นายกฯอภิสิทธิ์ มั่นใจ “ธานี” ปิดคดีจับผู้บงการยิง"สนธิ"ได้ แนะมีปัญหาอะไรให้มาคุยด้าน "พัชรวาท" ถามคำตอบคำ ยันไม่ได้แทรกแซงคดี และไม่จำเป็นต้องสอบว่า ใครคือไส้ศึก "บิ๊กเหวียง" โผล่ปัดไม่คิดฆ่า"สนธิ" แต่ยอมรับ "จ.ส.อ.ปัญญา" มือปืน เคยรับใช้สมัยเป็นรมว.กลาโหม "อรทัย" ยันพ่อสามี ยังอยู่กทม. แต่สงสัยทำไมถูกโยง ด้าน"ธานี"ปิดปากเงียบ หลังประชุมชุดสืบสวน
วานนี้(17 ก.ค.)นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา เรียกร้องให้นายกฯ ตั้งกรรมการตรวจสอบหาตัวตำรวจที่เป็นไส้ศึกในคดีลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่า ตนกับพล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีคุยกันตลอดเวลา เพื่อให้คดีเดินหน้าได้ เมื่อเช้ายังคุยกันอีกรอบ ดังนั้นขณะนี้ตราบเท่าที่ พล.ต.อ.ธานี รับผิดชอบบอกกับตนว่าทำงานได้ เป็นปัญหาอะไรบอกให้ตนแก้ไขให้ ก็ไม่มีความจำเป็น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนนี้รูปคดีเริ่มเชื่อมโยงไปถึงคนระดับสูงมากขึ้นเรื่อยๆจะกดดันทำให้คดีไปไม่ถึงไหนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ ตนคุยกับ พล.ต.อ.ธานี ไม่รู้สึกกดดัน เมื่อถามว่านายกฯมั่นใจว่าจะสามารถปิดคดีได้โดยได้ตัวผู้บงการมาดำเนินคดี นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนมั่นใจเพราะ พล.ต.อ.ธานีมั่นใจ และถ้ามีปัญหาอะไรให้บอกมาที่ตนและตนจะดำเนินการแก้ไขให้
เมื่อถามอีกว่าถ้าไม่สามารถจับกุมผู้บงการได้ รัฐบาลจะเดินหน้าคดีต่อไปหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องดูตามพยานหลักฐานว่าเป็นอย่างไร สิ่งสำคัญขณะนี้ต้องพยายามจับกุมบุคคลที่ลงมือชุดที่ปฏิบัติการให้ได้เสียก่อน ถ้าจับไม่ได้ก็ขยายผลยาก เมื่อถามว่าแต่เบื้องต้นข้อมูลด้านอาวุธที่ใช้ก็ไม่มีออกมาเลย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าคนที่ทำงานคงไม่บอกข้อมูลกับสาธารณะทั้งหมด
“พัชรวาท”ปัดไม่ได้แทรกแซงคดี
พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)กล่าวภายหลังการเดินทางเข้าพบนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง โดยมีสีหน้าเคร่งเครียดว่า ตนมาพบนายสุเทพ เพื่อรายงานเหตุการณ์ความวุ่นวายที่กลุ่มคนเสื้อแดง ไปปิดล้อม สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ ที่ จ.เชียงใหม่ เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัว ดีเจ คลื่น 92.5 เมกกะเฮิทร์ เมื่อคืนวันที่ 16 ก.ค.
เมื่อถามว่าคิดอย่างไรกับคดีลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล ที่มุ่งเป้ามาว่า พล.ต.อ.พัชรวาท กลายเป็นอุปสรรคในการทำคดีดังกล่าว พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า ตรงนี้ขอไม่ตอบ ตนคิดว่าพนักงานสอบสวนเป็นคนทำ เมื่อถามว่าจะทำให้เกิดคำถามจากสังคมหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า ไม่มี ตนไม่เคยลงไปยุ่งเลย ถามอีกว่าที่ผ่านมาไม่เคยแทรกแซงคดีหรือไม่ พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่าไม่เคยสั่ง ไม่เคยเข้าไปยุ่งในคดีนี้เลย ตนได้มอบให้ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.ไปแล้ว ท่านก็ทำงานได้ดี
เมื่อถามอีกว่า พล.ต.อ.ธานี ออกมาให้ข่าวว่าชุดสอบสวนมีไส้ศึกและไม่ได้รับความร่วมมือในการติดตามในคดี เรื่องนี้ในฐานะผบ.ตร.จะลงไปตรวจสอบด้วยตัวเองว่าใครเป็นไส้ศึกหรือไม่ พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า ตนต้องรอรายงานจาก พล.ต.อ.ธานี ก่อนหากไม่รายงานตนก็จะไม่รู้ ถามว่ามีความเครียดกับคดีนี้หรือไม่ พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า “ไม่เครียดเลย”
"บิ๊กเหวียง"ลั่นไม่คิดฆ่า"สนธิ"
พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร อดีต รมว.กลาโหม เปิดเผยผ่านทางโทรศัพท์ ถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ บุกค้น บริษัท กฤษณาฟ้าสยาม จำกัด ที่ อ.เขาสมิง จ.ตราด เพื่อค้นหา จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีลอบยิง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ว่าจากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไปค้นโรงไม้ก็ไม่พบทหารคนดังกล่าว แต่กลับมีข่าวว่าพบอาวุธสงครามมากมาย ซึ่งไม่เป็นอย่างนั้น จนถึงเวลานี้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ถามอะไรตน แต่เชื่อว่าจะหลุดวงโคจรนี้ไปได้
พล.อ.เชษฐา กล่าวยอมรับว่า จ.ส.อ.ปัญญา เคยมาเป็นทหารติดตามสมัยเป็น รมว.กลาโหม หลังจากนั้นก็ไปมาหาสู่มาตลอด ในฐานะผู้บังคับบัญชาและผู้มาช่วยงาน ในฐานะลูกน้อง แต่หลังจากเป็นข่าว ไม่ได้เจอกันอีกเลย ส่วนเขาจะไปทำอะไรที่ไหนอย่างไร ไม่เกี่ยวข้องกับตน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคงสืบสวนเอง แต่ถ้าตำรวจจะสงสัยอะไรก็จะมาสอบถามเอง
“ผมยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างผมกับคุณสนธิ ไม่มีอะไรบาดหมางกัน เคยกินก๋วยเตี๋ยวด้วยกันบ่อยครั้ง เพราะความจริงก็คือความจริง ผมไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรในการลอบสังหารคุณสนธิ และผมก็หลุดจากตำแหน่งมานานแล้วไม่สามารถไปสั่งการอะไรได้ ถือว่าเป็นคนอยู่นอกราชการ และไม่จำเป็นต้องเปิดแถลงข่าวชี้แจงอะไร" พล.อ.เชษฐากล่าว
อรทัย"ป้อง"เชษฐา"ยันอยู่กทม.
ด้าน นางอรทัย ฐานะจาโร อดีต ส.ส.เขตสัมพันธวงศ์ กทม. กล่าวยืนยันว่าไม่รู้สึกวิตกกังวลภายหลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกค้นบริษัทไม้กฤษณาฟ้าสยาม จำกัด และโรงงานผลิตน้ำหอมฐานะจาโร เพียงแต่ไม่เข้าใจว่า เพราะเหตุใดถึงมีการนำเรื่องดังกล่าว โยงไปถึง พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร เนื่องจากเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องระดับประเทศ
"ได้คุยกับ พล.อ.เชษฐา แล้ว คุณพ่อไม่รู้สึกเครียดหรือวิตกกังวลอะไร เพียงแต่ว่า มันเป็นเรื่องที่พุ่งเป้ามาที่ท่าน ทั้งนี้ยืนยัน พล.อ.เชษฐา ยังอยู่ในกรุงเทพฯ และไม่ได้หลบหน้าสื่อมวลชน ไม่ใช่เรื่องพร้อมหรือไม่พร้อมที่จะให้สัมภาษณ์ หากแต่ออกมาแล้ว จะเล่าในมติอะไร เพราะโรงงานผู้รับผิดชอบคือ ตนเอง" นางอรทัย กล่าว
นางอรทัย กล่าวต่อว่าจ.ส.อ.ปัญญา เคยเป็นหนึ่งในทีมชุดเฉพาะกิจรักษาความปลอดภัย พล.อ.เชษฐา เมื่อสมัยเป็นรมว.กลาโหม แต่เมื่อ พล.อ.เชษฐา พ้นจากตำแหน่ง จ.ส.อ. ปัญญา ก็ไม่เคยติดต่อกับทั้งตนเองและพล.อ.เชษฐา อีก จนมารับทราบว่า จ.ส.อ.ปัญญา มาสมัครทำงานอยู่ที่โรงงานประมาณ 1 เดือน ก่อนหายตัวไปโดยไม่ทราบสาเหตุ และก็ไม่ได้สอบถาม เพราะจ.ส.อ.ปัญญา ไม่ได้ทำงานในตำแหน่งที่สำคัญอะไร
ส่วนการที่มีความพยายามผูกโยงมาถึง พล.อ.เชษฐา นั้น นางอรทัย คาดว่า เป็นเพราะ จ.ส.อ.ปัญญา มีครอบครัวอยู่ที่จ.ตราด แต่อย่างไรก็ตาม ตั้งข้อสังเกตุที่เกิดขึ้นว่า คดีดังกล่าวซึ่งถือเป็นคดีร้ายแรง หากจะมีการดำเนินการจะเป็นไปได้อย่างไรที่จะนำลูกน้องที่ใกล้ชิดมาดำเนินการ เพื่อให้สามารถโยงมาถึงได้อย่างง่ายดาย
"ธานี"ประชุมทีมสืบสวน
ส่วนความคืบหน้าทางด้านคดี วันเดียวกันที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร. เรียกประชุมพนักงานสืบสวนสอบสวนที่ลงพื้นที่ค้นหาพยานหลักฐานในคดีที่บริษัท กฤษณาฟ้าสยาม จำกัด เลขที่ 2/1 หมู่ที่ 10 ตำบลประณีต อ.เขาสมิง จ.ตราดประกอบด้วย พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รองผบช.ประจำสำนักงาน พล.ต.ต.เจตต์ มงคลหัตถี รองผบช.น.พ.ต.อ.วีระศักดิ์ มีนะวณิชย์ รองผบก.จต.เพื่อร่วมประชุมรายงานผลความคืบหน้าหลังจากการลงพื้นที่ รวมทั้ง พล.ต.ต.สุรพล พินิจชอบ ผบก.พฐ. ที่จะเข้ารายงานผลการตรวจลายนิ้วมือแฝงบนรถกระบะต้องสงสัยที่ใช้ก่อเหตุ หลังเปรียบเทียบกับฐานข้อมูลทะเบียนประวัติอาชญากร ว่าเข้าข่ายผู้ต้องสงสัยคนใดหรือไม่ ส่วน พล.ต.อ.ธานี ยังคงเก็บตัวเงียบในสำนักงานและปฏิเสธการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน โดยให้เหตุผลว่ายังไม่มีความคืบหน้าในคดี หากมีความคืบหน้าก็จะแจ้งให้ทราบ
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่า ส.ต.อ.วรวุฒิ มุ่งสันติ หนึ่งในผู้ต้องหา ได้ติดต่อกับ พล.ต.อ.ธานี เตรียมเข้ามอบตัวภายใน 1-2 วันนี้ แหล่งข่าวในสำนักงาน พล.ต.อ.ธานี ระบุว่า ส.ต.อ.วรวุฒิ ยังไม่มีการติดต่อขอมอบตัวแต่อย่างใด ส่วนกรณีที่พล.ต.ท.วุฒิ ลิปตพัลลภ ผบช.ปส. มีคำสั่งให้ ส.ต.อ.วรวุฒิ ออกจากราชการ นั้นเป็นเรื่องภายในของ บช.ปส. จึงยังไม่มีการรายงานมายัง
เก็บลายนิ้วมือรอตรวจ 2 ผู้ต้องหา
พล.ต.ต.สุรพล กล่าวภายหลังการเข้าพบ พล.ต.อ.ธานี ว่าจากผลการตรวจสอบลายนิ้วมือจำนวน 10 ลายนิ้วมือ ที่ตรวจพบบนรถต้องวีโก้ สีเปลือกมังคุด ทะเบียน บธ 1474 ซึ่งเป็นรถต้องสงสัยใช้ก่อเหตุเปรียบเทียบกับฐานข้อมูลทะเบียนประวัติอาชญากรที่มีจำนวน 5-6 ล้านคนยังไม่พบว่าตรงกับใคร แต่พบลายนิ้วมือของ น.ส.รัศมี เมฆชัย เจ้าของรถภายในรถด้วยนอกจากนั้นก็มีของบุคคลอื่น ส่วนลายนิ้วมือของ 2 ผู้ต้องหา คือ ส.ต.อ.วรวุฒิ มุ่งสันติ และจ.ส.อ.ปัญญา หรือ ห่อ ศรีเหรา ต้องรอลายนิ้วมือจริงจากพนักงานสืบสวนสอบสวนที่จะนำมาตรวจเปรียบเทียบว่าตรงกับลายมือที่พบบนรถต้องสงสัยหรือไม่ ซึ่งตอนนี้ทางพนักงานสอบสวนยังไม่ได้ส่งมาจึงยังตรวจเปรียบเทียบไม่ได้
พล.ต.ต.สุรพล กล่าวอีกว่า นอกจากนั้นยังมีการตรวจหาหลักฐานอื่นอีก อย่างการตรวจเขม่าดินปืนบนรถก็ได้ทำการตรวจสอบแล้วแต่ไม่พบเนื่องจากระยะเวลาเกิดเหตุนานแล้ว พร้อมได้เก็บหลักฐานเป็นตัวอย่างดีเอ็นเอ ที่พบบนรถไว้ เพื่อรอตรวจเปรียบเทียบยืนยันกับดีเอ็นเอของผู้ต้องหาว่าตรงกันหรือไม่ด้วยเช่นกัน
"ทวี"หนีตอบ"ส.ต.อ."ช่วยงานดีเอสไอ
พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะโฆษกดีเอสไอ กล่าวถึงกรณีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม สั่งการให้ดีเอสไอช่วยติดตามตัว ส.ต.อ.วรวุฒิ มุ่งสันติ ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล ว่า ส.ต.อ.วรวุฒิ เพียงแต่เคยมีความประสงค์จะโอนย้ายมาทำงานที่ดีเอสไอ แต่ท้ายที่สุดไม่ได้ย้ายมา จึงมีเฉพาะการทำงานร่วมกันในบางคดี เช่นคดีจับกุมแก๊งแบนดีโดส เป็นต้น กรณีที่ ส.ต.อ.วรวุฒิ ถูกออกหมายจับนั้น พนักงานสอบสวนดีเอสไอ ที่เคยรู้จักหรือปฏิบัติงานร่วมกับ ส.ต.อ.วรวุฒิ ก็พยายามที่จะติดตามตัวเพื่อขอให้มามอบตัว แต่ตั้งแต่ช่วงที่ ส.ต.อ.วรวุฒิ หายตัวไป ก็ยังไม่มีใครเคยพบหรือมีเบาะแส อย่างไรก็ตาม หากได้รับการประสานจากตำรวจให้ดีเอสไอช่วยติดตามตัว ดีเอสไอก็จะให้ความร่วมมือ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีดีเอสไอ ซึ่งเข้ามาถ่ายภาพร่วมกับของกลางที่ดีเอสไอ ยึดได้จากการจับกุมแก๊งไต้หวันตั้งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศไทย หลอกลวงผู้เสียหายชาวต่างชาติให้โอนเงินผ่านระบบเอทีเอ็ม ได้รีบเดินหนีผู้สื่อข่าวออกจากห้องแถลงข่าวในทันที เนื่องจากไม่ต้องการตอบข้อซักถามกรณี ส.ต.อ.วรวุฒิ โดยปล่อยให้โฆษกดีเอสไอทำหน้าที่ชี้แจงแทน
"วรวุฒิ"เปลี่ยนชื่อแฝงตัวดีเอสไอ
รายงานข่าวแจ้งว่า สาเหตุที่ ส.ต.อ.วรวุฒิ มุ่งสันติ ตำรวจสังกัดศูนย์ข่าว กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ขอตัวช่วยราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปลี่ยนชื่อนามสกุลจาก ส.ต.อ.วรวุฒิ เป็นนายอรรถพล ปาทาน เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากดีเอสไอได้ทำหนังสือลับส่งถึงอธิบดีกรมการปกครอง เพื่อขอให้จัดทำฐานข้อมูลทะเบียนบุคคลใหม่ โดยขอให้เปลี่ยน ชื่อนามสกุล และที่อยู่ ของ ส.ต.อ.วรวุฒิ ให้เป็นอีกบุคคลหนึ่ง
เนื่องจากต้องแฝงตัวเข้าไปสืบราชการในขบวนการค้ายาเสพติดภาคใต้ ซึ่งเป็นไปตามข้อบังคับกรมสอบสวนคดีพิเศษ ว่าด้วยการจัดทําเอกสาร หลักฐาน และการแฝงตัว พ.ศ. 2548 ซึ่งเป็นอำนาจอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และทุกขั้นตอนจะเป็นความลับทางราชการ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 27 ตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547
ทั้งนี้เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจที่ได้รับมอบหมายแล้ว อธิบดีดีเอสไอจะต้องแต่งตั้งนายทะเบียนที่ทําหน้าที่ในการเก็บทะเบียนข้อมูล เอกสาร หลักฐาน และการแฝงตัว เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบ และเสนออธิบดีเพื่อขออนุมัติทำลายข้อมูล ตามหมวด 4 เรื่องการควบคุม การเก็บรักษา และการทําลายเอกสารข้อมูลของข้อบังคับกรมสอบสวนคดีพิเศษ
วานนี้(17 ก.ค.)นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา เรียกร้องให้นายกฯ ตั้งกรรมการตรวจสอบหาตัวตำรวจที่เป็นไส้ศึกในคดีลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่า ตนกับพล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีคุยกันตลอดเวลา เพื่อให้คดีเดินหน้าได้ เมื่อเช้ายังคุยกันอีกรอบ ดังนั้นขณะนี้ตราบเท่าที่ พล.ต.อ.ธานี รับผิดชอบบอกกับตนว่าทำงานได้ เป็นปัญหาอะไรบอกให้ตนแก้ไขให้ ก็ไม่มีความจำเป็น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนนี้รูปคดีเริ่มเชื่อมโยงไปถึงคนระดับสูงมากขึ้นเรื่อยๆจะกดดันทำให้คดีไปไม่ถึงไหนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ ตนคุยกับ พล.ต.อ.ธานี ไม่รู้สึกกดดัน เมื่อถามว่านายกฯมั่นใจว่าจะสามารถปิดคดีได้โดยได้ตัวผู้บงการมาดำเนินคดี นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนมั่นใจเพราะ พล.ต.อ.ธานีมั่นใจ และถ้ามีปัญหาอะไรให้บอกมาที่ตนและตนจะดำเนินการแก้ไขให้
เมื่อถามอีกว่าถ้าไม่สามารถจับกุมผู้บงการได้ รัฐบาลจะเดินหน้าคดีต่อไปหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องดูตามพยานหลักฐานว่าเป็นอย่างไร สิ่งสำคัญขณะนี้ต้องพยายามจับกุมบุคคลที่ลงมือชุดที่ปฏิบัติการให้ได้เสียก่อน ถ้าจับไม่ได้ก็ขยายผลยาก เมื่อถามว่าแต่เบื้องต้นข้อมูลด้านอาวุธที่ใช้ก็ไม่มีออกมาเลย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าคนที่ทำงานคงไม่บอกข้อมูลกับสาธารณะทั้งหมด
“พัชรวาท”ปัดไม่ได้แทรกแซงคดี
พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)กล่าวภายหลังการเดินทางเข้าพบนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง โดยมีสีหน้าเคร่งเครียดว่า ตนมาพบนายสุเทพ เพื่อรายงานเหตุการณ์ความวุ่นวายที่กลุ่มคนเสื้อแดง ไปปิดล้อม สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ ที่ จ.เชียงใหม่ เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัว ดีเจ คลื่น 92.5 เมกกะเฮิทร์ เมื่อคืนวันที่ 16 ก.ค.
เมื่อถามว่าคิดอย่างไรกับคดีลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล ที่มุ่งเป้ามาว่า พล.ต.อ.พัชรวาท กลายเป็นอุปสรรคในการทำคดีดังกล่าว พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า ตรงนี้ขอไม่ตอบ ตนคิดว่าพนักงานสอบสวนเป็นคนทำ เมื่อถามว่าจะทำให้เกิดคำถามจากสังคมหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า ไม่มี ตนไม่เคยลงไปยุ่งเลย ถามอีกว่าที่ผ่านมาไม่เคยแทรกแซงคดีหรือไม่ พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่าไม่เคยสั่ง ไม่เคยเข้าไปยุ่งในคดีนี้เลย ตนได้มอบให้ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.ไปแล้ว ท่านก็ทำงานได้ดี
เมื่อถามอีกว่า พล.ต.อ.ธานี ออกมาให้ข่าวว่าชุดสอบสวนมีไส้ศึกและไม่ได้รับความร่วมมือในการติดตามในคดี เรื่องนี้ในฐานะผบ.ตร.จะลงไปตรวจสอบด้วยตัวเองว่าใครเป็นไส้ศึกหรือไม่ พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า ตนต้องรอรายงานจาก พล.ต.อ.ธานี ก่อนหากไม่รายงานตนก็จะไม่รู้ ถามว่ามีความเครียดกับคดีนี้หรือไม่ พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า “ไม่เครียดเลย”
"บิ๊กเหวียง"ลั่นไม่คิดฆ่า"สนธิ"
พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร อดีต รมว.กลาโหม เปิดเผยผ่านทางโทรศัพท์ ถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ บุกค้น บริษัท กฤษณาฟ้าสยาม จำกัด ที่ อ.เขาสมิง จ.ตราด เพื่อค้นหา จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีลอบยิง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ว่าจากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไปค้นโรงไม้ก็ไม่พบทหารคนดังกล่าว แต่กลับมีข่าวว่าพบอาวุธสงครามมากมาย ซึ่งไม่เป็นอย่างนั้น จนถึงเวลานี้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ถามอะไรตน แต่เชื่อว่าจะหลุดวงโคจรนี้ไปได้
พล.อ.เชษฐา กล่าวยอมรับว่า จ.ส.อ.ปัญญา เคยมาเป็นทหารติดตามสมัยเป็น รมว.กลาโหม หลังจากนั้นก็ไปมาหาสู่มาตลอด ในฐานะผู้บังคับบัญชาและผู้มาช่วยงาน ในฐานะลูกน้อง แต่หลังจากเป็นข่าว ไม่ได้เจอกันอีกเลย ส่วนเขาจะไปทำอะไรที่ไหนอย่างไร ไม่เกี่ยวข้องกับตน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคงสืบสวนเอง แต่ถ้าตำรวจจะสงสัยอะไรก็จะมาสอบถามเอง
“ผมยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างผมกับคุณสนธิ ไม่มีอะไรบาดหมางกัน เคยกินก๋วยเตี๋ยวด้วยกันบ่อยครั้ง เพราะความจริงก็คือความจริง ผมไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรในการลอบสังหารคุณสนธิ และผมก็หลุดจากตำแหน่งมานานแล้วไม่สามารถไปสั่งการอะไรได้ ถือว่าเป็นคนอยู่นอกราชการ และไม่จำเป็นต้องเปิดแถลงข่าวชี้แจงอะไร" พล.อ.เชษฐากล่าว
อรทัย"ป้อง"เชษฐา"ยันอยู่กทม.
ด้าน นางอรทัย ฐานะจาโร อดีต ส.ส.เขตสัมพันธวงศ์ กทม. กล่าวยืนยันว่าไม่รู้สึกวิตกกังวลภายหลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกค้นบริษัทไม้กฤษณาฟ้าสยาม จำกัด และโรงงานผลิตน้ำหอมฐานะจาโร เพียงแต่ไม่เข้าใจว่า เพราะเหตุใดถึงมีการนำเรื่องดังกล่าว โยงไปถึง พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร เนื่องจากเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องระดับประเทศ
"ได้คุยกับ พล.อ.เชษฐา แล้ว คุณพ่อไม่รู้สึกเครียดหรือวิตกกังวลอะไร เพียงแต่ว่า มันเป็นเรื่องที่พุ่งเป้ามาที่ท่าน ทั้งนี้ยืนยัน พล.อ.เชษฐา ยังอยู่ในกรุงเทพฯ และไม่ได้หลบหน้าสื่อมวลชน ไม่ใช่เรื่องพร้อมหรือไม่พร้อมที่จะให้สัมภาษณ์ หากแต่ออกมาแล้ว จะเล่าในมติอะไร เพราะโรงงานผู้รับผิดชอบคือ ตนเอง" นางอรทัย กล่าว
นางอรทัย กล่าวต่อว่าจ.ส.อ.ปัญญา เคยเป็นหนึ่งในทีมชุดเฉพาะกิจรักษาความปลอดภัย พล.อ.เชษฐา เมื่อสมัยเป็นรมว.กลาโหม แต่เมื่อ พล.อ.เชษฐา พ้นจากตำแหน่ง จ.ส.อ. ปัญญา ก็ไม่เคยติดต่อกับทั้งตนเองและพล.อ.เชษฐา อีก จนมารับทราบว่า จ.ส.อ.ปัญญา มาสมัครทำงานอยู่ที่โรงงานประมาณ 1 เดือน ก่อนหายตัวไปโดยไม่ทราบสาเหตุ และก็ไม่ได้สอบถาม เพราะจ.ส.อ.ปัญญา ไม่ได้ทำงานในตำแหน่งที่สำคัญอะไร
ส่วนการที่มีความพยายามผูกโยงมาถึง พล.อ.เชษฐา นั้น นางอรทัย คาดว่า เป็นเพราะ จ.ส.อ.ปัญญา มีครอบครัวอยู่ที่จ.ตราด แต่อย่างไรก็ตาม ตั้งข้อสังเกตุที่เกิดขึ้นว่า คดีดังกล่าวซึ่งถือเป็นคดีร้ายแรง หากจะมีการดำเนินการจะเป็นไปได้อย่างไรที่จะนำลูกน้องที่ใกล้ชิดมาดำเนินการ เพื่อให้สามารถโยงมาถึงได้อย่างง่ายดาย
"ธานี"ประชุมทีมสืบสวน
ส่วนความคืบหน้าทางด้านคดี วันเดียวกันที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร. เรียกประชุมพนักงานสืบสวนสอบสวนที่ลงพื้นที่ค้นหาพยานหลักฐานในคดีที่บริษัท กฤษณาฟ้าสยาม จำกัด เลขที่ 2/1 หมู่ที่ 10 ตำบลประณีต อ.เขาสมิง จ.ตราดประกอบด้วย พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รองผบช.ประจำสำนักงาน พล.ต.ต.เจตต์ มงคลหัตถี รองผบช.น.พ.ต.อ.วีระศักดิ์ มีนะวณิชย์ รองผบก.จต.เพื่อร่วมประชุมรายงานผลความคืบหน้าหลังจากการลงพื้นที่ รวมทั้ง พล.ต.ต.สุรพล พินิจชอบ ผบก.พฐ. ที่จะเข้ารายงานผลการตรวจลายนิ้วมือแฝงบนรถกระบะต้องสงสัยที่ใช้ก่อเหตุ หลังเปรียบเทียบกับฐานข้อมูลทะเบียนประวัติอาชญากร ว่าเข้าข่ายผู้ต้องสงสัยคนใดหรือไม่ ส่วน พล.ต.อ.ธานี ยังคงเก็บตัวเงียบในสำนักงานและปฏิเสธการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน โดยให้เหตุผลว่ายังไม่มีความคืบหน้าในคดี หากมีความคืบหน้าก็จะแจ้งให้ทราบ
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่า ส.ต.อ.วรวุฒิ มุ่งสันติ หนึ่งในผู้ต้องหา ได้ติดต่อกับ พล.ต.อ.ธานี เตรียมเข้ามอบตัวภายใน 1-2 วันนี้ แหล่งข่าวในสำนักงาน พล.ต.อ.ธานี ระบุว่า ส.ต.อ.วรวุฒิ ยังไม่มีการติดต่อขอมอบตัวแต่อย่างใด ส่วนกรณีที่พล.ต.ท.วุฒิ ลิปตพัลลภ ผบช.ปส. มีคำสั่งให้ ส.ต.อ.วรวุฒิ ออกจากราชการ นั้นเป็นเรื่องภายในของ บช.ปส. จึงยังไม่มีการรายงานมายัง
เก็บลายนิ้วมือรอตรวจ 2 ผู้ต้องหา
พล.ต.ต.สุรพล กล่าวภายหลังการเข้าพบ พล.ต.อ.ธานี ว่าจากผลการตรวจสอบลายนิ้วมือจำนวน 10 ลายนิ้วมือ ที่ตรวจพบบนรถต้องวีโก้ สีเปลือกมังคุด ทะเบียน บธ 1474 ซึ่งเป็นรถต้องสงสัยใช้ก่อเหตุเปรียบเทียบกับฐานข้อมูลทะเบียนประวัติอาชญากรที่มีจำนวน 5-6 ล้านคนยังไม่พบว่าตรงกับใคร แต่พบลายนิ้วมือของ น.ส.รัศมี เมฆชัย เจ้าของรถภายในรถด้วยนอกจากนั้นก็มีของบุคคลอื่น ส่วนลายนิ้วมือของ 2 ผู้ต้องหา คือ ส.ต.อ.วรวุฒิ มุ่งสันติ และจ.ส.อ.ปัญญา หรือ ห่อ ศรีเหรา ต้องรอลายนิ้วมือจริงจากพนักงานสืบสวนสอบสวนที่จะนำมาตรวจเปรียบเทียบว่าตรงกับลายมือที่พบบนรถต้องสงสัยหรือไม่ ซึ่งตอนนี้ทางพนักงานสอบสวนยังไม่ได้ส่งมาจึงยังตรวจเปรียบเทียบไม่ได้
พล.ต.ต.สุรพล กล่าวอีกว่า นอกจากนั้นยังมีการตรวจหาหลักฐานอื่นอีก อย่างการตรวจเขม่าดินปืนบนรถก็ได้ทำการตรวจสอบแล้วแต่ไม่พบเนื่องจากระยะเวลาเกิดเหตุนานแล้ว พร้อมได้เก็บหลักฐานเป็นตัวอย่างดีเอ็นเอ ที่พบบนรถไว้ เพื่อรอตรวจเปรียบเทียบยืนยันกับดีเอ็นเอของผู้ต้องหาว่าตรงกันหรือไม่ด้วยเช่นกัน
"ทวี"หนีตอบ"ส.ต.อ."ช่วยงานดีเอสไอ
พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะโฆษกดีเอสไอ กล่าวถึงกรณีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม สั่งการให้ดีเอสไอช่วยติดตามตัว ส.ต.อ.วรวุฒิ มุ่งสันติ ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล ว่า ส.ต.อ.วรวุฒิ เพียงแต่เคยมีความประสงค์จะโอนย้ายมาทำงานที่ดีเอสไอ แต่ท้ายที่สุดไม่ได้ย้ายมา จึงมีเฉพาะการทำงานร่วมกันในบางคดี เช่นคดีจับกุมแก๊งแบนดีโดส เป็นต้น กรณีที่ ส.ต.อ.วรวุฒิ ถูกออกหมายจับนั้น พนักงานสอบสวนดีเอสไอ ที่เคยรู้จักหรือปฏิบัติงานร่วมกับ ส.ต.อ.วรวุฒิ ก็พยายามที่จะติดตามตัวเพื่อขอให้มามอบตัว แต่ตั้งแต่ช่วงที่ ส.ต.อ.วรวุฒิ หายตัวไป ก็ยังไม่มีใครเคยพบหรือมีเบาะแส อย่างไรก็ตาม หากได้รับการประสานจากตำรวจให้ดีเอสไอช่วยติดตามตัว ดีเอสไอก็จะให้ความร่วมมือ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีดีเอสไอ ซึ่งเข้ามาถ่ายภาพร่วมกับของกลางที่ดีเอสไอ ยึดได้จากการจับกุมแก๊งไต้หวันตั้งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศไทย หลอกลวงผู้เสียหายชาวต่างชาติให้โอนเงินผ่านระบบเอทีเอ็ม ได้รีบเดินหนีผู้สื่อข่าวออกจากห้องแถลงข่าวในทันที เนื่องจากไม่ต้องการตอบข้อซักถามกรณี ส.ต.อ.วรวุฒิ โดยปล่อยให้โฆษกดีเอสไอทำหน้าที่ชี้แจงแทน
"วรวุฒิ"เปลี่ยนชื่อแฝงตัวดีเอสไอ
รายงานข่าวแจ้งว่า สาเหตุที่ ส.ต.อ.วรวุฒิ มุ่งสันติ ตำรวจสังกัดศูนย์ข่าว กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ขอตัวช่วยราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปลี่ยนชื่อนามสกุลจาก ส.ต.อ.วรวุฒิ เป็นนายอรรถพล ปาทาน เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากดีเอสไอได้ทำหนังสือลับส่งถึงอธิบดีกรมการปกครอง เพื่อขอให้จัดทำฐานข้อมูลทะเบียนบุคคลใหม่ โดยขอให้เปลี่ยน ชื่อนามสกุล และที่อยู่ ของ ส.ต.อ.วรวุฒิ ให้เป็นอีกบุคคลหนึ่ง
เนื่องจากต้องแฝงตัวเข้าไปสืบราชการในขบวนการค้ายาเสพติดภาคใต้ ซึ่งเป็นไปตามข้อบังคับกรมสอบสวนคดีพิเศษ ว่าด้วยการจัดทําเอกสาร หลักฐาน และการแฝงตัว พ.ศ. 2548 ซึ่งเป็นอำนาจอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และทุกขั้นตอนจะเป็นความลับทางราชการ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 27 ตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547
ทั้งนี้เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจที่ได้รับมอบหมายแล้ว อธิบดีดีเอสไอจะต้องแต่งตั้งนายทะเบียนที่ทําหน้าที่ในการเก็บทะเบียนข้อมูล เอกสาร หลักฐาน และการแฝงตัว เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบ และเสนออธิบดีเพื่อขออนุมัติทำลายข้อมูล ตามหมวด 4 เรื่องการควบคุม การเก็บรักษา และการทําลายเอกสารข้อมูลของข้อบังคับกรมสอบสวนคดีพิเศษ