คอลัมน์ “เรื่องมันฟ้อง” โดย กรงเล็บ
ข่าวคราวที่ปรากฏเกี่ยวกับคดีลอบยิง “สนธิ ลิ้มทองกุล” ต้องบอกว่าเริ่มปรากฏภาพที่ชัดเจนมากขึ้นตามลำดับ แต่ส่วนใหญ่ก็ยังเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตามสำนวนของตำรวจชุดคลี่คลายคดีที่นำไปสู่การออกหมายจับ 2 ผู้ต้องหากองกำลังผสมระหว่างทหารและตำรวจ
คือ “จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา” จากหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ จ.ลพบุรี และ ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ ตำรวจ บช.ปส.ที่ถูกบิ๊กดีเอสไอดึงตัวไปช่วยราชการ
ความจริงยังมี “เรื่องนอกสำนวน”ที่ชวนขนหัวลุกอีกมาก ชนิดที่หากคนวงในยอมให้ข้อมูลทั้งหมดก็สามารถสร้างหนังดังเบียดซีรีส์เกาหลีตกขอบแน่นอน
เพราะความซับซ้อนซ่อนเงื่อนที่พัวพันไปถึงบุคคลระดับสูงของบ้านเมือง เชื่อมโยงถึงกลุ่มคนที่พยายามแสวงหา “ครุฑตัวที่สอง” กับ “คนที่ไล่ล่าหาอิสรภาพ” ให้กับตัวเองหลังต้องสูญเสียอำนาจไป
มาจับมือกันเฉพาะกิจ ก็ยิ่งทำให้การลอบสังหาร “สนธิ” กลายเป็นการสมประโยชน์ที่ลงตัว กระทั่งกำหนดเป็นแผนอันแยบยล
จึงไม่แปลกที่ “นอกสำนวน” ของชุดคลี่คลายคดีจะมีข้อมูลว่า พันเอกหัวหน้าชุดฆ่า โทรศัพท์สายตรงประสานงานกับ “บิ๊กดีเอสไอ” เพื่อนร่วมรุ่นถี่ยิบในช่วงก่อนเกิดเหตุกระทั่งถึงวันเกิดเหตุก็มีการรายงานความล้มเหลวให้รับรู้ ในฐานะผู้มีส่วนในปฏิบัติการ
ก่อนหน้าจะยกหูรายงานผลเข้ามือถือบิ๊กสีเขียวย่านสนามหลวงรับทราบเสียอีก
ทำไมเรื่องนอกสำนวนนี้จึงปักใจเชื่อว่าเป็นการรายงานผลให้ “บิ๊กสีเขียว” รับทราบ แทนที่จะเป็นการโทรศัพท์ไปขอความช่วยเหลือจากนาย เหตุผลคือถ้าขอความช่วยเหลือก็คงต้องใช้เวลาพูดคุยนานกว่า 40 วินาที!
ความจริงในตอนแรกที่มีการแกะรอยเบอร์โทรศัพท์ของนายพันหัวหน้าชุดฆ่า จนมาถึงเบอร์โทรศัพท์ที่ต่อสายถึงตอนหกโมงเศษช่วงเช้าสดๆ ร้อนๆ หลังเกิดเหตุไม่กี่นาทีแถมใช้เวลาพูดคุยเพียง 40 วินาที ก็ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเป็นการรายงานตรงถึง “ตัวใหญ่” ขนาดนั้น
กระทั่งมีการนำเบอร์ของคนที่อยู่ในข่ายน่าจะเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ “ระดับบิ๊ก” ที่เป็นคนข่มขู่จน “อัศวิน ขวัญผวา” มาเปรียบเทียบจึงได้ถึงบางอ้อ เพราะเบอร์โทร.ดังกล่าวจดทะเบียนในชื่อของ “บิ๊กสีเขียว” ย่านวัดพระแก้ว
ชนิดที่ไม่ต้องตั้งคำถามกันอีก
แต่เรื่องนี้ก็ยังต้อง “กันออก” ไปไว้นอกสำนวน เพราะแม้จะบอกความเชื่อมโยงได้ว่าพัวพันไปถึงใคร ก็ไม่ได้หมายความว่าจะใช้เป็นหลักฐานในชั้นศาลได้ เนื่องจากไม่มีใครยืนยันถึงการพูดคุยระหว่างกันได้ว่ามีเนื้อหาอย่างไร
เว้นแต่นายพันหัวหน้าชุดฆ่าจะซัดทอดถึง ซึ่งคงไม่ใช่เรื่องง่าย
กว่าที่ชุดคลี่คลายคดีของ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ จะแกะรอยมาถึงเรื่องนอกสำนวนนี้ได้ก็ต้องบอกว่าแทบกระอัก เพราะเจอการกั๊กข้อมูลเต็มๆ จาก “เสือย้อย” ผู้ยิ่งใหญ่แห่งนครบาล ซึ่งใช้วิธีการส่งเบอร์โทรศัพท์ไม่สำคัญให้ 7 เบอร์ เก็บเบอร์ที่ 8 ซึ่งเป็นของนายพันหัวหน้าทีมฆ่าไว้มิดชิดในลิ้นชักของนายพลตำรวจ พ.พาน
แต่ความเอาจริงเอาจังชนิดกัดไม่ปล่อยของ “พล.ต.อ.ธานี” ที่มีลูกน้องทำงานแบบพลีกายถวายชีวิตเพื่อรักษากฎหมายของบ้านเมือง ก็เอาหลักฐานไปยันกับ “เสือย้อย” ว่ามีเบอร์ที่ 8 จนต้องยอมคายออกมาในที่สุด
หนอนบ่อนไส้จึงมีอยู่ยั้วเยี้ยเต็มไปหมด ตอกย้ำวลีที่ว่า “ไม่มีอะไรภายใต้ฟ้าเมืองไทยที่ตำรวจไทย(เลว) ทำไม่ได้ ยกเว้นการทำความดี” น่าจะเป็นความจริง