xs
xsm
sm
md
lg

อัดรัฐใช้จำนำข้าวทำไทยพัง กลไกตลาดป่วนส่อสูญแชมป์โลก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

หงษ์ทอง หนุนภาครัฐเร่งผุดโครงการประกันข้าวในปีนี้ จวกโครงการรับจำนำข้าว ทำกลไกตลาดบิดเบือน ข้าวขาดแคลน ลั่นราคาข้าวขายปลีกสิงหาคมนี้ปรับเพิ่ม 10% หรือ 10-20 บาท ส่วนส่งออกวูบไม่สามารถแข่งขันราคาสู้เวียดนามได้ หลังข้าวไทยขายแพงกว่า 100 เหรียญสหรัฐต่อตัน ลุ้นเสียแชมป์ผู้ส่งออกข้าวอันดับ 1 ของโลก ล่าสุด ทุ่ม 20ล.ผุดแคมเปญตามไลฟ์สไตล์ เจาะคนรุ่นใหม่

นายวัลลภ มานะธัญญา ประธานกรรมการ บริษัทเจียเม้งมาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายข้าวหงษ์ทอง เปิดเผยว่า นโยบายการรับจำนำข้าวของภาครัฐที่นำมาใช้อย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา สร้างผลเสียต่อกลไกตลาดข้าวภายในประเทศ โดยทำข้าวขาดตลาด เนื่องจากการผลิตไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด จากการที่ภาครัฐมีข้าวรับจำนับจำนวน 7 ล้านตัน แบ่งเป็น ข้าวขาว 6ล้านตัน และข้าวหอมมะลิ 6-7 แสนตัน ดังนั้นมีแนวโน้มว่า ราคาข้าวหอมมะลิถุงขายปลีกเพิ่มขึ้น 10 % หรือ 10-20 บาทในเดือนสิงหาคม นี้ หลังจากก่อนหน้านี้ในเดือนมิถุนายนถึงปัจจุบันราคาข้าวปรับเพิ่มขึ้น 5% หรือ 10บาท โดยขนาด 5 กิโลกรัม ราคา 190-200 บาท ซึ่งนับว่าเป็นราคาขายปลีกทีชนเพดานแล้ว จากเดิมจำหน่าย 170 บาท

นอกจากนี้การรับจำนำข้าว ยังสร้างความเสียเปรียบด้านการส่งออก ทำให้โครงสร้างราคาข้าวของประเทศไทยไม่สามารถแข่งขันกับประเทศเวียดนามได้ โดยราคาข้าวขาวไทยส่งออกกว่า 500 เหรียญสหรัฐต่อตัน ส่วนประเทศเวียดนาม 400 เหรียญสหรัฐต่อตัน ซึ่งโครงการรับจำนำราคาข้าว ทำให้ส่งออกข้าวของประเทศไทย ลดลงมาอย่างต่อเนื่องจากเมื่อปีที่ผ่านมา 10 ล้านตันต่อปี

สำหรับปีนี้ประมาณการณ์ว่าเหลือเป็น 8.5 ล้านตันต่อปี ส่วนประเทศเวียดนามคาดว่าจะส่งออกข้าวเพิ่มจาก 4 ล้านตันต่อปี เป็น 6 ล้านตันต่อปีโอกาสที่ประเทศไทยสูญเสียตำแหน่งในฐานะเป็นผู้นำด้านการส่งออกข้าวอันดับ 1 ของโลก มากว่า 30 ปี มีความเป็นไปได้สูง หากภาครัฐยังใช้ระบบรับจำนำข้าว โดยพบว่า คู่แข่งสำคัญการส่งออกข้าวนอกจากเวียดนาม อินเดีย อย่างไรก็ตามภาครัฐบาลควรเร่งผลักดันการรับประกันราคาข้าวแทนการรับจำนำข้าวเพื่อทำให้กลไกตลาดภายในประเทศและกลไกราคาข้าวเพื่อส่งออกสามารถแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ได้ ซึ่งในฐานะผู้ประกอบการต้องการให้การผลักดันการรับประกันข้าวเกิดขึ้นภายในปีนี้ ส่วนปริมาณข้าวที่ภาครัฐรับจำนำ 7 ล้านตัน ต้องทยอยนำออกมาสู่ตลาด เนื่องจากความต้องการมีเพียงพอรองรับอยู่แล้ว

***หงส์ทองอัดแคมเปญดูดคนรุ่นใหม่***
นางโสพรรณ มานะธัญญา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เจียเม้งมาร์เก็ตติ้ง จำกัด กล่าวว่า สำหรับแนวทางการตลาดของบริษัทปีนี้มุ่งเน้นขยายตลาดภายในประเทศในเชิงรุกมากขึ้น เนื่องจากตลาดต่างประเทศได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ โดยบริษัทได้วางแผนขยายศูนย์จำหน่ายเพิ่มขึ้นจาก 15 แห่ง เป็น 30 แห่ง เพื่อขยายช่องทางจำหน่ายผ่านทางเทรดิชันนัลเทรดให้ครอบคลุมยิ่งขึ้นเพราะเป็นช่องทางที่เติบโตสูงจากภาวะเศรษฐกิจ ส่งผลให้พฤติกรรมของผู้บริโภคหันมาซื้อสินค้าใกล้บ้านมากขึ้น

ล่าสุดได้ทุ่มงบ 20 ล้านบาท จากงบรวมทั้งปี 50-80 ล้านบาท จับมือร่วมกับเมเจอร์และเอไอเอส เปิดตัวแคมเปญ”Mid Year Bonus” เพื่อมอบโบนัสสำหรับลูกค้าซื้อข้าวหงษ์ทองขนาด 5 กก. ผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรด สามารถสะสมคูปองครบ 3 ใบแลกตั๋วชมภาพยนตร์ 1 ใบ ส่วนช่องทางเทรดิชันนัลเทรดสำหรับลูกค้าเอไอเอสจะได้รับบัตรเติมเงิน 10 บาท ทุกขนาดเมื่อซื้อข้าวหงส์ทอง

ทั้งนี้การจัดแคมเปญเน้นไลฟ์สไตล์มากขึ้น เพื่อขยายฐานกลุ่มเป้าหมายอายุ 20-30 ปี จากเดิมฐานลูกค้าหลักอายุ 23-30 ปีขึ้นไป และคาดว่าผลักดันยอดขายโต 20%

“ภาพรวมตลาดข้าวบรรจุถุงปีนี้แข่งขันกันอย่างรุนแรง โดยเฉพาะการทำโปรโมชัน ลด แลก แจก แถม ส่งผลให้กำไรของผู้ประกอบการลดลง และผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคหันไปกินข้าวเกรดต่ำลงเพิ่มขึ้น เนื่องจากระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย”

สำหรับผลประกอบการปีนี้บริษัทตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 20% หรือมีรายได้ 1,700 ล้านบาท จากเมื่อปีที่ผ่านมา 1,400 ล้านบาท จากปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งข้าวบรรจุภัณฑ์ถุง 18-20% จากตลาดในเชิงปริมาณ 3 ล้านถุง โดยในครึ่งปีแรกที่ผ่านมาบริษัทเติบโต 20% หรือมีรายได้ 700 ล้านบาท ส่วนรายได้จากการส่งออกทั้งปี 6,000 ล้านบาท จากเมื่อปีที่ผ่านมากว่า 4,000 ล้านบาท โดยบริษัทจะขยายตลาดใหม่ๆอาทิ แอฟริกา ตะวันออกกลาง เป็นต้น
กำลังโหลดความคิดเห็น