xs
xsm
sm
md
lg

"อัศวิน"ลั่นไม่ได้เป็นไส้ศึก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - "ธานี" เผยคดียิง "สนธิ" ยังไม่ออกหมายจับเพิ่ม รับนายกฯ พูดจริงทางสืบสวนรู้ตัวผู้บงการ แต่การดำเนินคดีต้องมีพยานหลักฐาน “อัศวิน”ลั่นไม่เคยเป็นไส้ศึก แต่รายงาน "ผบ.ตร." แบบไม่เจาะลึก "สุเมธ" มั่นใจ 2 ผู้ต้องหายังอยู่ในไทย ผบช.น.ทำหนังสือด่วนถึง "อนุพงษ์" ส่งตัว "จ.ส.อ.ปัญญา" ดำเนินคดี ส่วนดีเอสไอเล่นแง่ยื้อให้ปากคำ "ธานี" ขอสอบการใช้รถ อ้างหนังสือที่ประสานมามีข้อมูลไม่เพียงพอ

วานนี้ (20 ก.ค.)ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่า ขณะนี้ยังไม่ได้ออกหมายจับใคร เพราะพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอ ส่วนการตามจับผู้ต้องหาสองคนก็ยังไม่มีความคืบหน้า โดยคดีมีคนลงมือหลายคน แต่ยังนับไม่ถูก คนยิงก็มีรถสองคันแล้ว และยังมีที่อื่นอีก

พล.ต.อ.ธานี กล่าวถึงการที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พูดในรายการเชื่อมั่นประเทศไทย เหมือนรู้ตัวคนบงการแล้วว่า ที่นายกรัฐมนตรีพูดก็เป็นไปตามที่นายกรัฐมนตรี พูด ส่วนเรื่องคนบงการ ในการสืบสวนก็เป็นเรื่องการสืบสวน ส่วนการดำเนินคดีเพื่อหาพยานหลักฐานจะจับคนร้ายก็ต้องแยกออกจากกัน ซึ่งตอนนี้ในการสืบสวนก็ยังไม่รู้ว่าใครเป็นผู้บงการ

รอง ผบ.ตร.ยังกล่าวถึงความคิดเห็นของประชาชนจากการสำรวจของสำนักโพลที่ไม่เชื่อว่าผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับเป็นผู้ต้องหาตัวจริงด้วยว่า ประชาชนไม่เห็นพยานหลักฐาน เป็นเรื่องความรู้สึกของเขา จะเอาที่ประชาชนเชื่อมั่นไม่ได้ ต้องทำตามพยานหลักฐาน จะนำพยานหลักฐานทั้งหมดมาแฉให้ประชาชนดูก็คงทำไม่ได้

“ผมขอยืนยัน ไม่มีความขัดแย้งกับใคร ไม่ได้ขัดแย้งกับผู้บังคับบัญชา และยังไม่มีการปรับทีมทำงาน ใครอยากทำก็ทำ ใครไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ”

พล.ต.อ.ธานี ยังปฏิเสธที่จะตอบคำถามว่า พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วย ผบ.ตร.มาช่วยทำคดีอะไรบ้าง โดยบอกให้ไปถาม พล.ต.ท.อัศวิน เอาเอง รวมถึงตอบกลับว่า “อัศวินพูดอย่างนั้นจริงหรือ” เมื่อถูกถามว่า พล.ต.ท.อัศวิน พูดเหมือนน้อยใจว่าไม่ได้รับมอบหมายงานให้

ส่วนกรณีของ พ.ต.อ.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผกก 6.บก.รน.ที่ถูกยืมตัวมาทำงานในคดีนี้ แต่ถูก พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.สั่งให้กลับต้นสังกัดนั้น จะมีผลกระทบต่อการทำคดีหรือไม่ พล.ต.อ.ธานี กล่าวว่า ขาดคนคนเดียวไม่ใช่ออกหมายจับไม่ได้ งานนี้ไม่ใช่ทำงานคนเดียว ต้องช่วยกันทำ ทำงานกันเป็นทีม

**“อัศวิน” ยันไม่เคยเป็นไส้ศึก**

ด้าน พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าวถึงความคืบหน้าในการติดตามจับกุม จ.ส.ต.ปัญญา ศรีเหรา และส.ต.อ.วรวุฒิ มุ่งสันติ 2 ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับว่าความจริงแล้วตนไม่ได้เป็นหนึ่งในทีมพนักงานสอบสวนของคดีลอบสังหารนายสนธิ แต่ตนทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยของ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.ดูแลการทำงานในส่วนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เมื่อ พล.ต.อ.ธานี สั่งการอะไรเกี่ยวกับคดีของลอบสังหารนายสนธิ ลงมาก็ต้องมีหน้าที่ปฎิบัติตามหน้าที่ที่ดูแล บช.น.

พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวต่อว่า เมื่อมีการออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้แล้วก็เชื่อว่าเป็นตัวจริง ซึ่งต้องมีหน้าที่ติดตามจับกุมไป โดยขณะนี้ยังไม่ทราบว่ามีการติดต่อเข้ามอบตัวจากผู้ต้องหาทั้งสองรายหรือยัง

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าผู้ต้องหาทั้งสองรายกบดานอยู่ที่ จ.อุดรธานี นั้น พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวว่า แนวทางการสืบสวนเชื่อว่ายังหลบหนีอยู่ในภาคใต้ ซึ่งรายละเอียดต่างๆ ขอให้ไปสอบถามพนักงานสอบสวน เพราะตอนที่มีการประชุมออกหมายจับนั้นตนก็ไม่ทราบรายละเอียด จึงไม่ทราบว่ามีหลักฐานอะไรบ้าง ตนทราบจากสื่อเท่านั้น แต่ก็เชื่อมั่นในการทำงานของทีมพนักงานสอบสวน และเชื่อว่ายังมีผู้ต้องหาอีกหลายคน

พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวถึงกรณีที่จะมีหลักฐานชัดเจนเพียงไรว่า จ.ส.ต.ปัญญา ศรีเหรา และส.ต.อ.วรวุฒิ มุ่งสันติ เกี่ยวข้องในการวางแผนลอบสังหารนายสนธิ ว่าตั้งแต่เริ่มแรกที่เกิดเหตุ ไม่มีใครทราบว่าใครเป็นคนร้ายบ้าง เรื่องนี้ต้องตอบสังคมให้ได้ภายใน 5-10 วันว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะอะไร และมีความชัดเจนเพียงไร จึงออกหมายจับ

ส่วนจะมี (พ.อ.) ส เป็นคนบงการลอบสังหารนายสนธิ หรือไม่นั้น พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่คนบงการต้องเป็นคนที่ไม่พอใจนายสนธิ ส่วนจะเป็นการลงขันหรือเปล่า พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวว่า หลักฐานยังไม่ชัดเจนว่าเป็นการลงขัน ซึ่งในเรื่องของความคืบหน้าของคดีต้องสอบถาม พล.ต.อ.ธานี ถึงจะได้คำตอบที่ถูกต้องชัดเจน

**รับรายงาน ผบ.ตร.แบบไม่เจาะลึก**

สำหรับกรณีที่มีคนสงสัยว่า พล.ต.ท.อัศวิน เป็นไส้ศึก เนื่องจากที่ผ่านมาได้หยุดการติดตามการสืบสวนในคดีนี้ไป นั้น พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวว่า ไม่ได้หยุด เรื่องไส้ศึกนั้นก็ไม่ทราบ รู้แค่ไหนก็พูดไปแค่นั้น ที่ผ่านมา พล.ต.อ.ธานี ก็ไว้ใจให้ทำงาน เพราะกว่าจะมีการออหมายจับได้นั้น ส่วนหนึ่งก็เกิดจากการทำงานในชุดของตน

นอกจากนี้ ในส่วนกรณีที่ พล.ต.ท.อัศวิน เป็นผู้รายงานความคืบหน้าของคดีให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ให้ทราบเป็นระยะหรือไม่ นั้น พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวว่า ปกตินั้นเมื่อมีความคืบหน้าของคดีก็จะบอก พล.ต.อ.ธานี ก่อนอยู่แล้ว และพล.ต.อ.ธานี จะเป็นคนตัดสินใจว่า จะต้องรายงานใครบ้าง แต่เมื่อ ผบ.ตร.สอบถามก็มีการตอบไปบ้าง ซึ่งเป็นการพูดคุยกันแบบไม่เจาะลึก ซึ่งตนขอยืนยันว่าไม่มีการสั่งเบรคคดีจากเจ้าหน้าที่ระดับสูง และผบ.ตร.ก็บอกให้ดูแลคดีนี้ให้เต็มที่ไป อย่าให้พลาด ต้องชัดเจน

สำหรับกรณีที่ พล.ต.อ.พัชรวาท ย้าย พ.ต.อ.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผกก.6 บก.รน. หนึ่งในเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนคลี่คลายคดียิงนายสนธิ กลับยังต้นสังกัดนั้น พล.ต.ท.อัศวิน กล่าวว่า พ.ต.อ.วิวัฒน์ ก็เป็นส่วนหนึ่งในทีมสืบสวน เมื่อถูกย้ายกลับต้นสังกัดก็มีคนอื่นทำงานได้ อย่างทีมของตนก็มี พล.ต.ต.วีระศักดิ์ มีนะวาณิชย์ รองผบก.จตร. หรือ พ.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบก.จร.ก็ดูแลเรื่องนี้อยู่แล้ว และรายงานให้ พล.ต.อ.ธานีทราบตลอด

**เชื่อ "ปัญญา-วรวุฒิ" ยังอยู่ในไทย**

พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รองผบช.ประจำสำนักงาน พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผบ.ตร. กล่าวถึงกระแสข่าวกรณี จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา หนีไปกบดานที่เกาะกง โดยมีลูกน้องของนายสมชาย คุณปลื้ม หรือกำนันเป๊าะ มารับตัวไปว่า ไม่ทราบว่าข่าวมาจากไหน ข่าวมาจากไหนก็ไปถามคนนั้น ซึ่งตนคิดว่าน่าจะเป็นการจินตนาการไปเอง

พล.ต.ต.สุเมธ กล่าวต่อไปว่า ผู้ต้องหาทั้งสอง คือ จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา และ ส.ต.อ.วรวุฒิ มุ่งสันติ ยังคงหลบหนีอยู่ในเมืองไทย ซึ่งขณะนี้ฝ่ายสืบสวนกำลังสืบหาตัวอยู่ ซึ่งก็ได้เบาะแสพอสมควรแล้ว แต่ยังไม่ 100 เปอร์เซ็นต์ หากแน่ใจว่าอยู่ที่ไหน 100 เปอร์เซ็นต์ก็จะจับกุมตัวทันที

**ผบช.น.แจ้ง "ป๊อก" ส่งตัว "ปัญญา"**

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น.)ได้ทำหนังสือด่วนถึง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก เพื่อประสานขอความร่วมมือในการขอตัว จ.ส.อ. ปัญญา ศรีเหรา ทหารสังกัดหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (นสศ.) จ.ลพบุรี ไปดำเนินคดี หลังตกเป็นผู้ต้องหาในคดีลอบยิง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ทั้งนี้ทางกองทัพบกจะประสานไปยังทางต้นสังกัด คือ พล.ท.ภุชงค์ รัตนวรรณ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (นสศ.) ให้ส่งตัว จ.ส.อ.ปัญญา ให้ทางตำรวจเพื่อดำเนินคดีต่อไป ทั้งนี้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 ได้ทำหนังสือส่งตัว จ.ส.อ.ปัญญา กลับต้นสังกัดเดิมแล้ว แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ทราบตัวของ จ.ส.อ.ปัญญา ว่าไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่ไหน

แหล่งข่าวนายทหารจากกองทัพบก เปิดเผยว่า ขณะนี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ได้รับทราบแล้วที่ทางตำรวจนครบาลทำหนังสือเรื่องขอตัว จ.ส.อ.ปัญญา ไปดำเนินคดี ซึ่งทาง พล.อ.อนุพงษ์ ย้ำว่า จะไม่ปกป้องกำลังพลที่ไปก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวอยู่แล้ว ใครผิดก็จะต้องดำเนินคดีไปตามกฎหมาย อีกทั้งยืนยันว่ากองทัพไม่ได้ให้คนกระทำผิดหลบซ่อนในค่ายทหารตามที่หลายคนสงสัย อย่างไรก็ตาม เบื้องต้น พล.อ.อนุพงษ์ ได้ประสานไปยังหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ และได้กำชับไปยัง พล.ท.ภุชงค์ ให้เร่งหาตัว จ.ส.อ.ปัญญา เพื่อส่งมอบให้กับทางตำรวจแล้วเช่นกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นที่น่าสังเกตว่าหนังสือด่วนที่ทางตำรวจนครบาลทำมาถึง พล.อ.อนุพงษ์ มีเพียง จ.ส.อ.ปัญญา เพียงคนเดียวนั้น แต่ไม่ปรากฏชื่อของ พ.อ.สุนัย ประภูชะเน หัวหน้าฝ่ายเสนาธิการ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ทั้ง ๆที่ก่อนหน้านี้มีมีกระแสข่าวว่า พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน ได้เตรียมออกหมายจับ พ.อ.สุนัย อีกคน หลังจากสืบสวนทราบว่ามีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องกับการลอบยิง นายสนธิ ในครั้งนี้ด้วย

**DSIยื้อให้ข้อมูลธานีสอบการใช้รถ**

วันเดียวกันมีรายงานจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ว่า พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ได้มีหนังสือถึง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีดีเอสไอ เพื่อขออนุญาตสอบสวนปากคำเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกรณีรถยนต์กระบะอีซูซุ ดีแมกซ์ สีดำ หมายเลขทะเบียน สศ 1785 กรุงเทพมหานคร โดยอธิบดีดีเอสไอ ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย รองอธิบดีดีเอสไอ ตรวจสอบเรื่องดังกล่าว

พ.ต.อ.สุชาติ กล่าวว่า หนังสือที่ได้รับจากคณะพนักงานสอบสวนคดีลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล ระบุว่า จากการสืบสวนสอบสวนทราบว่ารถยนต์หมายเลขทะเบียนดังกล่าว เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในคดีนี้ แต่ไม่ปรากฏรายละเอียดว่า กระทำความผิดอย่างไร เมื่อใดและที่ใด โดยพนักงานสอบสวนคดีนี้จะขออนุญาตสอบสวนปากคำเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้รถยนต์คันดังกล่าว

รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นทราบว่า รถยนต์คันดังกล่าว เป็นรถยนต์ซึ่งใช้ปฏิบัติราชการในกรมสอบสวนคดีพิเศษจริง โดยมอบหมายให้สำนักงานเทคโนโลยีและศูนย์ข้อมูลการตรวจสอบเป็นผู้ใช้ ส่วนจะมอบหมายให้ชุดปฏิบัติการชุดใดใช้ ได้สั่งการให้ ผอ.สำนักเทคโนโลยีฯ ตรวจสอบและรายงานให้ทราบภายในวันที่ 22 ก.ค. 2552 นี้ เพื่อประสานข้อมูลให้กับพนักงานสอบสวนคดีนี้ต่อไป

“อธิบดีดีเอสไอ ให้ผู้มีหน้าที่ให้ความร่วมมือกับพนักงานสอบสวนอย่างเต็มที่ แต่ติดที่รายละเอียดในหนังสือที่ประสานมาดังกล่าวมีข้อมูลไม่เพียงพอ จึงยังไม่สามารถให้รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ในวันนี้ได้ แต่อย่างไรก็ตามภายในสัปดาห์นี้ เชื่อว่า จะสามารถนัดหมายพนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์คันดังกล่าวทั้งหมดมาให้รายละเอียดได้”

พ.ต.อ.สุชาติ กล่าวย้ำว่า ข้อมูลที่ทางพนักงานสอบสวนคดียิงนายสนธิ ประสานมาให้รายละเอียดน้อยเกินไป ซึ่งทางดีเอสไอจะต้องตรวจสอบเกี่ยวกับการที่รถยนต์คันดังกล่าวกระทำความผิด ว่ามีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร ได้ใช้รถไปร่วม หรือพาคนร้ายหลบหนีหรือไม่ ซึ่งพนักงานสอบสวนไม่ได้บอกวันเวลาที่เกิดเหตุว่ามีการนำรถไปใช้ในวันใด

อย่างไรก็ตาม รถคันดังกล่าวในเบื้องต้นตรวจสอบเป็นรถที่ใช้ส่วนกลางของดีเอสไอ ซึ่งไม่ใช่รถที่ใช้ส่วนตัว แต่ยังไม่รู้ว่ามีใครสามารถนำรถไปใช้ได้ จึงต้องตรวจสอบให้ละเอียดก่อน

**ยุติธรรมยังไม่สอบ "ทวี-ดุษฎี"**

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ขณะนี้ตนยังไม่มีคำสั่งตั้งกรรมการสอบสวน พ.ต.อ.ทวี และ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยะวุฒิ รองอธิบดีดีเอสไอ เพราะยังไม่มีหลักฐานว่าบุคคลทั้ง 2 เข้าไปเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดของ ส.ต.อ.วรวุฒิ ในเบื้องต้นจึงให้ชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งหมด เกี่ยวกับ ส.ต.อ.วรวุฒิ รวมถึงการใช้รถยนต์และอุปกรณ์ของดีเอสไอ

ด้านนายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องการทราบข้อมูลเพียงว่า
ส.ต.อ.วรวุฒิ หรือเจ้าหน้าที่ดีเอสไอคนใดบ้าง ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับรถยนต์หมายเลขทะเบียน สศ1785 เพราะต้องการขยายผลว่า ผู้ต้องหาได้นำรถคันดังกล่าวไปร่วมวางแผนสังหารนายสนธิ หรือไม่ ในส่วนของกระทรวงยุติธรรมหลังจากนี้จะเร่งตรวจสอบการใช้รถยนต์ของดีเอสไอทั้งหมด หากพบว่ามีการนำรถยนต์ของกรมฯไปใช้ในภารกิจส่วนตัว จะดำเนินการลงโทษทางวินัย

ทั้งนี้ดีเอสไอต้องกำหนดหลักเกณฑ์การใช้รถยนต์ของหลวงอย่างเข้มงวด เช่น เบิกรถไปใช้ปฏิบัติภารกิจ 10 วัน ก็สามารถใช้ได้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง แต่ทุกภารกิจต้องมีกำหนดเวลาสิ้นสุดไม่ใช่นำรถไปใช้ครอบครองเสมือนรถยนต์ส่วนตัว จอดรถที่ไว้บ้านของตัวเองทุกวัน กรณีการใช้รถของทางราชการเสมือนของส่วนตัวที่ผ่านมาอดีตอธิบดีดีเอสไอและรองอธิบดีดีเอสไอ ก็ยังถูกตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย หากผิดจริงก็ต้องถูกลงโทษไม่มียกเว้น

**"สุเทพ"ยันสาวถึงใครว่าไปตาม กม.**

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง กล่าวความคืบหน้า คดีลอบยิงนายสนธิ หลังจากนายกรัฐมนตรี พูดว่า พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.รู้ตัวว่าใครเป็นคนทำ ประชาชนอาจจะคาดหวังว่า จะได้ตัวคนทำ ว่า ก็นายกฯ และพล.ต.อ.ธานี เขาพูดแล้ว

เมื่อถามว่ามีข่าวจะขอตัว พ.อ.สุนัย จะทำให้กระแสกระเพื่อมในกองทัพหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ทุกอย่างว่าไปตามพยานหลักฐาน

**ผบ.ทร.ลั่นทหารไม่ใช่มือปืนรับจ้าง**

พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีนายทหารเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีลอบยิงนายสนธิ
ว่าเรื่องนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีพูดไปแล้ว คงเป็นไปตามที่นายกฯพูด คือพยายามให้ความยุติธรรมตามหลักเกณฑ์กฎหมาย ทั้งนี้หากมีใครในกองทัพถูกสงสัย หรือมีทหารเรือเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ตนจะให้ความร่วมมือเต็มที่ เพราะเราต้องรักษากฎหมาย และไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย ซึ่งหลักปฏิบัติประจำของทหาร เราได้กำชับกำลังพลว่า ไม่ให้ทำอะไรนอกลู่นอกทาง ทั้งนี้ทหารมีหน้าที่ปกป้องประเทศชาติ และรักษาอธิปไตยของประเทศชาติ ทหารไม่ใช่มือปืนรับจ้าง.
กำลังโหลดความคิดเห็น