คอลัมน์ "เรื่องมันฟ้อง" โดย กรงเล็บ
มีคำถามเกิดขึ้นมาก ว่า“พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ” ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีความเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งสูงสุดในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)หรือไม่ คำตอบจากคนในแวดวงสีกากีที่ไม่ได้เป็น “เด็กเจ๊” ที่อยู่หน้าห้องใคร จะพูดเสียงดังฟังชัดตรงกันว่า
“ไม่อยากมีนายชื่อ พัชรวาท” เหตุผลก็คือว่านับตั้งแต่บุคคลคนนี้ก้าวขึ้นเป็น ผบ.ตร. นอกจากจะไม่มีคุณงามความดีใดๆปรากฎแล้ว ยังทำให้ สตช.ยุคนี้เต็มไปด้วยความอัปยศที่สุดอีกยุคหนึ่ง
เพราะนอกจากจะถูกมองว่า ปล่อยปละละเลยให้มีการแสวงหาประโยชน์ทุกรูปแบบ ตั้งแต่รับส่วยจากแหล่งอบายมุขไปจนถึงการแต่งตั้งโยกย้าย ยังนำสำนักงานตำรวจฯ ไปรับใช้ฝ่ายการเมือง “ขั้วอำนาจใหม่” ทำให้การบริหารจัดการภายในเข้าขั้นฟอนเฟะถึงขีดสุด
ตัวอย่างการบริหารงานบุคคลที่บกพร่อง เช่น มีการโยกย้ายตำรวจมือวิสามัญไปประจำภาคอีสาน เพื่อเป็นมือเป็นไม้ให้กับนักการเมืองบางคนในจังหวัดบุรีรัมย์ โยกเด็กนาย เด็กฝากไปอยู่ในตำแหน่งสำคัญด้านการสืบสวนสอบสวน ฯลฯ
จนทำให้ตอนนี้นักสืบมือดีประจำ สตช.แทบจะหาได้ยากเต็มที มีแต่เด็กนักการเมืองกับพวกวิ่งเต้นได้ดิบได้ดี เดินกร่างเต็ม สตช.
เป็นยุคที่ตำรวจดีโงหัวไม่ขึ้น แต่พวกที่ครึกครื้น คือตำรวจที่ยอมถ่ายเลือดจาก “สีแดงไปเป็นสีน้ำเงิน”
ตามหลักพุทธศาสนาในเรื่องผลแห่งกรรม ใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น คนคิดชั่ว ทำชั่ว ไม่ว่าจะมียันต์กันผีดีแค่ไหน สุดท้ายก็หนีบ่วงกรรมที่ตัวเองทำไม่พ้น
วันนี้“พล.ต.อ.พัชรวาท” กินไม่ได้นอนไม่หลับ จะตบแป้งรองพื้นก็ยังไม่สบายใจ เนื่องจากมีวิบากกรรมอยู่ด้วยกันหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นกรณี ป.ป.ช.แจ้งข้อหาเพิ่มจากเหตุการณ์ 7 ตุลา- ตำรวจฆ่าประชาชน ไปจนถึงคดีในสมัยที่เป็นรอง ผบ.ตร. ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ในกรณีดำเนินการจัดจ้างโฆษณาและเผยแพร่รายการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมเป็นเงิน 18,697,500 บาท จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 กำลังกลับมาหลอกหลอนอีกระลอก
แฟ้มสำนวนจัดซื้อจัดจ้างไม่ชอบคดีนี้ถูกแช่แข็ง คิดว่า ซุกไว้ในลิ้นชัก “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ดีแล้ว วันนี้ก็ถูก “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นายกรัฐมนตรี ตามไล่บี้ทวงถาม เพราะหาก “อภิสิทธิ์” ปล่อยเลยตามเลยจน “พล.ต.อ.พัชรวาท” เกษียณอายุราชการไป โดยไม่มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงตามที่มีการตั้งเรื่องกันไว้ตั้งแต่รัฐบาลยุคนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ แล้วล่ะก้อ
โอกาสที่ “อภิสิทธิ์” จะเข้าปิ้ง โดนมาตรา 157 ก็อาจจะเกิดขึ้นได้
จึงเป็นเหตุผลที่มีน้ำหนักให้ “อภิสิทธิ์” ตามติดล้วงลูกในเรื่องนี้ได้อย่างเต็มที่ ส่วนผลจะออกมาอย่างไร รอผลการหารือข้อกฎหมายจากสำนักงานกฤษฎีกาตอบกลับมาที่ “สุเทพ” ก็คงจะมีคำตอบที่ชัดเจน
แต่ผู้รู้ด้านกฎหมายฟันธงล่วงหน้าไว้ว่า งานนี้ไม่มีสิทธิ์ทำอย่างอื่น นอกจากการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเท่านั้น
อีกเรื่องที่ทำให้ “พล.ต.อ.พัชรวาท” มองหน้าตัวเองในกระจก ยังอดตกใจกับตาลึกโหลของตัวเองไม่ได้ เพราะความกังวลว่าจะสูญเสียความเป็นผู้กุมบังเหียนในสำนักงานตำรวจแห่งชาติไป จากกรณีเป็นอุปสรรคในคดีลอบยิง สนธิ ลิ้มทองกุล
แม้หลายคนจะวิเคราะห์ว่า “อภิสิทธิ์” ไม่น่าจะกล้าหัก “สุเทพ-เนวิน-ประวิตร” แต่ถ้าติดตามท่วงท่าของนายกฯคนนี้อย่างเชื่อมั่น อาจจะได้คำตอบว่า “เด็กเมื่อวานซืนกำลังแปรเปลี่ยน มาเป็นคนของปัจจุบันและอนาคต”
ทำได้หรือไม่ รอลุ้นศุกร์นี้ (31ก.ค.) ไม่แน่ อาจมีใครบางคน ต้องมาเดินโต๋เต๋อยู่ที่ทำเนียบรัฐบาลก็ได้