เอเอฟพี/เอเจนซี- องค์การอนามัยโลก ระบุการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ถือเป็นการแพร่ระบาดที่รวดเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์วงการสาธารณสุขทั่วโลกพร้อมยอมรับเชื้อมรณะแพร่ระบาดรวดเร็วจนไม่มีประโยชน์ที่จะรายงานการติดเชื้อเป็นรายกรณี ด้านบริษัทยารายใหญ่ประกาศงดรับคำสั่งผลิตวัคซีนเพิ่มแล้ว หลังส่อเค้าอาจไม่สามารถผลิตได้ทันตามความต้องการ ขณะที่ผู้นำสหรัฐฯ เตรียมของบฉุกเฉินอีกกว่า 1,800 ล้านดอลลาร์ ไว้เตรียมรับมือเชื้อมรณะ
เกรกอรี ฮาร์เทิล โฆษกองค์การอนามัยโลก หรือ “ฮู” ออกมาแถลงที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เมื่อวันพฤหัสบดี (16) โดยระบุว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ (เอช 1 เอ็น 1) ขณะนี้ ถือเป็นการแพร่ระบาดของโรคที่รวดเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์วงการสาธารณสุขโลก
ฮาร์เทิลระบุว่า เชื้อชนิดนี้มีอัตราการแพร่ระบาดที่รวดเร็วจนน่าตกใจ เพราะใช้เวลาไม่ถึง 6 สัปดาห์นับตั้งแต่พบการระบาดครั้งแรกที่เม็กซิโกเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ก็สามารถแพร่กระจายไปได้ทั่วโลก ซึ่งต่างจากการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่ในอดีตที่กินเวลามากกว่า 6 เดือน กว่าจะมีรายงานว่าพบการระบาดทั่วโลก
โฆษกองค์การอนามัยโลกยังระบุว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในอัตราที่รวดเร็วเช่นนี้ ทำให้ผู้เชี่ยวชาญขององค์การอนามัยโลกต่างลงความเห็นว่าไม่มีประโยชน์อันใดที่หน่วยงานสาธารณสุขและห้องปฏิบัติการในประเทศต่างๆจะต้องรายงานการติดเชื้อในทุกๆ กรณี เนื่องจากเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรและบุคลากรด้านสาธารณสุขที่มีอยู่อย่างจำกัดโดยไม่จำเป็น แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรพุ่งเป้าไปที่การป้องกันการติดเชื้อเพิ่มเติมเป็นสำคัญ
อย่างไรก็ตาม ฮาร์เทิลกล่าวว่า ทุกประเทศยังควรติดตามเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดในกรณีที่มีกลุ่มผู้ใกล้ชิดกันต่างติดเชื้อไวรัสชนิดนี้อย่างรุนแรงผิดปกติ หรือเกิดการเสียชีวิตมากผิดธรรมดา รวมทั้งกรณีที่มีกลุ่มผู้ใกล้ชิดกันต่างป่วยด้วยอาการทางเดินหายใจจนต้องเข้าโรงพยาบาล หรือมีแบบแผนทางคลินิคที่ผิดปกติหรือที่ไม่สามารถอธิบายได้
เมื่อวันพฤหัสบดี (16) คริส โบนา โฆษกของบริษัทแบ็กซ์เตอร์ อินเตอร์เนชันแนล อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทยาชื่อดังที่มีฐานอยู่ในมลรัฐอิลลินอยส์ของสหรัฐฯ ออกมาแถลงว่า ทางบริษัทไม่สามารถรับคำสั่งผลิตวัคซีนป้องกันเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เพิ่มได้อีกแล้ว เนื่องจากขณะนี้ทางบริษัทได้รับคำสั่งในการผลิตวัคซีนดังกล่าวให้กับรัฐบาลของ 5 ประเทศ รวมทั้ง อังกฤษ ไอร์แลนด์ และนิวซีแลนด์ โดยมีปริมาณวัคซีนที่ต้องผลิตถึง 80 ล้านโดสอยู่แล้ว และทางบริษัทจำเป็นต้องขอให้รัฐบาลประเทศต่างๆหันไปเจรจากับบริษัทยาในยุโรปอย่างแกล็กโซสมิธไคลน์ หรือ โนวาร์ติส เอจี ซึ่งยังสามารถผลิตวัคซีนเพิ่มได้อีกแทน
โบนาระบุว่าหากบริษัทรับผลิตวัคซีนเพิ่มเติมอีก จะมีผลทำให้ทางบริษัทอาจไม่สามารถส่งมอบวัคซีนล็อตแรกได้ทันตามกำหนดในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมถึงต้นเดือนสิงหาคมนี้
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ส่งจดหมายถึงแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เมื่อวันพฤหัสบดี (16) โดยใจความในจดหมายระบุว่า
รัฐบาลสหรัฐฯ เห็นว่ามีความจำเป็นที่ต้องมีการเตรียมงบประมาณฉุกเฉินเพิ่มเติมไว้ราว 1,825 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อใช้รับมือการระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในประเทศหลังจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติของสหรัฐฯ หรือ “ซีดีซี” เผยว่า ผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯ ขณะนี้มีเกินกว่า 1 ล้านคนแล้ว แม้ว่าก่อนหน้านี้สภาคองเกรสเพิ่งอนุมัติงบประมาณ 7,650ล้านดอลลาร์ ให้กับกระทรวงสาธารณสุขสหรัฐฯ ไปแล้วก็ตาม
เกรกอรี ฮาร์เทิล โฆษกองค์การอนามัยโลก หรือ “ฮู” ออกมาแถลงที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เมื่อวันพฤหัสบดี (16) โดยระบุว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ (เอช 1 เอ็น 1) ขณะนี้ ถือเป็นการแพร่ระบาดของโรคที่รวดเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์วงการสาธารณสุขโลก
ฮาร์เทิลระบุว่า เชื้อชนิดนี้มีอัตราการแพร่ระบาดที่รวดเร็วจนน่าตกใจ เพราะใช้เวลาไม่ถึง 6 สัปดาห์นับตั้งแต่พบการระบาดครั้งแรกที่เม็กซิโกเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ก็สามารถแพร่กระจายไปได้ทั่วโลก ซึ่งต่างจากการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่ในอดีตที่กินเวลามากกว่า 6 เดือน กว่าจะมีรายงานว่าพบการระบาดทั่วโลก
โฆษกองค์การอนามัยโลกยังระบุว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในอัตราที่รวดเร็วเช่นนี้ ทำให้ผู้เชี่ยวชาญขององค์การอนามัยโลกต่างลงความเห็นว่าไม่มีประโยชน์อันใดที่หน่วยงานสาธารณสุขและห้องปฏิบัติการในประเทศต่างๆจะต้องรายงานการติดเชื้อในทุกๆ กรณี เนื่องจากเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรและบุคลากรด้านสาธารณสุขที่มีอยู่อย่างจำกัดโดยไม่จำเป็น แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรพุ่งเป้าไปที่การป้องกันการติดเชื้อเพิ่มเติมเป็นสำคัญ
อย่างไรก็ตาม ฮาร์เทิลกล่าวว่า ทุกประเทศยังควรติดตามเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดในกรณีที่มีกลุ่มผู้ใกล้ชิดกันต่างติดเชื้อไวรัสชนิดนี้อย่างรุนแรงผิดปกติ หรือเกิดการเสียชีวิตมากผิดธรรมดา รวมทั้งกรณีที่มีกลุ่มผู้ใกล้ชิดกันต่างป่วยด้วยอาการทางเดินหายใจจนต้องเข้าโรงพยาบาล หรือมีแบบแผนทางคลินิคที่ผิดปกติหรือที่ไม่สามารถอธิบายได้
เมื่อวันพฤหัสบดี (16) คริส โบนา โฆษกของบริษัทแบ็กซ์เตอร์ อินเตอร์เนชันแนล อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทยาชื่อดังที่มีฐานอยู่ในมลรัฐอิลลินอยส์ของสหรัฐฯ ออกมาแถลงว่า ทางบริษัทไม่สามารถรับคำสั่งผลิตวัคซีนป้องกันเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เพิ่มได้อีกแล้ว เนื่องจากขณะนี้ทางบริษัทได้รับคำสั่งในการผลิตวัคซีนดังกล่าวให้กับรัฐบาลของ 5 ประเทศ รวมทั้ง อังกฤษ ไอร์แลนด์ และนิวซีแลนด์ โดยมีปริมาณวัคซีนที่ต้องผลิตถึง 80 ล้านโดสอยู่แล้ว และทางบริษัทจำเป็นต้องขอให้รัฐบาลประเทศต่างๆหันไปเจรจากับบริษัทยาในยุโรปอย่างแกล็กโซสมิธไคลน์ หรือ โนวาร์ติส เอจี ซึ่งยังสามารถผลิตวัคซีนเพิ่มได้อีกแทน
โบนาระบุว่าหากบริษัทรับผลิตวัคซีนเพิ่มเติมอีก จะมีผลทำให้ทางบริษัทอาจไม่สามารถส่งมอบวัคซีนล็อตแรกได้ทันตามกำหนดในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมถึงต้นเดือนสิงหาคมนี้
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ส่งจดหมายถึงแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เมื่อวันพฤหัสบดี (16) โดยใจความในจดหมายระบุว่า
รัฐบาลสหรัฐฯ เห็นว่ามีความจำเป็นที่ต้องมีการเตรียมงบประมาณฉุกเฉินเพิ่มเติมไว้ราว 1,825 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อใช้รับมือการระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในประเทศหลังจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติของสหรัฐฯ หรือ “ซีดีซี” เผยว่า ผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯ ขณะนี้มีเกินกว่า 1 ล้านคนแล้ว แม้ว่าก่อนหน้านี้สภาคองเกรสเพิ่งอนุมัติงบประมาณ 7,650ล้านดอลลาร์ ให้กับกระทรวงสาธารณสุขสหรัฐฯ ไปแล้วก็ตาม
