เอเอฟพี-นิวยอร์กไทม์สรายงานเมื่อวันเสาร์(8)ว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จะกลายเป็นความท้าทายทางยุทธศาสตร์ ทำให้กองทัพสหรัฐฯต้องเข้าแทรกแซงหลายพื้นที่ทั่วโลก เพื่อรับมือผลกระทบจากพายุที่รุนแรง ความแห้งแล้ง โรคระบาด และคลื่นผู้อพยพ
นิวยอร์กไทม์สระบุว่าผู้เชี่ยวชาญกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ และหน่วยข่าวกรองต่างๆ เริ่มให้ความสนใจการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่เริ่มมีผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติมากขึ้น หลังผลการศึกษาด้านข่าวกรอง และข้อมูลจากการซ้อมรบของกองทัพสหรัฐฯเมื่อไม่นานนี้ได้ข้อสรุปว่าใน20-30ปีข้างหน้าหลายภูมิภาคเช่น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียใต้ ตะวันออกกลางและแอฟริกาแถบทะเลทรายซาฮาราจะเกิดการขาดแคลนอาหารและน้ำและมีน้ำท่วมครั้งใหญ่ ซึ่งทำให้สหรัฐฯต้องจัดสรรความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมหรือส่งกองทัพไปช่วยเหลือพื้นที่ต่างๆทั่วโลกมากยิ่งขึ้น
นิวยอร์กไทม์สยังระบุว่าผู้เชี่ยวชาญของสหรัฐฯ กำลังหาทางรับมือระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นและภัยจากคลื่นพายุซัดฝั่งหรือ"สตอร์ม เซิร์จ" เนื่องจากพบว่าอาจกลายเป็นปัญหาใหม่ที่สร้างความเสียหายให้ฐานทัพเรือสหรัฐฯหลายแห่งเช่นฐานทัพเรือนอร์ฟอล์ก มลรัฐเวอร์จิเนีย และฐานทัพเรือในซาน ดิเอโก แคลิฟอร์เนีย รวมทั้ง ฐานทัพเรือที่เกาะดิเอโก การ์เซียในมหาสมุทรอินเดียเช่นกัน
นิวยอร์กไทม์สระบุว่าผู้เชี่ยวชาญกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ และหน่วยข่าวกรองต่างๆ เริ่มให้ความสนใจการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่เริ่มมีผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติมากขึ้น หลังผลการศึกษาด้านข่าวกรอง และข้อมูลจากการซ้อมรบของกองทัพสหรัฐฯเมื่อไม่นานนี้ได้ข้อสรุปว่าใน20-30ปีข้างหน้าหลายภูมิภาคเช่น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียใต้ ตะวันออกกลางและแอฟริกาแถบทะเลทรายซาฮาราจะเกิดการขาดแคลนอาหารและน้ำและมีน้ำท่วมครั้งใหญ่ ซึ่งทำให้สหรัฐฯต้องจัดสรรความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมหรือส่งกองทัพไปช่วยเหลือพื้นที่ต่างๆทั่วโลกมากยิ่งขึ้น
นิวยอร์กไทม์สยังระบุว่าผู้เชี่ยวชาญของสหรัฐฯ กำลังหาทางรับมือระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นและภัยจากคลื่นพายุซัดฝั่งหรือ"สตอร์ม เซิร์จ" เนื่องจากพบว่าอาจกลายเป็นปัญหาใหม่ที่สร้างความเสียหายให้ฐานทัพเรือสหรัฐฯหลายแห่งเช่นฐานทัพเรือนอร์ฟอล์ก มลรัฐเวอร์จิเนีย และฐานทัพเรือในซาน ดิเอโก แคลิฟอร์เนีย รวมทั้ง ฐานทัพเรือที่เกาะดิเอโก การ์เซียในมหาสมุทรอินเดียเช่นกัน