เอเอฟพี/เอเจนซี- ผู้นำญี่ปุ่นประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎรแล้วเพื่อจัดการเลือกตั้งครั้งใหม่ในวันที่ 30 สิงหาคมนี้ พร้อมยืนยันจะกอบกู้ความเชื่อมั่นต่อพรรคแอลดีพี โดยเชื่อมั่นว่าพรรคมีสิทธิ์ชนะการเลือกตั้งและได้กลับมาเป็นรัฐบาลอีก หลังผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดชี้ ยังมีชาวญี่ปุ่นอีกถึงร้อยละ 30 ที่ยังไม่ตัดสินใจจะเลือกพรรคใด
นายกรัฐมนตรีทาโร อาโซะ ของญี่ปุ่นวัย 68 ปี ประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎรแล้วเมื่อวานนี้ (21) โดยการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่จะมีขึ้นในวันที่ 30 สิงหาคมนี้ท่ามกลางการคาดหมายของหลายฝ่ายว่าพรรคลิเบอรัล เดโมแครติก ปาร์ตี้ (แอลดีพี) ภายใต้การนำของเขามีความเสี่ยงสูงที่จะเผชิญความพ่ายแพ้ยับเยิน หลังจากปกครองญี่ปุ่นมาแทบจะต่อเนื่องตลอดกว่า 50 ปีที่ผ่านมา
เมื่อสัปดาห์ก่อน อาโซะ ได้ออกมาประกาศแผนที่จะยุบสภาเพื่อจัดการเลือกตั้งครั้งใหม่ซึ่งก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นภายในพรรคแอลดีพี โดยมีสมาชิกพรรคจำนวนมากรวมตัวกันล่ารายชื่อและพยายามกดดันให้เขาก้าวลงจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคแต่ไม่เป็นผล เนื่องจากบรรดาผู้บริหารระดับสูงในพรรคต่างตบเท้าออกมาสกัดความเคลื่อนไหวดังกล่าว
รายงานข่าวระบุว่า อาโซะได้เดินทางเข้าร่วมการประชุมกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคแอลดีพีเมื่อวานนี้ (21) เพื่อรับฟังการตำหนิและข้อร้องเรียนจากสมาชิกพรรค โดยในระหว่างการประชุมซึ่งมีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ไปทั่วประเทศ ผู้นำญี่ปุ่นได้กล่าวขออภัยต่อคำพูดที่โผงผางและแข็งกระด้างของตัวเขา และการดำเนินนโยบายต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมาที่ถูกวิจารณ์ว่าเป็นนโยบายที่ไม่อยู่กับร่องกับรอย โดยเฉพาะนโยบายแก้ปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ ซึ่งมีผลทำให้ชาวญี่ปุ่นเกิดความไม่เชื่อมั่น และทำให้คะแนนนิยมของพรรคแอลดีพีตกต่ำลงอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 10 เดือนที่ผ่านมา
นอกจากนั้น อาโซะยังยอมรับต่อที่ประชุมพรรควานนี้ว่า ความขัดแย้งภายในพรรคถือเป็นอีกสาเหตุหนึ่ง ที่ส่งผลให้พรรคพ่ายแพ้การเลือกตั้งระดับท้องถิ่นแก่พรรคฝ่ายค้านในหลายสนามโดยอาโซะระบุว่า ขอให้สมาชิกพรรคแอลดีพียุติการขัดแย้งกันเองภายในพรรคและหันมารวมพลังกันฟื้นฟูพรรคขึ้นมาใหม่ เพื่อให้สามารถต่อสู้กับกระแสความนิยมของพรรคฝ่ายค้านที่เพิ่มสูงขึ้นทุกขณะ
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้ขอร้องให้สมาชิกพรรคยอมรับความรู้สึกและความต้องการของประชาชน รวมทั้ง เสียงวิจารณ์ต่างๆ เพื่อนำมาปฏิรูปการทำงานของพรรคให้ดีขึ้น โดยอาโซะระบุว่า เขาต้องการขอโอกาสในการ "เริ่มต้นใหม่" อีกครั้ง พร้อมยอมรับว่าต้องการจะอยู่ในตำแหน่งผู้นำประเทศต่อไปจนกว่าเศรษฐกิจของญี่ปุ่นจะฟื้นตัว และมั่นใจว่าพรรคแอลดีพีมีโอกาสชนะการเลือกตั้งและได้กลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง
ขณะที่ผลการสำรวจความคิดเห็นของหลายสำนักชี้ว่า พรรคเดโมแครติก ปาร์ตื้ ออฟ แจแปน (ดีพีเจ) ซึ่งเป็นฝ่ายค้านมีคะแนนนิยมนำหน้าพรรคแอลดีพีของนายกรัฐมนตรีอาโซะ อยู่พอสมควร และพรรคดีพีเจมี " โอกาสทอง" ที่จะยุติการกุมอำนาจปกครองประเทศของพรรคแอลดีพีที่แทบจะต่อเนื่องตลอดกว่า 50 ปีตั้งแต่ช่วงกลางทศวรรษที่ 1950
อย่างไรก็ตามผลสำรวจความคิดเห็นครั้งล่าสุดระบุว่า ยังมีผู้มีสิทธิเลือกตั้งอีกราวร้อยละ 30 ที่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเลือกพรรคใด และคนกลุ่มนี้ถือเป็นตัวแปรสำคัญที่จะชี้ขาดผลการเลือกตั้งในช่วงปลายเดือนสิงหาคมนี้
ด้านยูกิโอะ ฮาโตยามะผู้นำพรรคดีพีเจระบุว่าทางพรรคพร้อมแล้วที่จะเผชิญหน้ากับภารกิจสำคัญครั้งประวัติศาสตร์ในการนำพาประเทศให้หลุดพ้นจากภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ พร้อมระบุว่าการเลือกตั้งในวันที่ 30 สิงหาคมนี้ จะเป็นการเลือกตั้งที่เปิดโอกาสให้นักการเมืองมืออาชีพได้เข้าไปบริหารประเทศอย่างแท้จริง
นายกรัฐมนตรีทาโร อาโซะ ของญี่ปุ่นวัย 68 ปี ประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎรแล้วเมื่อวานนี้ (21) โดยการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่จะมีขึ้นในวันที่ 30 สิงหาคมนี้ท่ามกลางการคาดหมายของหลายฝ่ายว่าพรรคลิเบอรัล เดโมแครติก ปาร์ตี้ (แอลดีพี) ภายใต้การนำของเขามีความเสี่ยงสูงที่จะเผชิญความพ่ายแพ้ยับเยิน หลังจากปกครองญี่ปุ่นมาแทบจะต่อเนื่องตลอดกว่า 50 ปีที่ผ่านมา
เมื่อสัปดาห์ก่อน อาโซะ ได้ออกมาประกาศแผนที่จะยุบสภาเพื่อจัดการเลือกตั้งครั้งใหม่ซึ่งก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นภายในพรรคแอลดีพี โดยมีสมาชิกพรรคจำนวนมากรวมตัวกันล่ารายชื่อและพยายามกดดันให้เขาก้าวลงจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคแต่ไม่เป็นผล เนื่องจากบรรดาผู้บริหารระดับสูงในพรรคต่างตบเท้าออกมาสกัดความเคลื่อนไหวดังกล่าว
รายงานข่าวระบุว่า อาโซะได้เดินทางเข้าร่วมการประชุมกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคแอลดีพีเมื่อวานนี้ (21) เพื่อรับฟังการตำหนิและข้อร้องเรียนจากสมาชิกพรรค โดยในระหว่างการประชุมซึ่งมีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ไปทั่วประเทศ ผู้นำญี่ปุ่นได้กล่าวขออภัยต่อคำพูดที่โผงผางและแข็งกระด้างของตัวเขา และการดำเนินนโยบายต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมาที่ถูกวิจารณ์ว่าเป็นนโยบายที่ไม่อยู่กับร่องกับรอย โดยเฉพาะนโยบายแก้ปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ ซึ่งมีผลทำให้ชาวญี่ปุ่นเกิดความไม่เชื่อมั่น และทำให้คะแนนนิยมของพรรคแอลดีพีตกต่ำลงอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 10 เดือนที่ผ่านมา
นอกจากนั้น อาโซะยังยอมรับต่อที่ประชุมพรรควานนี้ว่า ความขัดแย้งภายในพรรคถือเป็นอีกสาเหตุหนึ่ง ที่ส่งผลให้พรรคพ่ายแพ้การเลือกตั้งระดับท้องถิ่นแก่พรรคฝ่ายค้านในหลายสนามโดยอาโซะระบุว่า ขอให้สมาชิกพรรคแอลดีพียุติการขัดแย้งกันเองภายในพรรคและหันมารวมพลังกันฟื้นฟูพรรคขึ้นมาใหม่ เพื่อให้สามารถต่อสู้กับกระแสความนิยมของพรรคฝ่ายค้านที่เพิ่มสูงขึ้นทุกขณะ
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้ขอร้องให้สมาชิกพรรคยอมรับความรู้สึกและความต้องการของประชาชน รวมทั้ง เสียงวิจารณ์ต่างๆ เพื่อนำมาปฏิรูปการทำงานของพรรคให้ดีขึ้น โดยอาโซะระบุว่า เขาต้องการขอโอกาสในการ "เริ่มต้นใหม่" อีกครั้ง พร้อมยอมรับว่าต้องการจะอยู่ในตำแหน่งผู้นำประเทศต่อไปจนกว่าเศรษฐกิจของญี่ปุ่นจะฟื้นตัว และมั่นใจว่าพรรคแอลดีพีมีโอกาสชนะการเลือกตั้งและได้กลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง
ขณะที่ผลการสำรวจความคิดเห็นของหลายสำนักชี้ว่า พรรคเดโมแครติก ปาร์ตื้ ออฟ แจแปน (ดีพีเจ) ซึ่งเป็นฝ่ายค้านมีคะแนนนิยมนำหน้าพรรคแอลดีพีของนายกรัฐมนตรีอาโซะ อยู่พอสมควร และพรรคดีพีเจมี " โอกาสทอง" ที่จะยุติการกุมอำนาจปกครองประเทศของพรรคแอลดีพีที่แทบจะต่อเนื่องตลอดกว่า 50 ปีตั้งแต่ช่วงกลางทศวรรษที่ 1950
อย่างไรก็ตามผลสำรวจความคิดเห็นครั้งล่าสุดระบุว่า ยังมีผู้มีสิทธิเลือกตั้งอีกราวร้อยละ 30 ที่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเลือกพรรคใด และคนกลุ่มนี้ถือเป็นตัวแปรสำคัญที่จะชี้ขาดผลการเลือกตั้งในช่วงปลายเดือนสิงหาคมนี้
ด้านยูกิโอะ ฮาโตยามะผู้นำพรรคดีพีเจระบุว่าทางพรรคพร้อมแล้วที่จะเผชิญหน้ากับภารกิจสำคัญครั้งประวัติศาสตร์ในการนำพาประเทศให้หลุดพ้นจากภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ พร้อมระบุว่าการเลือกตั้งในวันที่ 30 สิงหาคมนี้ จะเป็นการเลือกตั้งที่เปิดโอกาสให้นักการเมืองมืออาชีพได้เข้าไปบริหารประเทศอย่างแท้จริง
