เริ่มคลี่คลายลงบ้างแล้ว กับสถานการณ์ความตึงเครียดทางการเมือง แต่ก็ยังต้องเจอพิษเศรษฐกิจต่อเนื่อง กระหน่ำซ้ำด้วยปัญหาโรคไข้หวัดใหญ่เม็กซิโก หรือไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่สถานการณ์ยังน่าเป็นห่วงไปทั่วโลก แม้ว่าจะยังไม่ลุกลามมาถึงเมืองไทยจนถึงขั้นต้องหวาดวิตกมากนัก แต่ก็ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไม่น้อย ทั้งการท่องเที่ยวและอาหารการกินที่ราคาสูงตามกระแสอุปสงค์อุปทาน
วันนี้เราจึงมีข้อมูลดีๆ มาฝาก รับสถานการณ์ความเครียด ด้วยการดูแลตัวเองบ้าง ในเรื่องใกล้ตัวอย่างอาหาร
สารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต หรือแป้งและน้ำตาล หนึ่งในห้าของหมู่อาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย มีส่วนช่วยให้ร่างกายมีความผ่อนคลายมากขึ้น เนื่องจากคาร์โบไฮเดรตเป็นอาหารที่ร่างกายนำไปสร้างสารที่ชื่อว่า เซโรโทนิน ร่วมกับวิตามินบี 6 ซึ่งหากระดับสารตัวนี้ในสมองลดต่ำลงจะทำให้นอนไม่หลับ ไม่กระฉับกระเฉง ขาดสมาธิและซึมเศร้าได้ ดังนั้นเมื่อระดับเซโรโทนินสูงขึ้นก็จะทำให้เกิดอารมณ์ผ่อนคลายมากขึ้น แต่สำหรับบางคนอาจทำให้เกิดอาการฉุนเฉียว อ่อนระโหยโรยแรงหรือหงุดหงิดได้ ซึ่งในเวลากลางคืนเซโรโทนินจะช่วยให้หลับง่ายขึ้น การกินอาหารโปรตีนร่วมด้วยจะช่วยป้องกันส่วนนี้ได้
“น้ำผึ้ง” เป็นทางเลือกหนึ่งที่หลายคนมองข้าม และน้อยครัวเรือนไทยจะเลือกใช้ประกอบอาหารแทนน้ำตาลตามท้องตลาดทั่วไป แต่คุณรู้หรือไม่ว่าน้ำผึ้งนั้นมีคุณประโยชน์มากกว่าที่คิด โดยน้ำผึ้งเป็นแหล่งของสารอาหารคาร์โบไฮเดรตที่สำคัญ เพราะถ้าหักปริมาณน้ำหรือความชื้นออกแล้ว ร้อยละ 95-99 ที่เหลือจะเป็นน้ำตาลชนิดต่าง ๆ ที่สำคัญต่อร่างกายคือ น้ำตาลเลวูโลส (ฟรักโทส) และเดกซ์โทรส (กลูโคส) ที่ผึ้งย่อยสลายจากน้ำตาลซูโครสในน้ำหวาน น้ำตาลทั้งสองชนิดซึ่งเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว ร่างกายสามารถดูดซึมไปสร้างพลังงานได้ทันที นอกจากนี้ ยังพบแร่ธาตุในน้ำผึ้ง ได้แก่ แคลเซียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม โซเดียม สังกะสี เหล็ก แมงกานีส ทองแดง ปริมาณแร่ธาตุต่าง ๆ ในน้ำผึ้งแม้จะมีไม่มากนัก แต่ก็อยู่ในสัดส่วนที่เหมาะสม การเติมน้ำผึ้งลงไปแทนน้ำตาลในอาหารชนิดต่าง ๆ ก็เป็นการเพิ่มปริมาณแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย และยังเป็นการเพิ่มคุณค่าทางอาหาร ซึ่งน้ำผึ้ง 100 กรัม ให้พลังงาน 303 แคลอรี
รวมไปถึงวิตามินในน้ำผึ้งอีกหลายชนิด ได้แก่ ไทอามีน (บี1) , ไรโบฟลาวิน (บี2) , กรดแอสคอร์บิก (วิตามินซี) , ไพริด็อกซิน (บี6) ซึ่งเป็นส่วนประกอบหนึ่งในการสร้างสารเซโรโทนิน ร่วมกับคาร์โบไฮเดรต , กรดแพนโทธินิก , กรดนิโคตินิก หรือที่เรียกรวมกลุ่มว่า วิตามินบีคอมเพล็กซ์ ปริมาณวิตามินในน้ำผึ้งแต่ละชนิดจะแตกต่างกันไปตามที่มาของน้ำผึ้ง
น้ำผึ้งที่ดีก็ควรจะมีความข้น และหนืดพอสมควร ซึ่งแสดงว่ามีน้ำน้อย ไม่ควรมีน้ำเกินร้อยละ 21 หากมีน้ำเจือปนมากกว่านั้น จะทำให้จุลินทรีย์สามารถเจริญเติบโตและทำลายคุณค่าของน้ำผึ้งได้ ควรมีสีตามธรรมชาติ ตั้งแต่สีเหลืองอ่อนถึงสีน้ำตาล ใส ไม่ขุ่นทึบ รวมถึงมีกลิ่นหอมของน้ำผึ้งและดอกไม้ตามแหล่งที่ได้มา ปกติพืชที่ใช้ผลิตน้ำผึ้งมีหลายชนิด ที่นิยมคือ ลำไย ลิ้นจี่ และสาบเสือ น้ำผึ้งลำไยนับเป็นน้ำผึ้งที่มีรสหอมหวานเป็นพิเศษเหนือกว่าน้ำผึ้งจากพรรณไม้อื่นทั้งหมด น้ำผึ้งยังต้องปราศจากกาก ไขผึ้ง หรือเศษตัวผึ้งปะปน รวมทั้งวัสดุต่างๆ แขวนลอยอยู่ ปราศจากลิ่น รส ที่น่ารังเกียจอื่นใด หรือกลิ่นบูดเปรี้ยว ไม่มีฟอง และที่สำคัญคือไม่มีการใส่สารปรุงแต่งสี กลิ่น รสใดๆ ลงในน้ำผึ้ง
ด้วยนานาสรรพคุณของน้ำผึ้งหยดน้อย จึงไม่แปลกที่น้ำผึ้งมีบทบาทกับมนุษย์เรามานาน ซึ่งนอกจากจะเป็นส่วนประกอบของอาหารในชีวิตประจำวันทั้งคาวหวานแล้ว ยังเป็นส่วนผสมของตำรับยาไทย ซึ่งมีส่วนช่วยให้ตัวยาออกฤทธิ์ได้เร็วขึ้น เช่นเดียวกับในตำรับยาจีนที่ใช้น้ำผึ้งเป็นยาบำรุงร่างกาย โดยเฉพาะลำไส้ ระบบขับถ่าย ลดความร้อนในร่างกาย บรรเทาอาการอ่อนเพลีย แล้วยังช่วยขับสารพิษออกจากร่างกายด้วย ยังจำได้ว่าสมัยเด็กๆ ผู้ใหญ่มักให้เราดื่มน้ำผึ้งผสมน้ำเวลาท้องเสียเพื่อให้ร่างกายกระชุ่มกระชวยขึ้นด้วย
นอกจากประโยชน์เรื่องปากท้องแล้ว ยังมีประโยชน์ด้านความสวยความงามเช่นกัน หากไม่เชื่อต้องลองย้อนไปถึงประวัติศาสตร์ของอารยธรรมอียิปต์ ที่ใช้น้ำผึ้งเป็นส่วนประกอบสำคัญ รวมกับสมุนไพรนานาชนิดในการทำมัมมี่(mummy) ด้วยการชโลมน้ำผึ้งลงบนร่างก่อนจะพันผ้าทับอย่างมิดชิด เพื่อรักษาสภาพร่างกายของผู้ที่จากโลกมนุษย์ไปแล้วให้คงอยู่ทนทาน ไม่เน่าสลาย ตามความเชื่อเรื่องชีวิตหลังความตายและการฟื้นคืนชีพ ซึ่งร่างมัมมี่นั้นก็ยังมีให้เห็นนับเป็นพันๆ ปี มาจนถึงปัจจุบัน (หรือนี่จะเป็นสาเหตุที่มาของคำว่า ‘สาวพันปี’ กันนะ?)
ทุกวันนี้เราจึงพบเห็นผลิตภัณฑ์เสริมความงามมากมายทั้งที่เป็นอาหารเสริม หรือจะเรียกว่าบำรุงจากภายใน และผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณหรือเส้นผมหลากหลายประเภท ทั้งคลีนซิ่ง , ครีม , เจล , เซรุ่มบำรุง , แชมพู และ คอนดิชันเนอร์ เนื่องจากน้ำผึ้งเป็นสารให้ความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ คือสามารถดึงและเก็บความชื้นไว้ได้ ทำให้ผิวหนังมีความอ่อนนุ่มและยืดหยุ่น จึงเหมาะที่จะเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้นต่างๆ แล้วยังเหมาะอย่างมากกับผลิตภัณฑ์สำหรับผิวบอบบางและผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก ที่ไวต่อสารเคมี หรือเครื่องสำอาง ดังนั้น ส่วนประกอบที่มาจากธรรมชาติจึงเป็นทางเลือกที่ดีอีกทางหนึ่ง
น้ำผึ้งยังมีสารแอนติออกซิแดนต์ ซึ่งมีบทบาทในการปกป้องผิวหนังจากการทำลายของแสงยูวี และช่วยในการเสริมสร้างเซลล์ผิวหนังใหม่ทดแทนเซลล์เก่า ให้ผิวของคุณเปล่งปลั่ง นวลเนียลดุจสีน้ำผึ้ง โอกาสหน้าลองเลือกครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของน้ำผึ้งมาใช้บ้าง ก็คงจะอินเทรนด์รับโลกร้อน สู้แดดเกรียมผิวในตอนกลางวันได้เหมาะเหม็งทีเดียว แถมยังตรงคอนเซ็ปต์ยุคประหยัดอีกด้วย เพราะน้ำผึ้งใหม่ๆ สักขวด ราคาถูกกว่าเครื่องสำอางทั่วไปเป็นไหนๆ
อย่างไรก็ตาม การจะมีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี สวนกระแสความวุ่นวายของปัญหาต่างๆ ที่รุมเร้าอยู่ตลอดเวลา การได้พักผ่อนหลับนอนเพียงพอ และการออกกำลังกายอย่างพอเหมาะตามเพศและวัยก็จำเป็นเช่นกัน ไม่ใช่ว่าอ่านเรื่องนี้แล้ว เห็นน้ำผึ้งดีมีประโยชน์ก็กินๆๆ ทาๆๆ แต่น้ำผึ้งนะคะ หรือเลือกที่จะออกไปเที่ยวพักผ่อนในช่วงวันหยุด ช่วยเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของชาติก็ได้ เติมแรงกายแรงใจให้เต็มที่ พร้อมรับวันใหม่อีกครั้งค่ะ
ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก http://www.thailanna.co.th/