นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ นสพ.วอชิงตันโพสต์ ของประเทศสหรัฐอเมริกาตีระบุว่าประเทศไทยมีคุกลับและเป็นสถานที่ทรมานนักโทษของซีไอเอ สหรัฐอเมริกาว่า สื่อพยายามวิเคราะห์ว่าบทบาทของภูมิภาคอาเซียน กับความร่วมมือกับสหรัฐอเมริกาที่จะร่วมกันแก้ไขปัญหาการก่อการร้าย แต่มันเป็นเรื่องเก่าและเรื่องนี้เกิดเมื่อปี2544-45
ผู้สื่อข่าวถามว่าทำไมข่าวนี้จึงเกิดขึ้นในช่วงที่มีการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพและตรงกับช่วงที่นางฮิลลารี คลินตัน รมว.ต่างประเทศของสหรัฐอฯมาร่วมประชุม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เข้าใจว่าเป็นการตั้งคำถามที่รัฐบาลใหม่ของสหรัฐอเมริกาเพิ่งเข้ามาทำงานและนางฮิลลารีเดินทางมาในภูมิภาคนี้ ต่อข้อถามว่าทำไมข่าวนี้เพิ่งออกมาในตอนนี้ซึ่งไทยได้ผลักดันให้เกิด องค์กรสิทธิมนุษยชนอาเซียนด้วย จะกระทบการเป็นเจ้าภาพการประชุมของไทย หรือไม่ และเป็นเรื่องการเมืองหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่กระทบกับการเป็นเจ้าภาพ จริงๆ แล้วทุกฝ่ายเข้าใจว่าเรื่องนี้เกิดมานานแล้ว ส่วนที่เพิ่งเป็นข่าวนั้น ต้องไปถามคนเขียนข่าวเอง เมื่อถามว่า ไทยยืนยันว่าไม่มีความร่วมมือกับสหรัฐอเมริกาเรื่องคุกลับและการทรมานนักโทษ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ใช่แนวทางของเรา
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าเรื่องคุกลับในประเทศไทย ตนได้พยายามตรวจสอบมาหลายครั้งแล้ว แต่ไม่พบคุกลับในประเทศไทย ตนได้ลงไปตรวจสอบเรื่องนี้หลายครั้ง ดังนั้นไม่เข้าใจว่าสื่อในประเทศไทย เอาเหตุการณ์ที่สื่อต่างประเทศลงข่าวมาพูดได้อย่างไร ส่วนเพราะเหตุใดสื่อต่างประเทศถึงได้ออกมาเปิดเผยในช่วงนี้ ระหว่างที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน เพื่อผลักดันในการตั้งองค์กรสิทธิมนุษยชนนั้น ตนไม่ได้วิเคราะห์ แต่รู้สึกไม่ชอบใจ เหมือนคนไทยทั้งหลาย ที่อยากรู้ว่าเขามีเจตนาอะไร
นายส ุเทพ กล่าวว่า รัฐบาลโดยมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศชี้แจงว่า เราไม่มีคุกลับในประเทศไทย ยืนยันว่าเรื่องนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อการประชุมอาเซียน ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ แต่จะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ประเทศไทยในสายตาชาวโลก เราเป็นประเทศที่ปกครองโดยหลักกฎหมายนิติรัฐ เราจะไม่ทำอะไรที่ผิดหลักกฎหมายอยู่แล้ว เมื่อสื่อต่างประเทศออกมาตีพิมพ์อย่างนี้ประเทศก็เสียหาย อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่สามารถว่าจะฟ้องร้องสื่อที่นำเสนอข่าวลักษณะอย่าง นี้ได้หรือไม่ เพราะยังไม่รู้ว่าเข้าข่ายการฟ้องร้องได้หรือไม่
ทั้งนี้รัฐบาลจะต้องหาคำตอบและพยายามติดตามการนำเสนอข่าวอย่างนี้ ต่อไป โดยไม่ละทิ้งแต่ไม่ถือว่าเป็นเรื่องเร่งด่วน แต่ก็ต้องทำ เพราะส่งผลกระทบต่อ ภาพลักษณ์ของประเทศ
ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่สื่อต่างประเทศออกมาตีข่าวลักษณะเช่นนี้เป็นหนึ่งใน ยุทธศาสตร์โลกล้อมประเทศไทยตามยุทธศาสตร์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนจะระมัดระวังการพูด ในเรื่องอะไรที่ไม่แน่ใจ ถ้าแน่ใจเมื่อไหร่จะเรียนให้ทราบ
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรณี นสพ.วอชิงตันโพสต์ ของสหรัฐฯ เสนอข่าวประเทศไทยมีคุกลับทรมานผู้ก่อการร้ายนั้น ข่าวในลักษณะนี้ เกิดขึ้นกับทุกรัฐบาล แม้แต่สมัยนายชวน หลีกภัยเป็นนายกฯ ก็มีการเผยแพร่ข่าวก็เสนอข่าวว่ารัฐบาลไทยอนุญาตให้สหรัฐฯเข้ามาตั้งฐานทัพลอยน้ำที่อ่าวไทย ทำให้รัฐบาลไทยต้องทำความเข้าใจกับประเทศต่างๆ จากนั้นก็มีข่าวในทำนองนี้เรื่อยมา แม้ในยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวตร
นายปณิธาน กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าข่าวนี้มีมาปีกว่าก่อนที่รัฐบาลชุดนี้จะเข้ามาบริหารประเทศ ยืนยันว่าไทยไม่มีคุกลับทรมานผู้ก่อการร้าย แน่นอน ไทยไม่เคยมีหลักฐานในเรื่องนี้ไม่ว่าจะในค่ายทหารทั่วไป หรือสถานที่ลับแห่งใด แต่กลับมีหลักฐานไปปรากฎในสื่อต่างประเทศ รัฐบาลจึงต้องตรวจสอบ เรื่องนี้อย่างจริงจัง แต่ต้องใช้เวลา เพราะที่ผ่านมาประเทศไทยเคยเป็นฐานการต่อสู้ ของสหรัฐในสงครามเวียดนาม ซึ่งการจะเปิดเผยข้อมูลต้องอาศัยระยะเวลาในการปลดชั้นความลับ ซึ่งตามกฎหมายมีระยะเวลา20 ปี
ความสัมพันธ์ทางทหารระหว่างสหรัฐฯกับไทยเป็นความสัมพันธ์นอกนาโต้ ซึ่งถือเป็นความสัมพันธ์นอกอาณาเขต รัฐบาลเองก็พยายามรักษาระดับความสัมพันธ์ไม่ให้ใกล้ชิดมากกว่านี้ ที่ผ่านมาประเทศไทยเคยมีการฝึกทหารร่วมกับอเมริกา แต่ก็ได้มีการแจ้งรายละเอียดอย่างชัดเจน เช่น กรณีที่มีการเคลื่อนพลมาขึ้นที่อู่ตะเภาก็ได้มีการแจ้งจำนวน เวลา และหลักฐานอย่างชัดเจน ไม่พบว่ามีการนำกำลังพลไปปฏิบัติการอื่นแต่อย่างใด
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการ รมว.การต่างประเทศ กล่าวว่า รัฐบาลชุดที่แล้วได้ตรวจสอบแล้วว่าไม่มีคุกลับดังกล่าวและเป็นเรื่องเก่า ที่เคยมีการพูดถึงเมื่อหลายปีที่แล้ว ซึ่งนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ กำชับว่าแม้เรื่องนี้จะไม่มีมูลความจริง แต่ก็ต้องตรวจสอบที่มาที่ไปของข่าว ว่ามีต้นตอ มาจากที่ใด ถ้ามาจากแหล่งที่อ้างอิงได้ให้ชี้แจง แต่ถ้าตรวจสอบแล้วไม่มีที่มาที่ไป ก็มองว่าเข้าข่ายว่ามีขบวนการโจมตีประเทศไทย แต่ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูล จึงไม่อยากเดาว่าเป็นฝีมือของใคร แต่ที่เชื่อว่ามีขบวนการโจมตีประเทศไทย เพราะก่อนหน้านี้มีข่าวขบวนการดิสเครดิตประเทศไทยอยู่ เพราะเรื่องดังกล่าวมีข่าวมานาน แต่ทำไมจึงนำมาเขียนอีกครั้งในช่วงการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน
นายวิทวัส ศรีวิหค อธิบดีกรมอาเซียน กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า เรื่องคุกลับในประเทศไทยต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยให้กรมสารนิเทศ ตรวจสอบและเผยแพร่ข้อเท็จจริงต่อไป อย่างไรก็ตามมองว่าเรื่องดังกล่าว อาจเป็นการดิสเครดิตไทยในฐานะประ ธานอาเซียน
ผู้สื่อข่าวถามว่าทำไมข่าวนี้จึงเกิดขึ้นในช่วงที่มีการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพและตรงกับช่วงที่นางฮิลลารี คลินตัน รมว.ต่างประเทศของสหรัฐอฯมาร่วมประชุม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เข้าใจว่าเป็นการตั้งคำถามที่รัฐบาลใหม่ของสหรัฐอเมริกาเพิ่งเข้ามาทำงานและนางฮิลลารีเดินทางมาในภูมิภาคนี้ ต่อข้อถามว่าทำไมข่าวนี้เพิ่งออกมาในตอนนี้ซึ่งไทยได้ผลักดันให้เกิด องค์กรสิทธิมนุษยชนอาเซียนด้วย จะกระทบการเป็นเจ้าภาพการประชุมของไทย หรือไม่ และเป็นเรื่องการเมืองหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่กระทบกับการเป็นเจ้าภาพ จริงๆ แล้วทุกฝ่ายเข้าใจว่าเรื่องนี้เกิดมานานแล้ว ส่วนที่เพิ่งเป็นข่าวนั้น ต้องไปถามคนเขียนข่าวเอง เมื่อถามว่า ไทยยืนยันว่าไม่มีความร่วมมือกับสหรัฐอเมริกาเรื่องคุกลับและการทรมานนักโทษ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ใช่แนวทางของเรา
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าเรื่องคุกลับในประเทศไทย ตนได้พยายามตรวจสอบมาหลายครั้งแล้ว แต่ไม่พบคุกลับในประเทศไทย ตนได้ลงไปตรวจสอบเรื่องนี้หลายครั้ง ดังนั้นไม่เข้าใจว่าสื่อในประเทศไทย เอาเหตุการณ์ที่สื่อต่างประเทศลงข่าวมาพูดได้อย่างไร ส่วนเพราะเหตุใดสื่อต่างประเทศถึงได้ออกมาเปิดเผยในช่วงนี้ ระหว่างที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน เพื่อผลักดันในการตั้งองค์กรสิทธิมนุษยชนนั้น ตนไม่ได้วิเคราะห์ แต่รู้สึกไม่ชอบใจ เหมือนคนไทยทั้งหลาย ที่อยากรู้ว่าเขามีเจตนาอะไร
นายส ุเทพ กล่าวว่า รัฐบาลโดยมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศชี้แจงว่า เราไม่มีคุกลับในประเทศไทย ยืนยันว่าเรื่องนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อการประชุมอาเซียน ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ แต่จะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ประเทศไทยในสายตาชาวโลก เราเป็นประเทศที่ปกครองโดยหลักกฎหมายนิติรัฐ เราจะไม่ทำอะไรที่ผิดหลักกฎหมายอยู่แล้ว เมื่อสื่อต่างประเทศออกมาตีพิมพ์อย่างนี้ประเทศก็เสียหาย อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่สามารถว่าจะฟ้องร้องสื่อที่นำเสนอข่าวลักษณะอย่าง นี้ได้หรือไม่ เพราะยังไม่รู้ว่าเข้าข่ายการฟ้องร้องได้หรือไม่
ทั้งนี้รัฐบาลจะต้องหาคำตอบและพยายามติดตามการนำเสนอข่าวอย่างนี้ ต่อไป โดยไม่ละทิ้งแต่ไม่ถือว่าเป็นเรื่องเร่งด่วน แต่ก็ต้องทำ เพราะส่งผลกระทบต่อ ภาพลักษณ์ของประเทศ
ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่สื่อต่างประเทศออกมาตีข่าวลักษณะเช่นนี้เป็นหนึ่งใน ยุทธศาสตร์โลกล้อมประเทศไทยตามยุทธศาสตร์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตนจะระมัดระวังการพูด ในเรื่องอะไรที่ไม่แน่ใจ ถ้าแน่ใจเมื่อไหร่จะเรียนให้ทราบ
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรณี นสพ.วอชิงตันโพสต์ ของสหรัฐฯ เสนอข่าวประเทศไทยมีคุกลับทรมานผู้ก่อการร้ายนั้น ข่าวในลักษณะนี้ เกิดขึ้นกับทุกรัฐบาล แม้แต่สมัยนายชวน หลีกภัยเป็นนายกฯ ก็มีการเผยแพร่ข่าวก็เสนอข่าวว่ารัฐบาลไทยอนุญาตให้สหรัฐฯเข้ามาตั้งฐานทัพลอยน้ำที่อ่าวไทย ทำให้รัฐบาลไทยต้องทำความเข้าใจกับประเทศต่างๆ จากนั้นก็มีข่าวในทำนองนี้เรื่อยมา แม้ในยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวตร
นายปณิธาน กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าข่าวนี้มีมาปีกว่าก่อนที่รัฐบาลชุดนี้จะเข้ามาบริหารประเทศ ยืนยันว่าไทยไม่มีคุกลับทรมานผู้ก่อการร้าย แน่นอน ไทยไม่เคยมีหลักฐานในเรื่องนี้ไม่ว่าจะในค่ายทหารทั่วไป หรือสถานที่ลับแห่งใด แต่กลับมีหลักฐานไปปรากฎในสื่อต่างประเทศ รัฐบาลจึงต้องตรวจสอบ เรื่องนี้อย่างจริงจัง แต่ต้องใช้เวลา เพราะที่ผ่านมาประเทศไทยเคยเป็นฐานการต่อสู้ ของสหรัฐในสงครามเวียดนาม ซึ่งการจะเปิดเผยข้อมูลต้องอาศัยระยะเวลาในการปลดชั้นความลับ ซึ่งตามกฎหมายมีระยะเวลา20 ปี
ความสัมพันธ์ทางทหารระหว่างสหรัฐฯกับไทยเป็นความสัมพันธ์นอกนาโต้ ซึ่งถือเป็นความสัมพันธ์นอกอาณาเขต รัฐบาลเองก็พยายามรักษาระดับความสัมพันธ์ไม่ให้ใกล้ชิดมากกว่านี้ ที่ผ่านมาประเทศไทยเคยมีการฝึกทหารร่วมกับอเมริกา แต่ก็ได้มีการแจ้งรายละเอียดอย่างชัดเจน เช่น กรณีที่มีการเคลื่อนพลมาขึ้นที่อู่ตะเภาก็ได้มีการแจ้งจำนวน เวลา และหลักฐานอย่างชัดเจน ไม่พบว่ามีการนำกำลังพลไปปฏิบัติการอื่นแต่อย่างใด
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการ รมว.การต่างประเทศ กล่าวว่า รัฐบาลชุดที่แล้วได้ตรวจสอบแล้วว่าไม่มีคุกลับดังกล่าวและเป็นเรื่องเก่า ที่เคยมีการพูดถึงเมื่อหลายปีที่แล้ว ซึ่งนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ กำชับว่าแม้เรื่องนี้จะไม่มีมูลความจริง แต่ก็ต้องตรวจสอบที่มาที่ไปของข่าว ว่ามีต้นตอ มาจากที่ใด ถ้ามาจากแหล่งที่อ้างอิงได้ให้ชี้แจง แต่ถ้าตรวจสอบแล้วไม่มีที่มาที่ไป ก็มองว่าเข้าข่ายว่ามีขบวนการโจมตีประเทศไทย แต่ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูล จึงไม่อยากเดาว่าเป็นฝีมือของใคร แต่ที่เชื่อว่ามีขบวนการโจมตีประเทศไทย เพราะก่อนหน้านี้มีข่าวขบวนการดิสเครดิตประเทศไทยอยู่ เพราะเรื่องดังกล่าวมีข่าวมานาน แต่ทำไมจึงนำมาเขียนอีกครั้งในช่วงการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน
นายวิทวัส ศรีวิหค อธิบดีกรมอาเซียน กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า เรื่องคุกลับในประเทศไทยต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยให้กรมสารนิเทศ ตรวจสอบและเผยแพร่ข้อเท็จจริงต่อไป อย่างไรก็ตามมองว่าเรื่องดังกล่าว อาจเป็นการดิสเครดิตไทยในฐานะประ ธานอาเซียน