ และเดี๋ยวนี้พวกที่ยากจนที่สุด จบ ป.3 บางทีไม่จบประถม 4 เลย จบ ป.3 บางคนก็ไม่ได้เรียนเลย กลายเป็นคนที่เรียกว่า ชาวต่างชาติมาดูแล้วบอกว่า นี่ มือหนึ่งของโลก
ข้าพเจ้าได้รับเชิญจากเพื่อนว่า ขอให้ไปสหรัฐอเมริกาอีก ข้าพเจ้าก็คิดอยากจะไป ในรัฐสภาเขาจะพูดถึงว่า ประเทศไทยคนไทยเก่งมาก เป็นคนที่เก่ง และพระเจ้าแผ่นดินเป็นคนที่มีความสามารถ และพระราชินีของท่านกำลังจะมา เขาพูดกันในสภาว่า next a welcome her น่ารักมากคนอเมริกัน น่ารักจริงๆ ข้าพเจ้ายังปลื้มมาก คือ ไม่เคยคิดถ้าท่านยังสงสัยอยู่ให้ท่านไปที่พระที่นั่งอนันตสมาคม ไปดูผลงานที่คนไทยที่จบแค่ ป.3 หรือไม่ได้เรียนเลย ที่เขาสามารถประดิษฐ์อย่างแกะสลัก โหสวยงามเหลือเกิน ชิ้นเบ้อเร่อสวยงามมาก แกะสลักเป็น 3 ยุคด้วยกัน อยู่ไหนก็ไม่รู้ จรุงจิตต์จ๋า 3 ยุค 3 ยุคด้วยกัน แหมชื่อยาก” (ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ กล่าวว่า 4 ยุคค่ะ )
สมเด็จพระนางเจ้าฯ ทรงตรัสว่า “4 ยุคหรอ แค่ 3 ก็แย่แล้ว อันนี้เป็น ข้าพเจ้าไม่ได้รู้เอง พรรคพวกข้าพเจ้าไปอ่านมาว่า ข้อมูลจากหนังสือไตรภูมิ เทพฤๅษี และคนธรรพ์เฝ้าพระอิศวร อยากทราบว่า แก้ว 9 ประการเกิดขึ้นได้อย่างไร พระอิศวร บอกให้ไปถามพระฤๅษีชื่อ อังคต เพราะเป็นฤๅษีอายุยืนที่สุด ตั้งแต่สร้างโลกมา ฤๅษีอังคตเกิดในยุคกฤติยุค ยุคนี้ข้าพเจ้าเพิ่งทราบ และเพิ่งเคยได้ยินว่า กฤติยุคเป็นยุคที่บริบูรณ์ไปด้วยคุณงามความดี ที่ข้าพเจ้าต้องทราบเพราะว่า ชาวศิลปาชีพของข้าพเจ้าเอง เด็กที่เอามาตั้งแต่เล็กๆ เป็นผู้แกะสลักใช้เวลานานมากเลย แกะสลักยุคต่างๆ บนไม้สัก
ยุคที่ 2 ชื่อว่า ไตรดายุค เป็นยุคที่มีความดี 3 ส่วน ความไม่ดี 1 ส่วน ยุคที่ 3 ชื่อ ทวาปรยุค เป็นยุคที่ความดีและความไม่ดีเสมอกันครึ่งต่อครึ่ง พอมาถึงยุคนี้เป็นยุคที่ข้าพเจ้าอยู่ ใจหายใจคว่ำ ชื่อว่า กลียุค แหมไม่ค่อยดีเลยนะ กลียุค เป็นยุคที่มีความดีส่วนเดียว ความไม่ดี 3 ส่วน แล้วเขาบรรยายต่อไปว่า กลียุค คือ ยุคปัจจุบันที่พวกเรา ที่ข้าพเจ้ากับพวกท่านทั้งหลายอยู่ คือ กลียุค ต่อจากกลียุค เขาก็บอกจะเกิดไฟบรรลัยกัลป์ล้างโลก มีลมหอบ แผ่นดินไหว แผ่นดินแยก ข้าพเจ้าก็ไม่อยากรู้แล้วต่อไป เขาเขียนว่า ใครอยากรู้มากกว่านี้ให้อ่านจากหนังสือไตรภูมิพระร่วง แต่หวังว่าคงจะไม่เกิด
ผลงานศิลปาชีพ ถึงจะอยู่กลียุคก็ยังมีผลงานของศิลปาชีพ เป็นนักศิลปาชีพฝีมือ ที่ชาวต่างประเทศบอก ระดับ 1 ของโลก ก็ยังภูมิใจถึงจะอยู่ในกลียุคก็ตาม ดั่งที่ข้าพเจ้าได้นำภาพส่วนหนึ่งมาให้ท่านดู ให้ท่านทั้งหลายชม แล้วยังมีจัดแสดงอยู่ ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม ท่านที่ประสงค์จะชมของจริงยังไปชมได้ ทุกครั้งที่ข้าพเจ้ามีโอกาสได้ออกนอกประเทศ ข้าพเจ้าจะให้จับสลากกัน ให้คณะศิลปาชีพเด็กหนุ่มสาวของข้าพเจ้า จับสลากกัน แล้วให้ส่วนหนึ่งได้ตามเสด็จได้ ตอนที่ข้าพเจ้าได้รับเชิญจากประธานาธิบดีของฝรั่งเศส ให้ไปแสดงผลงานศิลปาชีพบนหอไอเฟล ข้าพเจ้ารู้สึกซาบซึ้งในประธานาธิบดีและมาดาม ที่ให้โอกาสศิลปาชีพได้ไปแสดงผลงานที่งดงามที่หอไอเฟล มียอดผู้เข้าชมทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติครั้งนั้น ประมาณ 150,000 คน แหม จัดข้างบนแล้วสวย และปลื้มใจ และก็ภรรยาประธานาธิบดีก็ไปจับมือกับเด็กศิลปาชีพที่ไปกับข้าพเจ้า จับมือทุกคน หลังจากได้ดูฝีมือการทำงานของเขา และไปจับมือทุกคนบนหอไอเฟลนั้น ทำให้ปลื้มมาก
ทีนี้ขอคุยอีกเรื่องหนึ่ง เรื่องโขน เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ก็ได้มีการจัดแสดงโขนชุดพรหมมาศ เรื่องโขน สมเด็จเจ้าฟ้า ลูกสาวข้าพเจ้า สมเด็จพระเทพฯ เป็นห่วงเหลือเกินว่า โขนไม่ค่อยแสดง เพราะเสื้อผ้าก็ทรุดโทรมเก่า ไม่ได้แสดงแล้ว ทั้งๆ ที่มีคนที่ฝีมือดีที่จะแสดงโขนได้ แต่ก็แสดงไม่ได้เนื่องจากเงินจำกัด แล้วเสื้อผ้าก็เก่า ก็พระราชทานสร้างชุดโขนขึ้นใหม่อีก แล้วก็มีการซ้อม พวกครูโขนที่เก่งต่างๆ ก็ซ้อมลูกศิษย์ แล้วก็แสดงให้ประชาชนดูเมื่อเร็วๆ นี้เอง
สมเด็จพระเทพฯ เล่าเป็นห่วงมากว่า โขนเป็นของที่วิเศษ อย่างที่อินโดนีเซียเขายังรักษาของเขาไว้ แต่ของเรานับวันเสื้อผ้ามันแพง นับวันจะไม่ได้แสดงก็กลัวว่าจะหายไปจากความนิยมของคนไทย ข้าพเจ้าก็ปรึกษากับอาจารย์สมิทธิ ศิริภัทร แล้วอาจารย์สมิทธิ ก็ไปรวบรวมผู้รู้หลายคน ศึกษาค้นคว้า จัดสร้างเครื่องแต่งกายของโขน หัวโขน เครื่องประดับต่างๆ คราวนี้งดงามมาก เครื่องแต่งกายโขนเมื่อสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้วสวยงามเหลือเกิน นับว่า คุ้มค่าในการรอคอยจริงๆ แสดงโขนเมื่อเร็วๆ นี้ ท่านทั้งหลายบางคนคงได้ชมแล้ว เห็นว่าประชาชนมาชมกันแน่นขนัด จนเพิ่มรอบการแสดงแล้วก็ยังไม่เพียงพอ ยังมีผู้ขอร้องให้จัดแสดงอีก น่ารักที่ลูกพาคนแก่ พ่อแม่หรือปู่ย่าตายายที่แก่ๆ ไปดูโขนที่ทำขึ้นใหม่ สำเร็จใหม่นี้ เห็นว่าสวยงามมากเลย อุปกรณ์การแสดงก็เรียบร้อย เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายชื่นใจ หายเหนื่อย เพราะได้รับคำชมจากประชาชนมากเลย เขามีรูปเสื้อผ้าโขนที่สร้างขึ้นใหม่
คราวนี้สบายหน่อย แหม เขาเขียนให้เป็นฉากๆ และคราวนี้ พระราชทานพันธุ์ข้าว ฤดูเพาะปลูกปีนี้ นายกสมาคมเครือข่ายสถาบันเกษตรกร จ.มหาสารคาม ก็แจ้งความเดือดร้อนมาว่า นาของเกษตรกร 1,500 ราย ในภาคอีสาน 19 จังหวัด ประสบอุทกภัยและโรคแมลง ทำให้ไม่มีข้าวพันธุ์ดีที่จะปลูกต่อไป ราษฎรจึงมีจดหมายมาขอข้าวพันธุ์ดีจากข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้ส่งเรื่องไปที่กรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งมีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบเรื่องพันธุ์ข้าวโดยตรง เขาจะได้เป็นธุระจัดหาพันธุ์ข้าวให้ กรมการข้าวได้จัดพันธุ์ข้าวปลูกอย่างดี เป็นข้าวเจ้า พันธุ์ข้าวขาวดอกมะลิ และข้าวเหนียวพันธุ์ กข.6 อย่างละครึ่ง รวม 75 ตัน มอบให้เกษตรกร เมื่อเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา
ข้าวเป็นอาหารหลักของคนไทยมาแต่โบราณ ข้าพเจ้าได้อ่านหนังสือนิวสวีก และไทม์ แมกกาซีน เขาพูดถึงข้าว ว่าข้าวเป็นอาหารที่ยอดเยี่ยมที่สุดของมนุษย์ เป็นแป้ง คาร์โบไฮเดรตที่อ้วนน้อยที่สุด เทียบกับขนมปัง เทียบกับสปาเก็ตตี้ เทียบกับเส้นอะไรต่างๆ ข้าวอ้วนน้อยที่สุด มีประโยชน์เหลือหลาย ส่วนที่มีประโยชน์จริงๆ อยู่ที่ผิวที่หุ้มเมล็ด ส่วนที่เมื่อกระเทาะเปลือกแข็งออกไปแล้วจะเห็นเป็นสีน้ำตาลกับจมูกข้าว ข้าพเจ้าเองก็เลยขอร้องพวกประชาชนที่เป็นสมาชิกศิลปาชีพ ให้ตำข้าวจากนาของเขามาถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กับข้าพเจ้า เขาก็จะตำและส่งมาให้ตลอด เพราะว่าฝรั่งเขียนว่า ข้าวนี่เป็นอาหารที่ยอดเยี่ยมที่สุด
ขอให้ทุกคนทราบเถอะว่า นิวสวีก เป็นหนังสือพิมพ์ของทั่วโลก และก็ไทม์ เขาบอกข้าวนี่ยอดเยี่ยมที่สุด มีวิตามิน บี 1 บี 2 มีธาตุเหล็ก มีแคลเซียม แล้วก็ที่น่าสนใจสำหรับผู้สูงวัยเช่นข้าพเจ้าเป็นต้น คือ มีสารที่ช่วยชะลอความเสื่อมของร่างกายด้วย ทุกคนกลับไปรับประทานข้าวเลยนะ เอาจริงๆ ก๋วยเตี๋ยว บะหมี่อะไรมันอ้วนอยู่ดีเหมือนกัน แต่ว่ามันมีประโยชน์น้อยกว่าข้าว นี่เป็นฝรั่งเขาพูดนะ
อีกเรื่องที่ข้าพเจ้าชื่นชมเหลือเกินที่ทราบข่าวดีมาว่า เยาวชนของเราเก่งอย่าง น.ส.นพวรรณ เลิศชีวกานต์ อายุ 17 จากเชียงใหม่ ได้รับรางวัลชนะเลิศ ในการแข่งขันเทนนิสวิมเบิลดัน 2009 ที่ประเทศอังกฤษ และทราบว่า เยาวชนจากโรงเรียนมัธยมหลายแห่ง ได้รับรางวัลเหรียญทอง เหรียญเงิน ในการแข่งขันโอลิมปิกวิชาการ แสดงให้ข้าพเจ้ามั่นใจ และปลื้มใจ และคิดว่าคนไทยทั้งประเทศคงปลื้มใจว่า คนไทยของเรานี่เก่ง เก่งจริงๆ ขอให้มีโอกาสในชีวิตเท่านั้น อย่างข้าพเจ้าได้เห็นตัวอย่างตัวเองแล้ว สมาชิกส่งเสริมศิลปาชีพที่จบแค่ ป.3 แล้วไม่ได้เรียนเลย ซึ่งบัดนี้ชาวต่างประเทศไปดูฝีมือที่พระที่นั่งอนันตสมาคมบอกว่า เป็นฝีมือ 1 ของโลกแห่งนี้ คนทีพูดเป็นคนที่มีชื่อเสียงระดับโลกด้วย ข้าพเจ้าก็คือว่าเมื่อไหร่ที่ได้โอกาสไปที่สหรัฐอเมริกาก็จะพาพวกเขาไป แล้วก็จะเอาฝีมือที่เขาทำไปแสดงให้คนไทยที่อเมริกาได้เห็นด้วย ว่านี่คือคนไทยของเรา
ในที่สุดนี้ ข้าพเจ้าขอขอบพระคุณทุกท่าน ซาบซึ้งในน้ำใจของทุกท่าน เป็นกำลังใจเหลือเกินที่ 77 ปี จะได้กำลังใจอย่างนี้ แล้วก็จะไปฉิวได้อีก แหมตัวเลขฟังเสียงแล้วน่ากลัว 77 ปี ขอขอบคุณนะคะ”
จากนั้น สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินกลับพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน
เมื่อเวลา 17.45 น.วันนี้ (11 สิงหาคม พุทธศักราช 2552) สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินไปยังศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พร้อมด้วย สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าอาทิตยาทรกิตติคุณ และพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระราชทานพระราชวโรกาสให้คณะบุคคลต่างๆ เฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา
ทั้งนี้ คณะบุคคลที่เข้าเฝ้าฯ ประกอบด้วย คณะรัฐมนตรี นำโดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายตุลาการ ข้าราชการ พลเรือน ทหาร ตำรวจ ผู้แทนรัฐวิสาหกิจ องค์กรอิสระ สภา สถาบัน สมาคม ชมรม มูลนิธิ ลูกเสือชาวบ้าน และประชาชนทั่วไป รวมทั้งสิ้น 461 คณะ จำนวน 15,865 คน
เมื่อเสด็จฯถึง ได้เสด็จฯขึ้นที่ประทับ จากนั้น ท่านผู้หญิง มนัสนิตย์ วณิกกุล ราชเลขานุการในพระองค์ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ กราบบังคมทูลรายงานสรุปคณะบุคคลที่เข้าเฝ้าฯ
“ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานพระราชวโรกาสเบิกคณะบุคคล ซึ่งประกอบด้วย ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ นิสิต นักศึกษา พ่อค้า ประชาชน และผู้แทนมูลนิธิ สมาคม สโมสร องค์กรต่างๆ รวม 461 คณะ จำนวน 15,865 คน เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เพื่อถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 12 สิงหาคม 2552
ลำดับต่อไป ขอพระราชทานเบิก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นผู้กราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล ในนามผู้ที่เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ ที่นี้ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ”
จากนั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล ในนามของผู้เข้าเฝ้าฯ
“ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม เนื่องในอภิลักขิตมหามงคลสมัย คล้ายวันพระราชสมภพของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ได้เวียนมาบรรจบอีกคำรบหนึ่ง ในวันที่ 12 สิงหาคม ศกนี้
ข้าพระพุทธเจ้า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในนามของคณะรัฐมนตรี คู่สมรส และพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า มีความชื่นชมโสมนัสเป็นอย่างยิ่ง จึงใคร่ขอพระราชทานพระราชวโรกาสน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระพรชัยมงคล ด้วยความจงรักภักดี และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อมหาที่สุดมิได้”
ต่อจากนั้น สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชดำรัสตอบ
“ข้าพเจ้าขอขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรี คณะรัฐบาล และท่านทั้งหลาย ซึ่งเป็นผู้แทนของข้าราชการทุกหมู่เหล่า ทั้งฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายตุลาการ พลเรือน ตำรวจ ทหาร รัฐวิสาหกิจ ผู้แทนขององค์กรทั้งหลายทั้งปวง ซึ่งทำหน้าที่ตลอดมา ช่วยเหลือสังคมไทยให้ดำเนินกิจการต่างๆ ไปได้ด้วยดี ผู้แทนสถาบันการศึกษา และประชาชนจากทุกจังหวัดทั่วประเทศ รวมจำนวนประมาณ 160,000 คน ที่ได้มาชุมนุมกันอยู่ ณ บริเวณศาลาดุสิดาลัย แห่งนี้ เพื่อร่วมอวยพรแก่ข้าพเจ้า เนื่องในโอกาสคล้ายวันเกิดปีที่ 77
ขณะนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และข้าพเจ้า พักอยู่ที่วังไกลกังวล หัวหิน ที่นั่นอากาศดี เหมาะแก่พระสุขภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ท่านสบายดีขึ้น ทรงพยายามออกพระกำลัง โดยทรงพระดำเนินที่เฉลียงทุกวัน ทำให้ทรงแข็งแรงขึ้น เพราะปีนี้ พระชนมายุจะ 82 แล้ว จะให้ทรงตรากตรำเดินทางไกล หรือตากแดดตากฝนทั้งวันเหมือนสมัยที่ทรงงานมาแล้วหลายสิบปีก่อนนั้นคงไม่ไหว
หลายสิบปีก่อนนี้ เสด็จฯไปเยี่ยมประชาชนทุกภาคของประเทศ ทรงขับรถเอง หนทางก็เรียกว่า กันดารไม่ใช่น้อย แต่พระองค์ท่านก็ยังทรงติดตามงานต่างๆ ตลอดเวลา โดยเฉพาะเรื่องฝน เรื่องปริมาณน้ำในเขื่อน ทรงห่วงประชาชนมาก เกรงว่าจะมีน้ำท่วมอีก ถ้าพอจะหาแนวทางอะไรช่วยป้องกันได้ ก็จะมีพระราชดำริให้เตรียมการกันเอาไว้ก่อน
ข้าพเจ้าเป็นพระราชินีมา 59 ปี ได้ตามเสด็จฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปเยี่ยมในทุกภูมิภาคของประเทศไทย ทำให้ได้เห็นว่าทรงงานอะไร อย่างไร และที่ไหนบ้าง และได้เห็นว่าทุกครั้งที่เสด็จฯ ไปเยี่ยมราษฎร จะทรงขับรถเอง และก็มีแผนที่อยู่ใกล้พระองค์เสมอ ทรงจะไปทุกหนทุกแห่ง พระองค์ท่านทำงานเกี่ยวกับเรื่องดิน และเรื่องน้ำ มาตลอดหลายสิบปี จนทรงกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญไปแล้ว
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีโครงการพระราชดำริมากกว่า 3,000 โครงการทั่วประเทศ ทรงมุ่งให้ราษฎรให้กินดีอยู่ดีขึ้นทุกภาค งานที่ทรงทำนี่ทำโดยไม่มีวันหยุดมาเกือบ 60 ปีแล้ว ทรงทำโดยไม่เบื่อหน่าย เพราะเป็นงานที่ทรงทำด้วยความรักที่มีต่อประชาชน ในห้องทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะมีแต่แผนที่ประเทศไทยทุกภาคเต็มไปหมดเพราะว่าโปรดเรื่องแผนที่มาก
พวกที่ลูกมากแล้วก็ยากจนนี่ ข้าพเจ้าก็ชวนเขามาที่ภาคกลาง มาอยู่ที่ในวังหลวง แล้วก็มาฝึกศิลปาชีพ การฝีมือต่างๆ การทำโลหะอะไรต่างๆ ซึ่งได้ผลดีมาก แล้วก็ขณะนี้ก็แสดงอยู่ที่พระที่นั่งอนันตสมาคม ข้าพเจ้าปลื้มใจมาก เพราะว่ามีเพื่อนต่างชาติไปดู แล้วเขาก็ชม ข้าพเจ้าก็คิดว่าเขาคงชมด้วยใจจริง เขาบอก นี่เป็นฝีมือหนึ่งของโลกนี่ จากเด็กที่ยากจน พ่อแม่มีลูก 8-9 คน ข้าพเจ้าก็จะเอามาครอบครัวละ 2 คน แล้วก็มาอยู่ที่ในวังหลวง พอเช้าขึ้นมาก็เอารถมารับมาที่โรงงาน ที่สวนจิตรลดา ฝึกงานต่างๆ และเดี๋ยวนี้พวกที่ยากจนที่สุด จบ ป.3 บางทีไม่จบประถม 4 เลย จบ ป.3 บางคนก็ไม่ได้เรียนเลย กลายเป็นคนที่เรียกว่า ชาวต่างชาติมาดูแล้วบอกว่า นี่ มือหนึ่งของโลก
ข้าพเจ้าได้รับเชิญจากเพื่อนว่า ขอให้ไปสหรัฐอเมริกาอีก ข้าพเจ้าก็คิดอยากจะไป ในรัฐสภาเขาจะพูดถึงว่า ประเทศไทยคนไทยเก่งมาก เป็นคนที่เก่ง และพระเจ้าแผ่นดินเป็นคนที่มีความสามารถ และพระราชินีของท่านกำลังจะมา เขาพูดกันในสภาว่า next a welcome her น่ารักมากคนอเมริกัน น่ารักจริงๆ ข้าพเจ้ายังปลื้มมาก คือ ไม่เคยคิดถ้าท่านยังสงสัยอยู่ให้ท่านไปที่พระที่นั่งอนันตสมาคม ไปดูผลงานที่คนไทยที่จบแค่ ป.3 หรือไม่ได้เรียนเลย ที่เขาสามารถประดิษฐ์อย่างแกะสลัก โหสวยงามเหลือเกิน ชิ้นเบ้อเร่อสวยงามมาก แกะสลักเป็น 3 ยุคด้วยกัน อยู่ไหนก็ไม่รู้ จรุงจิตต์จ๋า 3 ยุค 3 ยุคด้วยกัน แหมชื่อยาก” (ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ กล่าวว่า 4 ยุคค่ะ )
สมเด็จพระนางเจ้าฯ ทรงตรัสว่า “4 ยุคหรอ แค่ 3 ก็แย่แล้ว อันนี้เป็น ข้าพเจ้าไม่ได้รู้เอง พรรคพวกข้าพเจ้าไปอ่านมาว่า ข้อมูลจากหนังสือไตรภูมิ เทพฤๅษี และคนธรรพ์เฝ้าพระอิศวร อยากทราบว่า แก้ว 9 ประการเกิดขึ้นได้อย่างไร พระอิศวร บอกให้ไปถามพระฤๅษีชื่อ อังคต เพราะเป็นฤๅษีอายุยืนที่สุด ตั้งแต่สร้างโลกมา ฤๅษีอังคตเกิดในยุคกฤติยุค ยุคนี้ข้าพเจ้าเพิ่งทราบ และเพิ่งเคยได้ยินว่า กฤติยุคเป็นยุคที่บริบูรณ์ไปด้วยคุณงามความดี ที่ข้าพเจ้าต้องทราบเพราะว่า ชาวศิลปาชีพของข้าพเจ้าเอง เด็กที่เอามาตั้งแต่เล็กๆ เป็นผู้แกะสลักใช้เวลานานมากเลย แกะสลักยุคต่างๆ บนไม้สัก
ยุคที่ 2 ชื่อว่า ไตรดายุค เป็นยุคที่มีความดี 3 ส่วน ความไม่ดี 1 ส่วน ยุคที่ 3 ชื่อ ทวาปรยุค เป็นยุคที่ความดีและความไม่ดีเสมอกันครึ่งต่อครึ่ง พอมาถึงยุคนี้เป็นยุคที่ข้าพเจ้าอยู่ ใจหายใจคว่ำ ชื่อว่า กลียุค แหมไม่ค่อยดีเลยนะ กลียุค เป็นยุคที่มีความดีส่วนเดียว ความไม่ดี 3 ส่วน แล้วเขาบรรยายต่อไปว่า กลียุค คือ ยุคปัจจุบันที่พวกเรา ที่ข้าพเจ้ากับพวกท่านทั้งหลายอยู่ คือ กลียุค ต่อจากกลียุค เขาก็บอกจะเกิดไฟบรรลัยกัลป์ล้างโลก มีลมหอบ แผ่นดินไหว แผ่นดินแยก ข้าพเจ้าก็ไม่อยากรู้แล้วต่อไป เขาเขียนว่า ใครอยากรู้มากกว่านี้ให้อ่านจากหนังสือไตรภูมิพระร่วง แต่หวังว่าคงจะไม่เกิด
ผลงานศิลปาชีพ ถึงจะอยู่กลียุคก็ยังมีผลงานของศิลปาชีพ เป็นนักศิลปาชีพฝีมือ ที่ชาวต่างประเทศบอก ระดับ 1 ของโลก ก็ยังภูมิใจถึงจะอยู่ในกลียุคก็ตาม ดั่งที่ข้าพเจ้าได้นำภาพส่วนหนึ่งมาให้ท่านดู ให้ท่านทั้งหลายชม แล้วยังมีจัดแสดงอยู่ ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม ท่านที่ประสงค์จะชมของจริงยังไปชมได้ ทุกครั้งที่ข้าพเจ้ามีโอกาสได้ออกนอกประเทศ ข้าพเจ้าจะให้จับสลากกัน ให้คณะศิลปาชีพเด็กหนุ่มสาวของข้าพเจ้า จับสลากกัน แล้วให้ส่วนหนึ่งได้ตามเสด็จได้ ตอนที่ข้าพเจ้าได้รับเชิญจากประธานาธิบดีของฝรั่งเศส ให้ไปแสดงผลงานศิลปาชีพบนหอไอเฟล ข้าพเจ้ารู้สึกซาบซึ้งในประธานาธิบดีและมาดาม ที่ให้โอกาสศิลปาชีพได้ไปแสดงผลงานที่งดงามที่หอไอเฟล มียอดผู้เข้าชมทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติครั้งนั้น ประมาณ 150,000 คน แหม จัดข้างบนแล้วสวย และปลื้มใจ และก็ภรรยาประธานาธิบดีก็ไปจับมือกับเด็กศิลปาชีพที่ไปกับข้าพเจ้า จับมือทุกคน หลังจากได้ดูฝีมือการทำงานของเขา และไปจับมือทุกคนบนหอไอเฟลนั้น ทำให้ปลื้มมาก
ทีนี้ขอคุยอีกเรื่องหนึ่ง เรื่องโขน เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ก็ได้มีการจัดแสดงโขนชุดพรหมมาศ เรื่องโขน สมเด็จเจ้าฟ้า ลูกสาวข้าพเจ้า สมเด็จพระเทพฯ เป็นห่วงเหลือเกินว่า โขนไม่ค่อยแสดง เพราะเสื้อผ้าก็ทรุดโทรมเก่า ไม่ได้แสดงแล้ว ทั้งๆ ที่มีคนที่ฝีมือดีที่จะแสดงโขนได้ แต่ก็แสดงไม่ได้เนื่องจากเงินจำกัด แล้วเสื้อผ้าก็เก่า ก็พระราชทานสร้างชุดโขนขึ้นใหม่อีก แล้วก็มีการซ้อม พวกครูโขนที่เก่งต่างๆ ก็ซ้อมลูกศิษย์ แล้วก็แสดงให้ประชาชนดูเมื่อเร็วๆ นี้เอง
สมเด็จพระเทพฯ เล่าเป็นห่วงมากว่า โขนเป็นของที่วิเศษ อย่างที่อินโดนีเซียเขายังรักษาของเขาไว้ แต่ของเรานับวันเสื้อผ้ามันแพง นับวันจะไม่ได้แสดงก็กลัวว่าจะหายไปจากความนิยมของคนไทย ข้าพเจ้าก็ปรึกษากับอาจารย์สมิทธิ ศิริภัทร แล้วอาจารย์สมิทธิ ก็ไปรวบรวมผู้รู้หลายคน ศึกษาค้นคว้า จัดสร้างเครื่องแต่งกายของโขน หัวโขน เครื่องประดับต่างๆ คราวนี้งดงามมาก เครื่องแต่งกายโขนเมื่อสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้วสวยงามเหลือเกิน นับว่า คุ้มค่าในการรอคอยจริงๆ แสดงโขนเมื่อเร็วๆ นี้ ท่านทั้งหลายบางคนคงได้ชมแล้ว เห็นว่าประชาชนมาชมกันแน่นขนัด จนเพิ่มรอบการแสดงแล้วก็ยังไม่เพียงพอ ยังมีผู้ขอร้องให้จัดแสดงอีก น่ารักที่ลูกพาคนแก่ พ่อแม่หรือปู่ย่าตายายที่แก่ๆ ไปดูโขนที่ทำขึ้นใหม่ สำเร็จใหม่นี้ เห็นว่าสวยงามมากเลย อุปกรณ์การแสดงก็เรียบร้อย เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายชื่นใจ หายเหนื่อย เพราะได้รับคำชมจากประชาชนมากเลย เขามีรูปเสื้อผ้าโขนที่สร้างขึ้นใหม่
คราวนี้สบายหน่อย แหม เขาเขียนให้เป็นฉากๆ และคราวนี้ พระราชทานพันธุ์ข้าว ฤดูเพาะปลูกปีนี้ นายกสมาคมเครือข่ายสถาบันเกษตรกร จ.มหาสารคาม ก็แจ้งความเดือดร้อนมาว่า นาของเกษตรกร 1,500 ราย ในภาคอีสาน 19 จังหวัด ประสบอุทกภัยและโรคแมลง ทำให้ไม่มีข้าวพันธุ์ดีที่จะปลูกต่อไป ราษฎรจึงมีจดหมายมาขอข้าวพันธุ์ดีจากข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้ส่งเรื่องไปที่กรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งมีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบเรื่องพันธุ์ข้าวโดยตรง เขาจะได้เป็นธุระจัดหาพันธุ์ข้าวให้ กรมการข้าวได้จัดพันธุ์ข้าวปลูกอย่างดี เป็นข้าวเจ้า พันธุ์ข้าวขาวดอกมะลิ และข้าวเหนียวพันธุ์ กข.6 อย่างละครึ่ง รวม 75 ตัน มอบให้เกษตรกร เมื่อเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา
ข้าวเป็นอาหารหลักของคนไทยมาแต่โบราณ ข้าพเจ้าได้อ่านหนังสือนิวสวีก และไทม์ แมกกาซีน เขาพูดถึงข้าว ว่าข้าวเป็นอาหารที่ยอดเยี่ยมที่สุดของมนุษย์ เป็นแป้ง คาร์โบไฮเดรตที่อ้วนน้อยที่สุด เทียบกับขนมปัง เทียบกับสปาเก็ตตี้ เทียบกับเส้นอะไรต่างๆ ข้าวอ้วนน้อยที่สุด มีประโยชน์เหลือหลาย ส่วนที่มีประโยชน์จริงๆ อยู่ที่ผิวที่หุ้มเมล็ด ส่วนที่เมื่อกระเทาะเปลือกแข็งออกไปแล้วจะเห็นเป็นสีน้ำตาลกับจมูกข้าว ข้าพเจ้าเองก็เลยขอร้องพวกประชาชนที่เป็นสมาชิกศิลปาชีพ ให้ตำข้าวจากนาของเขามาถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กับข้าพเจ้า เขาก็จะตำและส่งมาให้ตลอด เพราะว่าฝรั่งเขียนว่า ข้าวนี่เป็นอาหารที่ยอดเยี่ยมที่สุด
ขอให้ทุกคนทราบเถอะว่า นิวสวีก เป็นหนังสือพิมพ์ของทั่วโลก และก็ไทม์ เขาบอกข้าวนี่ยอดเยี่ยมที่สุด มีวิตามิน บี 1 บี 2 มีธาตุเหล็ก มีแคลเซียม แล้วก็ที่น่าสนใจสำหรับผู้สูงวัยเช่นข้าพเจ้าเป็นต้น คือ มีสารที่ช่วยชะลอความเสื่อมของร่างกายด้วย ทุกคนกลับไปรับประทานข้าวเลยนะ เอาจริงๆ ก๋วยเตี๋ยว บะหมี่อะไรมันอ้วนอยู่ดีเหมือนกัน แต่ว่ามันมีประโยชน์น้อยกว่าข้าว นี่เป็นฝรั่งเขาพูดนะ
อีกเรื่องที่ข้าพเจ้าชื่นชมเหลือเกินที่ทราบข่าวดีมาว่า เยาวชนของเราเก่งอย่าง น.ส.นพวรรณ เลิศชีวกานต์ อายุ 17 จากเชียงใหม่ ได้รับรางวัลชนะเลิศ ในการแข่งขันเทนนิสวิมเบิลดัน 2009 ที่ประเทศอังกฤษ และทราบว่า เยาวชนจากโรงเรียนมัธยมหลายแห่ง ได้รับรางวัลเหรียญทอง เหรียญเงิน ในการแข่งขันโอลิมปิกวิชาการ แสดงให้ข้าพเจ้ามั่นใจ และปลื้มใจ และคิดว่าคนไทยทั้งประเทศคงปลื้มใจว่า คนไทยของเรานี่เก่ง เก่งจริงๆ ขอให้มีโอกาสในชีวิตเท่านั้น อย่างข้าพเจ้าได้เห็นตัวอย่างตัวเองแล้ว สมาชิกส่งเสริมศิลปาชีพที่จบแค่ ป.3 แล้วไม่ได้เรียนเลย ซึ่งบัดนี้ชาวต่างประเทศไปดูฝีมือที่พระที่นั่งอนันตสมาคมบอกว่า เป็นฝีมือ 1 ของโลกแห่งนี้ คนทีพูดเป็นคนที่มีชื่อเสียงระดับโลกด้วย ข้าพเจ้าก็คือว่าเมื่อไหร่ที่ได้โอกาสไปที่สหรัฐอเมริกาก็จะพาพวกเขาไป แล้วก็จะเอาฝีมือที่เขาทำไปแสดงให้คนไทยที่อเมริกาได้เห็นด้วย ว่านี่คือคนไทยของเรา
ในที่สุดนี้ ข้าพเจ้าขอขอบพระคุณทุกท่าน ซาบซึ้งในน้ำใจของทุกท่าน เป็นกำลังใจเหลือเกินที่ 77 ปี จะได้กำลังใจอย่างนี้ แล้วก็จะไปฉิวได้อีก แหมตัวเลขฟังเสียงแล้วน่ากลัว 77 ปี ขอขอบคุณนะคะ”
จากนั้น สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินกลับพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน