จากกรณีที่พรรคเพื่อไทย นำโดย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย พร้อคณะร่วม 171 คน ยื่นคำร้องต่อประธานวุฒิสภา เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2552 ขอให้ถอดถอนรัฐมนตรีจำนวน 5 คน ในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่ง ประกอบด้วย นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง, นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ, นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง, นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย และนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ออกจากตำแหน่ง ตามที่ได้ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจต่อประธานสภาผุ้แทนราษฎร ซึ่งตามรัฐธรรมนูญจะต้องยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช.ให้ดำเนินการตรวจสอบและถอดถอนตามข้อกล่าวหาในญัตติอิภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย
ทั้งนี้หลังจาก คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาแล้ว ได้มีมติ ให้ดำเนินการ ไต่สวนข้อเท็จจริงตามคำร้องขอให้ถอดถอนดังกล่าวตามรัฐ ธรรมนูญ และพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการ ทุจริต โดยกำหนดให้คณะกรรมการป.ป.ช.ทั้งคณะ เป็นองค์คณะในการไต่สวนข้อเท็จจริง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (22 ก.ค.) เวลา 13.00 น. กรรมการป.ป.ช. ได้เชิญ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เข้าให้ปากคำ กรณีพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง สมัยดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ช่วงปี 2548 รับเงินบริจาคจำนวน 258 ล้านบาท จากบริษัท ทีพีไอ โพลิน จำกัด (มหาชน) บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ผ่านบริษัท เมซไซอะ บินิเนส แอนด์ครีเอชั่น รวมถึงเงินสนับสนุนพรรคการเมือง จาก กกต. 29 ล้านบาท โดยไม่มีการแจ้งที่มาที่ไปได้อย่างชัดเจน ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวได้ถูกนำไปใช้ทำป้ายโฆษณาหาเสียงแก่พรรคประชาธิปัตย์ จนเป็นเหตุ ร.ต.อ.เฉลิม อภิปรายในสภาและยื่นเรื่องถอดถอนในที่สุด
ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตุว่าก่อนที่นายสุเทพ จะเดินทางเข้าให้ปากคำกับกรรมการ ป.ป.ช.นายสุเทพ ได้เข้าหารือร่วมกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์
ด้านนายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการป.ป.ช. กล่าวว่า นายสุเทพเดินทางเข้าให้ ปากคำคดี ยื่นถอดถอนนายประดิษฐ์ จริงและยังได้เชิญพยานที่เกี่ยวข้องในคดีดังกล่าวอีกหลายปาก ซึ่งคดียังคงอยู่ระหว่างการไต่สวน
ทั้งนี้หลังจาก คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาแล้ว ได้มีมติ ให้ดำเนินการ ไต่สวนข้อเท็จจริงตามคำร้องขอให้ถอดถอนดังกล่าวตามรัฐ ธรรมนูญ และพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการ ทุจริต โดยกำหนดให้คณะกรรมการป.ป.ช.ทั้งคณะ เป็นองค์คณะในการไต่สวนข้อเท็จจริง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (22 ก.ค.) เวลา 13.00 น. กรรมการป.ป.ช. ได้เชิญ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เข้าให้ปากคำ กรณีพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง สมัยดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ช่วงปี 2548 รับเงินบริจาคจำนวน 258 ล้านบาท จากบริษัท ทีพีไอ โพลิน จำกัด (มหาชน) บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ผ่านบริษัท เมซไซอะ บินิเนส แอนด์ครีเอชั่น รวมถึงเงินสนับสนุนพรรคการเมือง จาก กกต. 29 ล้านบาท โดยไม่มีการแจ้งที่มาที่ไปได้อย่างชัดเจน ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวได้ถูกนำไปใช้ทำป้ายโฆษณาหาเสียงแก่พรรคประชาธิปัตย์ จนเป็นเหตุ ร.ต.อ.เฉลิม อภิปรายในสภาและยื่นเรื่องถอดถอนในที่สุด
ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตุว่าก่อนที่นายสุเทพ จะเดินทางเข้าให้ปากคำกับกรรมการ ป.ป.ช.นายสุเทพ ได้เข้าหารือร่วมกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์
ด้านนายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการป.ป.ช. กล่าวว่า นายสุเทพเดินทางเข้าให้ ปากคำคดี ยื่นถอดถอนนายประดิษฐ์ จริงและยังได้เชิญพยานที่เกี่ยวข้องในคดีดังกล่าวอีกหลายปาก ซึ่งคดียังคงอยู่ระหว่างการไต่สวน