วานนี้ (6ส.ค.) สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานคำขวัญวันแม่แห่งชาติ ปี 2552 เพื่ออัญเชิญลงหนังสือวันแม่แห่งชาติปี 2552 ของสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ความว่า "แผ่นดินนี้ปู่ย่าตายายสร้าง เคยทอดร่างลงถมถิ่นแผ่นดินแม่ ขอลูกไทยรักษามั่นไม่ผันแปร เป็นไทยแท้มิใช่ไทยแต่ในนาม"
วันเดียวกันนี้ นายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีมอบโล่เกียรติคุณแก่บุคคล หน่วยงาน และโครงการดีเด่นของชาติ ครั้งที่ 19 ประจำปี 2551 จำนวน 8 ราย จัดโดย สำนักงานเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
พ.ท.กมล ประจวบเหมาะ ประธานอนุกรรมการคัดเลือกและเผยแพร่ผลงานดีเด่นของชาติ กล่าวว่า คณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการคัดเลือกและเผยแพร่ผลงานดีเด่นของชาติ เพื่อทำหน้าที่พิจารณา คัดเลือกบุคคล หน่วยงานและโครงการต่างๆ ทั่วประเทศ ที่มีผลงานดีเด่นเป็นประโยชน์ต่อสังคม และประเทศชาติโดยส่วนรวม แล้วนำมาประกาศเกียรติคุณยกย่องเชิดชู เพื่อเป็นการส่งเสริมและให้กำลังใจ อีกทั้งเพื่อให้ผลงานเป็นที่ปรากฎต่อสังคม โดยมุ่งหวังให้บุคคลและหน่วยงานต่างๆ ได้ยึดถือปฏิบัติเป็นแบบอย่าง
ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการฯ ได้เริ่มทำการคัดเลือกบุคคลฯ มาตั้งแต่ปี 2527 มีผู้ได้รับรางวัลไปแล้วรวม 187 ราย และในปี2551 อีก 8 ราย รวมทั้งสิ้น195 ราย
ประเภทบุคคลดีเด่นของชาติ มี 4 รายคือ 1. สาขาพัฒนาสังคม ได้แก่ ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์ 2. สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ด้านวิศวกรรมการคำนวณ) ได้แก่ ศาสตราจารย์ ดร.ปราโมทย์ เดชะอำไพ 3. สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ด้านจักษุวิทยา) ได้แก่ นพ.ปานเนตร ปางพุฒิพงศ์ และ 4. สาขาเผยแพร่เกียรติภูมิของไทย ได้แก่ นายวีรธรรม ตระกูลเงินไทย
ประเภทหน่วยงานดีเด่นของชาติ มี 3 ราย คือ 1. สาขาพัฒนาเศรษฐกิจ ได้แก่ บริษัท ชุมพรคาบาน่า จำกัด 2. สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้แก่ บริษัท ไอ.ที.ซี (1993) จำกัด 3. สาขาเผยแพร่เกียรติภูมิของไทยได้แก่ วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ประเภทโครงการดีเด่นของชาติ มี 1 ราย คือ สาขาพัฒนาสังคม ได้แก่ โครงการรักษ์ช้าง สร้างป่า พัฒนาคน ของมูลนิธิหมู่บ้านช้าง การบินไทยสุรินทร์
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัจจัยหนึ่ง ที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าคือการที่สังคมมีบุคคล หน่วยงานที่ได้ประกอบคุณงามความดี เสียสละ และทุ่มเทการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความมุ่งมั่น เพื่อสร้างสรรค์คุณประโยชน์ต่อส่วนรวม และมีโครงการที่เป็นประโยชน์จำนวนมาก
ดังนั้นจำเป็นต้องให้กำลังใจแก่คนที่ทำดี เพื่อให้มีคนที่ทำงานเพื่อส่วนรวมมากขึ้น แม้ทราบดีว่าคนที่ทำดีส่วนใหญ่มักทำดีด้วยใจ และไม่ได้ต้องการผลตอบแทน แต่การยกย่องส่งเสริมคนดีอย่างเป็นรูปธรรม ถือเป็นเรื่องสำคัญ ที่จะเป็นแรงจูงใจทำให้คนทำความดีได้มีพลังที่จะทำดีกันมากขึ้น เป็นเรื่องน่าเสียดาย ที่สังคมไทยยังไม่มีกระบวนการส่งเสริมให้คนทำความดี ที่มีความเข้มแข็ง ส่วนใหญ่จะมอบรางวัลให้แก่ผู้ที่ประสบความสำเร็จมาแล้ว จึงเห็นว่า ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรที่จะร่วมกันพิจารณา เพื่อหาทางทำให้เกิดระบบหรือกระบวนการยกย่องส่งเสริมคนที่ทำความดีให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
วันเดียวกันนี้ นายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีมอบโล่เกียรติคุณแก่บุคคล หน่วยงาน และโครงการดีเด่นของชาติ ครั้งที่ 19 ประจำปี 2551 จำนวน 8 ราย จัดโดย สำนักงานเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
พ.ท.กมล ประจวบเหมาะ ประธานอนุกรรมการคัดเลือกและเผยแพร่ผลงานดีเด่นของชาติ กล่าวว่า คณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการคัดเลือกและเผยแพร่ผลงานดีเด่นของชาติ เพื่อทำหน้าที่พิจารณา คัดเลือกบุคคล หน่วยงานและโครงการต่างๆ ทั่วประเทศ ที่มีผลงานดีเด่นเป็นประโยชน์ต่อสังคม และประเทศชาติโดยส่วนรวม แล้วนำมาประกาศเกียรติคุณยกย่องเชิดชู เพื่อเป็นการส่งเสริมและให้กำลังใจ อีกทั้งเพื่อให้ผลงานเป็นที่ปรากฎต่อสังคม โดยมุ่งหวังให้บุคคลและหน่วยงานต่างๆ ได้ยึดถือปฏิบัติเป็นแบบอย่าง
ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการฯ ได้เริ่มทำการคัดเลือกบุคคลฯ มาตั้งแต่ปี 2527 มีผู้ได้รับรางวัลไปแล้วรวม 187 ราย และในปี2551 อีก 8 ราย รวมทั้งสิ้น195 ราย
ประเภทบุคคลดีเด่นของชาติ มี 4 รายคือ 1. สาขาพัฒนาสังคม ได้แก่ ดร.กฤษณา ไกรสินธุ์ 2. สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ด้านวิศวกรรมการคำนวณ) ได้แก่ ศาสตราจารย์ ดร.ปราโมทย์ เดชะอำไพ 3. สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ด้านจักษุวิทยา) ได้แก่ นพ.ปานเนตร ปางพุฒิพงศ์ และ 4. สาขาเผยแพร่เกียรติภูมิของไทย ได้แก่ นายวีรธรรม ตระกูลเงินไทย
ประเภทหน่วยงานดีเด่นของชาติ มี 3 ราย คือ 1. สาขาพัฒนาเศรษฐกิจ ได้แก่ บริษัท ชุมพรคาบาน่า จำกัด 2. สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้แก่ บริษัท ไอ.ที.ซี (1993) จำกัด 3. สาขาเผยแพร่เกียรติภูมิของไทยได้แก่ วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ประเภทโครงการดีเด่นของชาติ มี 1 ราย คือ สาขาพัฒนาสังคม ได้แก่ โครงการรักษ์ช้าง สร้างป่า พัฒนาคน ของมูลนิธิหมู่บ้านช้าง การบินไทยสุรินทร์
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัจจัยหนึ่ง ที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าคือการที่สังคมมีบุคคล หน่วยงานที่ได้ประกอบคุณงามความดี เสียสละ และทุ่มเทการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความมุ่งมั่น เพื่อสร้างสรรค์คุณประโยชน์ต่อส่วนรวม และมีโครงการที่เป็นประโยชน์จำนวนมาก
ดังนั้นจำเป็นต้องให้กำลังใจแก่คนที่ทำดี เพื่อให้มีคนที่ทำงานเพื่อส่วนรวมมากขึ้น แม้ทราบดีว่าคนที่ทำดีส่วนใหญ่มักทำดีด้วยใจ และไม่ได้ต้องการผลตอบแทน แต่การยกย่องส่งเสริมคนดีอย่างเป็นรูปธรรม ถือเป็นเรื่องสำคัญ ที่จะเป็นแรงจูงใจทำให้คนทำความดีได้มีพลังที่จะทำดีกันมากขึ้น เป็นเรื่องน่าเสียดาย ที่สังคมไทยยังไม่มีกระบวนการส่งเสริมให้คนทำความดี ที่มีความเข้มแข็ง ส่วนใหญ่จะมอบรางวัลให้แก่ผู้ที่ประสบความสำเร็จมาแล้ว จึงเห็นว่า ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรที่จะร่วมกันพิจารณา เพื่อหาทางทำให้เกิดระบบหรือกระบวนการยกย่องส่งเสริมคนที่ทำความดีให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น