ASTVผู้จัดการรายวัน – ตลาดคอนโดฯไทยขายอืด 6 เดือนแรกติดลบ 10% คาดทั้งปียอดจดทะเบียนเพียง 2.6หมื่นยูนิต นายกสมาคมคอนโดฯ ระบุไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 ทำลูกค้าต่างชาติที่กลุ่มเป้าหมายหลักหาย จับมือเซ็นจูรี่ 21 ขน 60 โครงการ 6หมื่นล้าน ออกบูทขายคนสิงคโปร์
นายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมอาคารชุดไทย เปิดเผยว่า ตลาดคอนโดมิเนียมในช่วงครึ่งแรกของปี 52 ชะลอตัวลงจากปีก่อนประมาณ 10% โดยคาดว่าจะมียอดจดทะเบียนประมาณ 10,000-12,000 ยูนิต ส่วนทั้งปีคาดว่าจะมียอดจดทะเบียนไม่เกิน 26,000 ยูนิต ลดลงจากปีที่แล้วประมาณ 12% ที่มียอดจดทะเบียน 30,000 ยูนิต
ทั้งนี้ สาเหตุหลักมาจากปัญหาเศรษฐกิจ ทำให้ยอดขายในเดือนมกราคมลดลงกว่า 50% และในเดือนเมษายนเกิดความไม่สงบทางการเมือง ทำให้ยอดขายหายไปกว่าครึ่งเช่นกัน ซึ่งแม้ว่าในช่วงครึ่งปีหลังตลาดอสังหาฯจะไม่มีปัจจัยลบมาสะดุด ก็เชื่อว่ายอดขายจะไม่เท่ากับปีที่ผ่านมาแน่นอนเพราะช่วงเวลาขายหายไปกว่า 1 เดือน คือ ในเดือนมกราคมและเมษายน
นอกจากนี้ ยังมีปัญหาใหญ่คือ การเกิดไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 ทำให้ลูกค้าชาวต่างชาติที่เคยเป็นลูกค้าหลักของตลาดคอนโดฯหายไปด้วย โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าประเทศสิงคโปร์และฮ่องกง
ดังนั้น เพื่อเป็นการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายโดยตรง ทางสมาคมอาคารชุดไทยจึงได้ร่วมกับบริษัท เซ็นจูรี่ 21 เรียลตี้ แอฟฟิลิเอทส์ (ประเทศไทย) จำกัด ในการจัดงาน Thailand condo Expo 2009 @ Singapore บนพื้นที่ 2,000 ตร.ม. ณ ศูนย์ประชุม Suntec Singapore International Convention and Exhibition Center ในระหว่างวันที่ 23-25 ตุลาคมนี้ โดยคาดว่าจะมีสมาชิกร่วมออกบูทกว่า 60 โครงการมูลค่าประมาณ 60,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณในการจัดงานกว่า 10 ล้านบาท และคาดว่าจะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท
“ช่วงที่มีไขหวัด 2009 ระบาด ทำให้ลูกค้าชาวต่างชาติที่เป็นกลุ่มหลักหายไปจำนวนมาก แทนที่เราจะนั่งรอลูกค้าในไทย เราก็เอาโครงการของเราไปให้คนสิงคโปร์ซื้อถึงที่ เพราะคนสิงคโปร์คุ้นเคยกับเมืองไทยเป็นอย่างดี และบางส่วนลงทุนซื้อคอนโดฯ เพื่อการลงทุนปล่อยเช่าจำนวนมากอยู่แล้ว โดยมีอัตราผลตอบแทนกว่า 6%” นายอธิป กล่าว
ด้านนายกิติศักดิ์ จำปาทิพย์พงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นจูรี่ 21 เรียลตี้ แอฟฟิลิเอทส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่มีความเชี่ยวชาญในการซื้อขายอสังหาฯทั้งเมืองไทยและสิงคโปร์เป็นอย่างดี กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจของประเทศสิงคโปร์ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา มีทิศทางปรับตัวดีขึ้นเป็นลำดับ หลังจากปลายปีที่แล้วต่างชาติได้ถอนการลงทุนไปจำนวนมากจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก จนทำให้สิงคโปร์มีเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง อย่างไรก็ตามสิงคโปร์เป็นประเทศที่ทำธุรกิจซื้อมา-ขายไป และเป็นประเทศขนาดเล็ก ทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจเกิดขึ้นเร็วกว่าประเทศอื่นๆ ทั่วไป
ทั้งนี้ จากการสำรวจกำลังซื้อของชาวสิงคโปร์ พบว่า เริ่มกลับคืนสู่ภาวะปกติ พิจารณาได้จากการเปิดโครงการคอนโดฯใจกลางเมืองราคา 7 แสนบาท/ตร.ม. สามารถขายหมดภายใน 1 สัปดาห์ ส่วนการซื้อโครงการคอนโดฯ ในเมืองไทยนั้น ชาวสิงคโปร์ทั้งที่ทำงานในสิงคโปร์และเป็นชาวสิงคโปร์ ถือเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของตลาดคอนโดฯเมืองไทย ซึ่งกว่า 80% รู้จักประเทศไทยเป็นอย่างดี และ 70-80% ที่ซื้อคอนโดฯในไทยเป็นการซื้อเพื่อการลงทุน ดังนั้น เจ้าของโครงการที่นำไปออกบูทจะต้องจัดแคมเปญ สำหรับการลงทุนหรือการันตีผลตอบแทนให้แก่ลูกค้าจึงจะเป็นที่น่าสนใจ
“ สาเหตุที่ชาวสิงคโปร์ให้ความสนใจคอนโดฯในไทย เนื่องจากราคาถูกกว่าสิงคโปร์ถึง 6 เท่า แม้ว่ารายได้ของชาวสิงคโปร์จะสูงกว่าไทย แต่ค่าครองชีพก็สูงกว่าไทยถึง 12 เท่า และคอนโดฯในเมืองไทยถูกกว่าประเทศอื่นๆในภูมิภาคนี้มาก ”
**คุมผู้จัดการนิติบุคคคอาคารชุด
นายอนุวัฒน์ เมธีวิบูลวุฒิ อธิบดีกรมที่ดิน กล่าวว่า มีแนวคิดที่จะออกกฎหมายเพื่อควบคุมผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุด โดยจะเปิดให้มีการอบรมตามหลักสูตรการบริหารจัดการอาคารชุดจากสถาบันการศึกษา และมีการขึ้นทะเบียนกับกรมที่ดิน หากไม่ผ่านการอบรมก็จะไม่สามารถเป็นผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุดได้ โดยในช่วงเริ่มต้นหากประกาศใช้กฎหมายจะให้เวลาผู้จัดการนิติบุคคลเตรียมตัวเป็นเวลา 2 ปี ในการฝึกอบรมและขึ้นทะเบียน ส่วนสาเหตุที่ต้องออกกฎหมายควบคุมผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุด เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นในอาคารชุดส่วนหนึ่งเกิดจากผู้จัดการอาคารชุดไม่มีความรู้ในการบริหารจนทำให้เกิดความเสียหายในอาคารชุดเพิ่มจำนวนมากขึ้น
ส่วนการผ่อนผันการจัดทำสาธารณูปโภคบางรายการให้แก่โครงการ ที่ยื่นขออนุญาตจัดสรรที่ดินในเขตเทศบาลไม่เกิน 20 แปลง หรือไม่เกิน 2 ไร่ และในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลไม่เกิน 30 แปลง หรือไม่เกิน 4 ไร่ หรือโครงการจัดสรรขนาดจิ๋ว เพื่อจูงใจให้ผู้ประกอบการไม่เลี่ยงกฎหมายนั้น ขณะนี้เริ่มมีผู้ยื่นขออนุญาตแล้วเกือบ 100 โครงการ นอกจากการจูงใจให้ผู้ประกอบการแล้ว กรมที่ดินยังกำหนดหน้าให้แก่เจ้าพนักงานที่ดินในการตรวจสอบโครงการที่เลี่ยงกฎหมายอย่างชัดเจน หากเจ้าหน้าที่ละเว้น หรือมีผู้ร้องเรียน มีความเสียหายเกิดขึ้น จะถูกปลดออกจากราชการ
นอกจากนี้ กรมที่ดินยังได้ร่วมกับหน่วยงานรัฐ 15 ส่วนราชการ เช่น กรมการปกครอง กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมพัฒนาที่ดิน กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท กรมป่าไม้ เป็นต้น เพื่อลดขั้นตอนการปฏิบัติงานลง ที่ผ่านมากรมที่ลดขั้นตอนการปฏิบัติงานไปแล้ว 2 เรื่อง คือ การรังวัดที่ดิน สอบเขต แบ่งเขต และงานออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน เป้าหมายในขณะนี้คือ การลดขั้นตอน และระยะเวลาการปฏิบัติงานเกี่ยวกับการถอนสภาพที่ดินสาธารณะ การขอสัมปทาน และการขออนุญาตที่เกี่ยวกับที่ดินของรัฐ โดนจะลดขั้นตอนจากกว่า 200 วันให้เหลือ 45-90 วัน
ส่วนเป้าหมายต่อไปกรมที่ดินจะลดขั้นตอนการปฏิบัติงานการขออนุญาตจัดสรรที่ดิน และการจดทะเบียนอาคารชุด โดยขณะนี้ได้เจรจากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการออกใบอนุญาตที่มีกว่า 10 หน่วยงาน มีการบรรลุข้อตกลงไปแล้วกว่าครึ่ง ส่วนที่เหลือกำลังอยู่ระหว่างการประสานงานทำความเข้าใจ
นายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมอาคารชุดไทย เปิดเผยว่า ตลาดคอนโดมิเนียมในช่วงครึ่งแรกของปี 52 ชะลอตัวลงจากปีก่อนประมาณ 10% โดยคาดว่าจะมียอดจดทะเบียนประมาณ 10,000-12,000 ยูนิต ส่วนทั้งปีคาดว่าจะมียอดจดทะเบียนไม่เกิน 26,000 ยูนิต ลดลงจากปีที่แล้วประมาณ 12% ที่มียอดจดทะเบียน 30,000 ยูนิต
ทั้งนี้ สาเหตุหลักมาจากปัญหาเศรษฐกิจ ทำให้ยอดขายในเดือนมกราคมลดลงกว่า 50% และในเดือนเมษายนเกิดความไม่สงบทางการเมือง ทำให้ยอดขายหายไปกว่าครึ่งเช่นกัน ซึ่งแม้ว่าในช่วงครึ่งปีหลังตลาดอสังหาฯจะไม่มีปัจจัยลบมาสะดุด ก็เชื่อว่ายอดขายจะไม่เท่ากับปีที่ผ่านมาแน่นอนเพราะช่วงเวลาขายหายไปกว่า 1 เดือน คือ ในเดือนมกราคมและเมษายน
นอกจากนี้ ยังมีปัญหาใหญ่คือ การเกิดไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 ทำให้ลูกค้าชาวต่างชาติที่เคยเป็นลูกค้าหลักของตลาดคอนโดฯหายไปด้วย โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าประเทศสิงคโปร์และฮ่องกง
ดังนั้น เพื่อเป็นการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายโดยตรง ทางสมาคมอาคารชุดไทยจึงได้ร่วมกับบริษัท เซ็นจูรี่ 21 เรียลตี้ แอฟฟิลิเอทส์ (ประเทศไทย) จำกัด ในการจัดงาน Thailand condo Expo 2009 @ Singapore บนพื้นที่ 2,000 ตร.ม. ณ ศูนย์ประชุม Suntec Singapore International Convention and Exhibition Center ในระหว่างวันที่ 23-25 ตุลาคมนี้ โดยคาดว่าจะมีสมาชิกร่วมออกบูทกว่า 60 โครงการมูลค่าประมาณ 60,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณในการจัดงานกว่า 10 ล้านบาท และคาดว่าจะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท
“ช่วงที่มีไขหวัด 2009 ระบาด ทำให้ลูกค้าชาวต่างชาติที่เป็นกลุ่มหลักหายไปจำนวนมาก แทนที่เราจะนั่งรอลูกค้าในไทย เราก็เอาโครงการของเราไปให้คนสิงคโปร์ซื้อถึงที่ เพราะคนสิงคโปร์คุ้นเคยกับเมืองไทยเป็นอย่างดี และบางส่วนลงทุนซื้อคอนโดฯ เพื่อการลงทุนปล่อยเช่าจำนวนมากอยู่แล้ว โดยมีอัตราผลตอบแทนกว่า 6%” นายอธิป กล่าว
ด้านนายกิติศักดิ์ จำปาทิพย์พงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นจูรี่ 21 เรียลตี้ แอฟฟิลิเอทส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่มีความเชี่ยวชาญในการซื้อขายอสังหาฯทั้งเมืองไทยและสิงคโปร์เป็นอย่างดี กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจของประเทศสิงคโปร์ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา มีทิศทางปรับตัวดีขึ้นเป็นลำดับ หลังจากปลายปีที่แล้วต่างชาติได้ถอนการลงทุนไปจำนวนมากจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก จนทำให้สิงคโปร์มีเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง อย่างไรก็ตามสิงคโปร์เป็นประเทศที่ทำธุรกิจซื้อมา-ขายไป และเป็นประเทศขนาดเล็ก ทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจเกิดขึ้นเร็วกว่าประเทศอื่นๆ ทั่วไป
ทั้งนี้ จากการสำรวจกำลังซื้อของชาวสิงคโปร์ พบว่า เริ่มกลับคืนสู่ภาวะปกติ พิจารณาได้จากการเปิดโครงการคอนโดฯใจกลางเมืองราคา 7 แสนบาท/ตร.ม. สามารถขายหมดภายใน 1 สัปดาห์ ส่วนการซื้อโครงการคอนโดฯ ในเมืองไทยนั้น ชาวสิงคโปร์ทั้งที่ทำงานในสิงคโปร์และเป็นชาวสิงคโปร์ ถือเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของตลาดคอนโดฯเมืองไทย ซึ่งกว่า 80% รู้จักประเทศไทยเป็นอย่างดี และ 70-80% ที่ซื้อคอนโดฯในไทยเป็นการซื้อเพื่อการลงทุน ดังนั้น เจ้าของโครงการที่นำไปออกบูทจะต้องจัดแคมเปญ สำหรับการลงทุนหรือการันตีผลตอบแทนให้แก่ลูกค้าจึงจะเป็นที่น่าสนใจ
“ สาเหตุที่ชาวสิงคโปร์ให้ความสนใจคอนโดฯในไทย เนื่องจากราคาถูกกว่าสิงคโปร์ถึง 6 เท่า แม้ว่ารายได้ของชาวสิงคโปร์จะสูงกว่าไทย แต่ค่าครองชีพก็สูงกว่าไทยถึง 12 เท่า และคอนโดฯในเมืองไทยถูกกว่าประเทศอื่นๆในภูมิภาคนี้มาก ”
**คุมผู้จัดการนิติบุคคคอาคารชุด
นายอนุวัฒน์ เมธีวิบูลวุฒิ อธิบดีกรมที่ดิน กล่าวว่า มีแนวคิดที่จะออกกฎหมายเพื่อควบคุมผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุด โดยจะเปิดให้มีการอบรมตามหลักสูตรการบริหารจัดการอาคารชุดจากสถาบันการศึกษา และมีการขึ้นทะเบียนกับกรมที่ดิน หากไม่ผ่านการอบรมก็จะไม่สามารถเป็นผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุดได้ โดยในช่วงเริ่มต้นหากประกาศใช้กฎหมายจะให้เวลาผู้จัดการนิติบุคคลเตรียมตัวเป็นเวลา 2 ปี ในการฝึกอบรมและขึ้นทะเบียน ส่วนสาเหตุที่ต้องออกกฎหมายควบคุมผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุด เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นในอาคารชุดส่วนหนึ่งเกิดจากผู้จัดการอาคารชุดไม่มีความรู้ในการบริหารจนทำให้เกิดความเสียหายในอาคารชุดเพิ่มจำนวนมากขึ้น
ส่วนการผ่อนผันการจัดทำสาธารณูปโภคบางรายการให้แก่โครงการ ที่ยื่นขออนุญาตจัดสรรที่ดินในเขตเทศบาลไม่เกิน 20 แปลง หรือไม่เกิน 2 ไร่ และในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลไม่เกิน 30 แปลง หรือไม่เกิน 4 ไร่ หรือโครงการจัดสรรขนาดจิ๋ว เพื่อจูงใจให้ผู้ประกอบการไม่เลี่ยงกฎหมายนั้น ขณะนี้เริ่มมีผู้ยื่นขออนุญาตแล้วเกือบ 100 โครงการ นอกจากการจูงใจให้ผู้ประกอบการแล้ว กรมที่ดินยังกำหนดหน้าให้แก่เจ้าพนักงานที่ดินในการตรวจสอบโครงการที่เลี่ยงกฎหมายอย่างชัดเจน หากเจ้าหน้าที่ละเว้น หรือมีผู้ร้องเรียน มีความเสียหายเกิดขึ้น จะถูกปลดออกจากราชการ
นอกจากนี้ กรมที่ดินยังได้ร่วมกับหน่วยงานรัฐ 15 ส่วนราชการ เช่น กรมการปกครอง กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมพัฒนาที่ดิน กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท กรมป่าไม้ เป็นต้น เพื่อลดขั้นตอนการปฏิบัติงานลง ที่ผ่านมากรมที่ลดขั้นตอนการปฏิบัติงานไปแล้ว 2 เรื่อง คือ การรังวัดที่ดิน สอบเขต แบ่งเขต และงานออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน เป้าหมายในขณะนี้คือ การลดขั้นตอน และระยะเวลาการปฏิบัติงานเกี่ยวกับการถอนสภาพที่ดินสาธารณะ การขอสัมปทาน และการขออนุญาตที่เกี่ยวกับที่ดินของรัฐ โดนจะลดขั้นตอนจากกว่า 200 วันให้เหลือ 45-90 วัน
ส่วนเป้าหมายต่อไปกรมที่ดินจะลดขั้นตอนการปฏิบัติงานการขออนุญาตจัดสรรที่ดิน และการจดทะเบียนอาคารชุด โดยขณะนี้ได้เจรจากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการออกใบอนุญาตที่มีกว่า 10 หน่วยงาน มีการบรรลุข้อตกลงไปแล้วกว่าครึ่ง ส่วนที่เหลือกำลังอยู่ระหว่างการประสานงานทำความเข้าใจ