ASTVผู้จัดการรายวัน-บีโอไอเผยยอดขอส่งเสริมลงทุน 7 เดือนแรกมูลค่าวูบ 5.3%
รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.ค.) มีจำนวน 588 ราย ลดลง 19.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีจำนวน 701 ราย ขณะเดียวกันมูลค่าการลงทุนในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 222,300 ล้านบาท ลดลง 5.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีมูลค่าการลงทุนรวม 234,700 ล้านบาท โดยจำนวนการจ้างงานอยู่ที่ 49,584 คน ลดลง 53.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีจำนวน 106,628 ราย ส่วนยอดอนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุนในช่วง 7 เดือนแรกปีนี้ มีทั้งสิ้น 482 ราย ลดลง 38.17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มี 666 ราย คิดเป็นเงินลงทุน 115,300 ล้านบาท มีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 15,300 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในส่วนของเงินทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 43,500 ล้านบาท ลดลง 10.57% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ 48,100 ล้านบาท โดยเป็นทุนจดทะเบียนต่างชาติ 11,800 ล้านบาท ลดลง 129% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ 27,100 ล้านบาท ส่วนทุนจดทะเบียนไทยอยู่ที่ 31,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.75% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ 21,000 ล้านบาท สำหรับประเทศที่ยื่นขอลงทุนสูงสุด ได้แก่ ญี่ปุ่น รองรองลงมา คือ ยุโรป อเมริกา สิงคโปร์ ไต้หวัน และฮ่องกง โดยลงทุนในธุรกิจบริการและสาธารณูปโภค ธุรกิจด้านเกษตรกรรมและผลผลิตจากการเกษตร อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า
รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.ค.) มีจำนวน 588 ราย ลดลง 19.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีจำนวน 701 ราย ขณะเดียวกันมูลค่าการลงทุนในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 222,300 ล้านบาท ลดลง 5.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีมูลค่าการลงทุนรวม 234,700 ล้านบาท โดยจำนวนการจ้างงานอยู่ที่ 49,584 คน ลดลง 53.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีจำนวน 106,628 ราย ส่วนยอดอนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุนในช่วง 7 เดือนแรกปีนี้ มีทั้งสิ้น 482 ราย ลดลง 38.17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มี 666 ราย คิดเป็นเงินลงทุน 115,300 ล้านบาท มีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 15,300 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในส่วนของเงินทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 43,500 ล้านบาท ลดลง 10.57% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ 48,100 ล้านบาท โดยเป็นทุนจดทะเบียนต่างชาติ 11,800 ล้านบาท ลดลง 129% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ 27,100 ล้านบาท ส่วนทุนจดทะเบียนไทยอยู่ที่ 31,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.75% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ 21,000 ล้านบาท สำหรับประเทศที่ยื่นขอลงทุนสูงสุด ได้แก่ ญี่ปุ่น รองรองลงมา คือ ยุโรป อเมริกา สิงคโปร์ ไต้หวัน และฮ่องกง โดยลงทุนในธุรกิจบริการและสาธารณูปโภค ธุรกิจด้านเกษตรกรรมและผลผลิตจากการเกษตร อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า
