ASTVผู้จัดการรายวัน- “ชาร์ป” โฟกัสธุรกิจถูกทาง จับเทรนด์เพื่อสุขภาพ สวนกระแสตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าขาลง หลังต้านพิษเศรษฐกิจไม่ไหว ปีนี้ชูเครื่องฟอกอากาศ และเครื่องพ่นอากาศ ฝ่ามรสุมเชื้อไข้หวัดระบาด มั่นใจสิ้นปีสินค้ากลุ่ม คอนซูเมอร์ อิเล็กโทรนิกส์ กู้ด แตะ 4,000 ล้านบาท โต 30%
นายทัตซิยะ มิยากิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาร์ป ไทย จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่ตนเข้ามารับตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. ที่ผ่านมา ได้วางวิชั่นส์การทำงานผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ ชาร์ป ไปสู่เรื่องของสุขภาพและสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น ตามนโยบายของชาร์ปในระดับโกลบอล เนื่องจากชาร์ปเล็งเห็นถึงสถานการณ์ของโลกว่า สิ่งแวดล้อมถูกทำลายไปมาก เรื่องของสุขภาพน่าจะเป็นเรื่องที่คนจะหันมาใส่ใจมากขึ้นแทน ดังนั้นทิศทางการดำเนินธุรกิจของชาร์ป หลังจากนี้จะมุ่งเรื่องของสุขภาพ มากกว่าการเป็นเพียงผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าเท่านั้น
อย่างไรก็ตามนโยบายเรื่องสุขภาพและสิ่งแวดล้อมนี้ ได้เริ่มมาได้ประมาณ 1-2 ปีแล้ว ซึ่งมองว่าเป็นทิศทางการดำเนินธุรกิจที่ดีและมาถูกทาง กล่าวคือในภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย แต่สำหรับชาร์ป ยังมีอัตราการเติบโตที่สวนกระแสอยู่ โดยเฉพาะชาร์ปในประเทศญี่ปุ่น ที่มีธุรกิจกว่า 5 กลุ่ม เช่น สินค้าเพื่อสุขภาพ, ภาพและเสียง, คอมมูนิเคชั่น เช่น มือถือ, โซล่า เซล พลังงานแสงอาทิตย์ พบว่าภาพรวมรายได้ยังเติบโตได้ดี
สำหรับประเทศไทย รายได้ตั้งแต่ม.ค.-มิ.ย. ที่ผ่านมา พบว่า เติบโตขึ้นถึง 10% คิดเป็นมูลค่ารวมได้กว่า 1,600 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้เฉพาะสินค้าในกลุ่มคอนซูเมอร์อิเล็กโทรนิกส์ กู้ด เท่านั้น ซึ่งกลุ่มนี้แบ่งเป็น 3 หมวดหลัก คือ 1.กลุ่มเอวี หรือกลุ่มภาพและเสียงอย่าง แอลซีดีทีวี 40% 2.กลุ่มเอชเอ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เช่น ตู้เย็น
เครื่องปรับอากาศ 46-47% และ3.กลุ่มโอเอ หรือกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าสำนักงาน ประมาณ 10% ซึ่งใน 1,600 ล้านบาทนี้ เป็นรายได้จากสินค้านวัตกรรมใหม่เพื่อนสุขภาพถึง 27% โดยเฉพาะยอดขายที่มาจากเครื่องฟอกอากาศ
การเติบโตที่เกิดขึ้นมาจากกลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพที่ตลาดมีความต้องการมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะ เครื่องฟอกอากาศ ช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาบริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้น 3 เท่าตัว จากปกติ ต่อเดือนจะขายได้ประมาณ 500 เรื่อง จากกระแสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ระบาด ทำให้ผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น รวมถึงการเปิดตัวสินค้านวัตกรรมใหม่ เครื่องพ่นอนุภาคพลาสม่า คลัสเตอร์ มุ่งเจาะตลาดองค์กร อย่างโรงพยาบาล เป็นหลัก และกลุ่มโรงเรียนต่างๆ ซึ่งนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น
ในครึ่งปีหลังเตรียมเปิดตัวสินค้านวัตกรรมเพื่อสุขภาพอีกหลายตัว ทั้ง ตู้เย็นมาพร้อมเทคโนโลยีพลาสม่า ในการฆ่าเชื้อโรค ซึ่งจะเปิดตัวแบบครบไลน์ และเตาอบไมโครเวฟระบบไอน้ำ และรวมถึงแอลซีดีทีวี ที่จะเปิดตัวให้ครบไลน์มากยิ่งขึ้น เช่นกัน หลังจากที่ญี่ปุ่นได้เพิ่มโรงงานแห่งที่3ในการผลิตจอภาพแอลซีดีเมื่อเร็วๆนี้ ด้วยเม็ดเงินกว่า 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
โดยปีนี้จะใช้งบการตลาดรวม 7% ของยอดขาย คาดรายได้เติบโต 30% หรือคาดว่าจะมีรายได้ที่ 4,000 ล้านบาท มาจากสินค้าเพื่อสุขภาพถึง 50% คือ เครื่องฟอกอากาศ เครื่องพ่นอากาศ เครื่องปรับอากาศ และเตาไมโครเวฟ และอีก50% มาจากสินค้าอื่นๆที่เหลือ
นายทัตซิยะ มิยากิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาร์ป ไทย จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่ตนเข้ามารับตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. ที่ผ่านมา ได้วางวิชั่นส์การทำงานผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ ชาร์ป ไปสู่เรื่องของสุขภาพและสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น ตามนโยบายของชาร์ปในระดับโกลบอล เนื่องจากชาร์ปเล็งเห็นถึงสถานการณ์ของโลกว่า สิ่งแวดล้อมถูกทำลายไปมาก เรื่องของสุขภาพน่าจะเป็นเรื่องที่คนจะหันมาใส่ใจมากขึ้นแทน ดังนั้นทิศทางการดำเนินธุรกิจของชาร์ป หลังจากนี้จะมุ่งเรื่องของสุขภาพ มากกว่าการเป็นเพียงผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าเท่านั้น
อย่างไรก็ตามนโยบายเรื่องสุขภาพและสิ่งแวดล้อมนี้ ได้เริ่มมาได้ประมาณ 1-2 ปีแล้ว ซึ่งมองว่าเป็นทิศทางการดำเนินธุรกิจที่ดีและมาถูกทาง กล่าวคือในภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย แต่สำหรับชาร์ป ยังมีอัตราการเติบโตที่สวนกระแสอยู่ โดยเฉพาะชาร์ปในประเทศญี่ปุ่น ที่มีธุรกิจกว่า 5 กลุ่ม เช่น สินค้าเพื่อสุขภาพ, ภาพและเสียง, คอมมูนิเคชั่น เช่น มือถือ, โซล่า เซล พลังงานแสงอาทิตย์ พบว่าภาพรวมรายได้ยังเติบโตได้ดี
สำหรับประเทศไทย รายได้ตั้งแต่ม.ค.-มิ.ย. ที่ผ่านมา พบว่า เติบโตขึ้นถึง 10% คิดเป็นมูลค่ารวมได้กว่า 1,600 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้เฉพาะสินค้าในกลุ่มคอนซูเมอร์อิเล็กโทรนิกส์ กู้ด เท่านั้น ซึ่งกลุ่มนี้แบ่งเป็น 3 หมวดหลัก คือ 1.กลุ่มเอวี หรือกลุ่มภาพและเสียงอย่าง แอลซีดีทีวี 40% 2.กลุ่มเอชเอ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เช่น ตู้เย็น
เครื่องปรับอากาศ 46-47% และ3.กลุ่มโอเอ หรือกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าสำนักงาน ประมาณ 10% ซึ่งใน 1,600 ล้านบาทนี้ เป็นรายได้จากสินค้านวัตกรรมใหม่เพื่อนสุขภาพถึง 27% โดยเฉพาะยอดขายที่มาจากเครื่องฟอกอากาศ
การเติบโตที่เกิดขึ้นมาจากกลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพที่ตลาดมีความต้องการมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะ เครื่องฟอกอากาศ ช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาบริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้น 3 เท่าตัว จากปกติ ต่อเดือนจะขายได้ประมาณ 500 เรื่อง จากกระแสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ระบาด ทำให้ผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น รวมถึงการเปิดตัวสินค้านวัตกรรมใหม่ เครื่องพ่นอนุภาคพลาสม่า คลัสเตอร์ มุ่งเจาะตลาดองค์กร อย่างโรงพยาบาล เป็นหลัก และกลุ่มโรงเรียนต่างๆ ซึ่งนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น
ในครึ่งปีหลังเตรียมเปิดตัวสินค้านวัตกรรมเพื่อสุขภาพอีกหลายตัว ทั้ง ตู้เย็นมาพร้อมเทคโนโลยีพลาสม่า ในการฆ่าเชื้อโรค ซึ่งจะเปิดตัวแบบครบไลน์ และเตาอบไมโครเวฟระบบไอน้ำ และรวมถึงแอลซีดีทีวี ที่จะเปิดตัวให้ครบไลน์มากยิ่งขึ้น เช่นกัน หลังจากที่ญี่ปุ่นได้เพิ่มโรงงานแห่งที่3ในการผลิตจอภาพแอลซีดีเมื่อเร็วๆนี้ ด้วยเม็ดเงินกว่า 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
โดยปีนี้จะใช้งบการตลาดรวม 7% ของยอดขาย คาดรายได้เติบโต 30% หรือคาดว่าจะมีรายได้ที่ 4,000 ล้านบาท มาจากสินค้าเพื่อสุขภาพถึง 50% คือ เครื่องฟอกอากาศ เครื่องพ่นอากาศ เครื่องปรับอากาศ และเตาไมโครเวฟ และอีก50% มาจากสินค้าอื่นๆที่เหลือ