ASTVผู้จัดการรายวัน - บ้านปู กวาดกำไรไตรมาส 2 ปีนี้เกือบ4พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 73% จากปี 51 ผลดีจากกำไรขั้นต้นสูงเกือบ 2 พันล้าน บันทึกส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม 3,011 ล้านบาท ขณะที่ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยการผลิตลดลง ส่งผลให้ต้นทุนขายรวมลดลงผลดีจากต้นทุนผันแปรในส่วนราคาน้ำมันดีเซลปรับลด
นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) (BANPU ) แจ้งผลงานไตรมาส 2 ปีนี้พบมีกำไรสุทธิ 3,982.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,298.76 ล้านบาท หรือกำไรเพิ่มขึ้น 1,683.35 ล้านบาท คิดเป็น 73.22% ผลจากกำไรขั้นต้นรวม 6,501 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,921 ล้านบาทคิดเป็น 42% โดยไตรมาสนี้บริษัทได้บันทึก EBITDA รวมเป็น 6,833 ล้านบาท ซึ่งลดลง 3% จากไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่ราคาขายถ่านหินที่สูงขึ้นของเหมืองในสาธารณรัฐอินโดนีเซีย
นอกจากนี้ ธุรกิจถ่านหินในสาธารณรัฐประชาชนจีนยังคงรายงานผลการดำเนินงานที่ดี โดยส่วนแบ่งกำไร จากเหมืองเฮ่อปี้และกลุ่ม AACI สะท้อนถึงปริมาณการผลิตที่สูงขึ้นที่มีส่วนช่วยให้ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยลดลง ในขณะเดียวกันราคาขายถ่านหินของตลาดในประเทศยังอยู่ในระดับที่ดี ในส่วนของธุรกิจไฟฟ้านั้น โรงไฟฟ้า BLCP มีปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้าในระดับที่ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้า และการบันทึกกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 268 ล้านบาท ที่สำคัญบริษัทยังบันทึกส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม 3,011 ล้านบาท เป็นการรับรู้ผลกำไรของธุรกิจไฟฟ้าในประเทศ 1,249 ล้านบาท ซึ่งรวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 268 ล้านบาทและรับรู้ผลกำไรของธุรกิจถ่านหินในสาธารณรัฐประชาชนจีน 1,762 ล้านบาท
ส่วนปริมาณขายถ่านหินไตรมาสนี้ใกล้เคียงปี 51 ที่ 4.51 ล้านตัน แต่ได้ได้ปรับสูงขึ้น10 % จากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากการขนถ่ายถ่านหินได้กลับมาดำเนินการตามปกติหลังจากที่ได้หยุดซ่อมบำรุงที่ท่าเรือบอนตังเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์เมื่อไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้ปริมาณการผลิตในครึ่งปีหลังปรับตัวสูงขึ้น แม้ราคาขายถ่านหินเฉลี่ย 73.89 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตันลดลง เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งราคาขายปรับลดสะท้อนถึงสภาวะราคาตลาดที่อ่อนตัวลงในช่วงครึ่งหลังของปี51 แต่ปริมาณการผลิตถ่านหินเพิ่มขึ้น ส่งผลต้นทุนต่อหน่วยผลิตต่ำลง แม้ราคาดีเซลสูงขึ้น
โดยไตรมาสนี้ บริษัทมีรายได้จากการขายรวม 12,932 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 1,865 ล้านบาท คิดเป็น 17 % จากปริมาณและราคาขายถ่านหินที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนต้นทุนขายรวมลดลง อันเป็นผลจากต้นทุนผันแปรในส่วนราคาน้ำมันดีเซลปรับลด
นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) (BANPU ) แจ้งผลงานไตรมาส 2 ปีนี้พบมีกำไรสุทธิ 3,982.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,298.76 ล้านบาท หรือกำไรเพิ่มขึ้น 1,683.35 ล้านบาท คิดเป็น 73.22% ผลจากกำไรขั้นต้นรวม 6,501 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,921 ล้านบาทคิดเป็น 42% โดยไตรมาสนี้บริษัทได้บันทึก EBITDA รวมเป็น 6,833 ล้านบาท ซึ่งลดลง 3% จากไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่ราคาขายถ่านหินที่สูงขึ้นของเหมืองในสาธารณรัฐอินโดนีเซีย
นอกจากนี้ ธุรกิจถ่านหินในสาธารณรัฐประชาชนจีนยังคงรายงานผลการดำเนินงานที่ดี โดยส่วนแบ่งกำไร จากเหมืองเฮ่อปี้และกลุ่ม AACI สะท้อนถึงปริมาณการผลิตที่สูงขึ้นที่มีส่วนช่วยให้ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยลดลง ในขณะเดียวกันราคาขายถ่านหินของตลาดในประเทศยังอยู่ในระดับที่ดี ในส่วนของธุรกิจไฟฟ้านั้น โรงไฟฟ้า BLCP มีปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้าในระดับที่ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้า และการบันทึกกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 268 ล้านบาท ที่สำคัญบริษัทยังบันทึกส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม 3,011 ล้านบาท เป็นการรับรู้ผลกำไรของธุรกิจไฟฟ้าในประเทศ 1,249 ล้านบาท ซึ่งรวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 268 ล้านบาทและรับรู้ผลกำไรของธุรกิจถ่านหินในสาธารณรัฐประชาชนจีน 1,762 ล้านบาท
ส่วนปริมาณขายถ่านหินไตรมาสนี้ใกล้เคียงปี 51 ที่ 4.51 ล้านตัน แต่ได้ได้ปรับสูงขึ้น10 % จากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากการขนถ่ายถ่านหินได้กลับมาดำเนินการตามปกติหลังจากที่ได้หยุดซ่อมบำรุงที่ท่าเรือบอนตังเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์เมื่อไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้ปริมาณการผลิตในครึ่งปีหลังปรับตัวสูงขึ้น แม้ราคาขายถ่านหินเฉลี่ย 73.89 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตันลดลง เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งราคาขายปรับลดสะท้อนถึงสภาวะราคาตลาดที่อ่อนตัวลงในช่วงครึ่งหลังของปี51 แต่ปริมาณการผลิตถ่านหินเพิ่มขึ้น ส่งผลต้นทุนต่อหน่วยผลิตต่ำลง แม้ราคาดีเซลสูงขึ้น
โดยไตรมาสนี้ บริษัทมีรายได้จากการขายรวม 12,932 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 1,865 ล้านบาท คิดเป็น 17 % จากปริมาณและราคาขายถ่านหินที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนต้นทุนขายรวมลดลง อันเป็นผลจากต้นทุนผันแปรในส่วนราคาน้ำมันดีเซลปรับลด