xs
xsm
sm
md
lg

เร่งล่า2มือยิงหวั่นถูกตัดตอน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“ธานี”สั่งล่าตัว“ส.ต.อ.วรวุฒิ-จ.ส.อ.ปัญญา” 2 ผู้ต้องหาพยายามฆ่า “สนธิ”เชื่อน่าจะยังอยู่ในไทย รับห่วงถูกฆ่าตัดตอน แฉมีตำรวจบางนายทำตัวเป็นไส้ศึก“มาร์ค”ยันไม่จับแพะส่งสัญญาณ “ผบ.ตร.” เป็นอุปสรรคให้แจ้ง มั่นใจมีภูมิคุ้มกันทางการเมือง"เทพเทือก" ชื่นชม "ธานี"แต่ป้องสถาบัน"ตำรวจ-ทหาร"อาจไม่มีส่วนรู้เห็น"สุริยะใส"เรียกร้องนายกฯอย่าโดดเดี่ยวทีมสอบ ติง"ประวิตร"อย่าชี้นำรูปคดี

วานนี้(15 ก.ค.)ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.กล่าวถึงกรณีการออกหมายจับ ส.ต.อ.วรวุฒิ มุ่งสันติ จนท.ศูนย์ข่าว บช.ปส. และจ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา ทหารศูนย์สังกัดสงครามพิเศษ จ.ลพบุรี 2 ผู้ต้องหาคดีลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการว่า มีการออกหมายจับผู้ต้องหา 2 คนจริงตามเป็นข่าว และขณะนี้กำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับเพิ่มต่อไป โดยผู้ต้องหาทั้ง 2 คนที่ออกหมายจับไปนั้นได้แจ้งข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และข้อหามีและพกพาอาวุธปืนในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมทั้งประสานไปยัง พล.ต.ท.วุฒิ ลิปตพัลลภ ผบช.ปส.เพื่อติดตามตัว ส.ต.อ.วรวุฒิ ที่ถูกออกหมายจับแล้วแต่ขณะนี้ยังไม่พบตัว ส.ต.อ.วรวุฒิ ส่วน จ.ส.อ.ปัญญา อยู่ระหว่างการประสานกับทางกองทัพเพื่อติดตามตัวเช่นกัน รวมทั้งให้ฝ่ายสืบสวนคอยติดตามตัวบุคคลทั้งสองด้วย ซึ่งเชื่อว่าน่าจะยังอยู่ในประเทศ ส่วนการออกหมายจับเพิ่มก็น่าจะมีอีกหลายคนเป็นสิบคน ต้องรอการจับกุม 2 คนนี้ก่อน

ผู้สื่อข่าวถามว่า เกรงว่าจะมีการฆ่าตัดตอนผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับหรือไม่ พล.ต.อ.ธานี กล่าวว่า หลายฝ่ายก็เป็นห่วงกันไป ส่วน น.ส.รัศมี เมฆชัย ที่มีชื่อเป็นผู้ครอบครองรถกระบะโตโยต้าวีโก้ สีเปลือกมังคุด ทะเบียน บธ 1474 ลพบุรี ที่เป็นรถต้องสงสัยที่ใช้ในการก่อเหตุนั้น จากการสอบสวนพบว่าไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี เนื่องจากอาจมีคนอื่นนำรถไปใช้ก่อเหตุ ส่วนรถกระบะมาสด้า ซึ่งเป็นรถอีกคันที่คนร้ายใช้ขับประกบรถของนายสนธิมาจากบ้านพัก ตรวจสอบพบว่าในประเทศไทยมีจำนวน 800 กว่าคัน ตรวจสอบแล้วพบเข้าข่ายเพียง 5 คัน อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ ส่วนหลักฐานอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุนั้นยังไม่พบเลย แต่ก็ไม่มีผลต่อการดำเนินคดี เนื่องจากมีพยานแวดล้อมและหลักฐานอื่นอีก

เมื่อถามว่ามีการายงานความคืบหน้าคดีให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ทราบแล้วหรือไม่ พล.ต.อ.ธานี กล่าวว่า ตนยังไม่ได้รายงานแต่คงมีคนอื่นไปรายงานให้ทราบแล้ว พล.ต.อ.ธานี ยังกล่าวเปิดใจถึงปัญหาการทำงานในคดีนี้อีกว่า ที่ผ่านมาการทำคดีไม่มีความคืบหน้า เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจบางนายไม่มีจิตวิญญาณของการทำหน้าที่ตำรวจ บางนายทำตัวเป็นไส้ศึกทำให้ข้อมูลบางอย่างรั่วไหล บางนายถูกข่มขู่ คนทำงานจึงเหลือน้อย ทำให้ตนซึ่งที่จริงแล้วมีหน้าที่เพียงการกำกับดูแลในคดี เนื่องจากสำนวนคดีเป็นของตำรวจนครบาลต้องลงมารับผิดชอบดูแลด้วยเองเพื่อให้คดีคืบหน้า แทน รอง ผบช.น.ที่เป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวนในคดีนี้แทน สำหรับตนนั้นการทำคดีนี้ไม่มีความกดดัน ไม่มีใครมาข่มขู่ ต้องรู้จักวางตัวและรู้หน้าที่

สำหรับการออกหมายจับ 2 ผู้ต้องหา นั้น เป็นหมายจับของศาลอาญา เลขที่ 2039/2552 ลงวันที่ 13 กรกฎาคม 2552 ผู้ต้องหา คือ จ.ส.อ.ปัญญา หรือห่อ ศรีเหรา อยู่บ้านเลขที่ 255/70 ม.1 ต.เขาสามยอด อ.เมือง จ.ลพบุรี และหมายจับเลขที่ 2040/2552 ลงวันที่ 13 กรกฎาคม 2552 ผู้ต้องหาคือ ส.ต.อ.วรวุฒิ มุ่งสันติ หรือนายอรรถพล ปาทาน อยู่บ้านเลขที่ 59/479 ม.6 ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี โดยมี พ.ต.อ.วิชาญญ์วัชร์ บริรักษ์กุล พนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล เป็นผู้ไปขอหมายจับ

สำหรับข้อหาที่ผู้ต้องหาทั้งสองถูกแจ้งข้อกล่าวหา คือ ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, มีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน และวัตถุระเบิด ซึ่งทางราชการไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย, พาอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนและวัตถุระเบิดไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเปิดเผยและไม่มีเหตุจำเป็นและเร่งด่วยตามสมควรแห่งพฤติการณ์, ยิงปืนโดยใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมืองหรือที่ชุมนุมชน, และสมคบกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปกระทำการเป็นซ่องโจรเพื่อกระทำผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

“มาร์ค”ยันคดีไม่จับแพะ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลัง พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ เข้ารายงานความคืบหน้าคดีให้ทราบว่า อย่างที่ทราบมีการออกหมายจับและตนได้สอบถามไปว่า มีปัญหาอุปสรรคอะไรหรือไม่ที่จะทำให้ไม่สามารถดำเนินการต่อได้ ก็ยืนยันกับตนว่า ขณะนี้มั่นใจในการทำงานของคณะทำงานเรื่องนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.ต.อ.ธานี ห่วงจะมีการตัดตอนจนไม่สามารถสาวถึงตัวผู้บงการได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า พล.ต.อ. ธานี บอกตนว่า มีข้อมูลอยู่พอสมควร และเดินหน้าต่อ ไม่คิดว่ามีปัญหา เมื่อถามว่า ล่าสุด พล.ต.อ. ธานี เปิดเผยว่า มีตำรวจเป็นไส้ศึกคอยแจ้งข้อมูลให้กับผู้ก่อเหตุจนหลบหนีได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จะยากตรงเรื่องการจับกุม แต่ในแง่ของข้อมูลต่างๆ พล.ต.อ. ธานี ยืนยันว่า มีค่อนข้างพร้อมแต่ต้องการทำให้เรื่องของพยานหลักฐานมีความชัดเจน แน่นหนาขึ้น ซึ่ง พล.ต.อ.ธานี บอกและตนก็เห็นด้วย ว่าการทำคดีต่างๆ ไม่ได้หมายความว่า กวาดไปก่อน แต่ต้องการมีความหนักแน่นในเรื่องหลักฐานพยานและเดินหน้า เป็นแนวทางที่ตนสนับสนุน

มาร์คไฟเขียว“ผบ.ตร.”ขวางให้แจ้ง

เมื่อถามว่า มีการวิจารณ์ว่า คนที่เป็นอุปสรรคและทำให้เกิดไส้ศึก คือตัว ผบ.ตร. ตรงนี้นายกฯได้รับรายงานในลักษณะไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้า ผบ.ตร.เป็นอุปสรรคหรือ เจ้าหน้าที่ของรัฐคนใดเป็นอุปสรรค ตนได้บอกกับคนที่ทำงานไปแล้วว่า สามารถบอกมาได้ เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะดำเนินการ เมื่อถามว่า มีการแจ้งมาหรือไม่ในคดีนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ พล.ต.อ. ธานี ยืนยันว่า ทำงานได้

เมื่อถามว่า ก่อนที่ พล.ต.อ.ธานี เกษียณราชการคดีปิดได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนถามเหมือนกันท่านยังมั่นใจอยู่ เมื่อถามอีกว่า มีรายงานหรือไม่ว่าในคดีนี้จะออกหมายจับเพิ่มมากกว่า 10 คน หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ได้ระบุจำนวน แต่บอกว่า น่าจะสามารถทำได้เพิ่มเติม

“ผมถือคติว่า การทำตรงไปตรงมา เป็นภูมิคุ้มกันทางการเมืองที่ดีที่สุด ถ้าผมทำไม่ตรงไปตรงมา นั่นจะเป็นปัญหาทางการเมืองกับผม”นายอภิสิทธิ์ กล่าวตอบคำถามที่ว่านายสนธิ เคยตั้งข้อสังเกตว่า การดำเนินคดีนี้สะท้อนถึงเสถียรภาพของรัฐบาลในอนาคต

เมื่อถามว่า ที่มีการมองว่ารัฐบาล 2 มาตรฐาน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่จริง ต่อข้อถามว่า นายกฯจะให้ความมั่นใจกับสังคมได้หรือไม่ ว่าจะโยงใยไปถึงบุคคลระดับไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อยู่ที่ข้อเท็จจริง พยานหลักฐาน เมื่อถามว่า เบื้องต้นมีการระบุถึงบุคคลระดับสูงของวงการทหาร ตำรวจ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขออนุญาตไม่พูดรายละเอียด เป็นหน้าที่พนักงานสอบสวน เมื่อถามว่า มั่นใจพนักงานสอบสวนแค่ไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่ทำมาถึงขั้นนี้คิดว่า น่าจะยืนยันได้ ว่าเขาทำจริง เพราะก่อนหน้านี้มีการตั้งข้อสังเกต ทั้ง 2 คดี ทั้งคดีของนายสนธิ และคดีมัสยิด มีความกังวลและกลัวกันมากว่าไม่เดินหน้า เอาตัวจริงมา แต่ตนดูความคืบหน้าทั้ง 2 คดีนี้น่าจะยืนยันได้ว่าเราทำจริง เมื่อถามว่า ที่สุดแล้วจะไม่เป็นการจับแพะ หรือเป็นมวยล้มใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวปฏิเสธว่า ไม่ เมื่อถามว่า ในส่วนของข้าราชการทหารได้มีการคุยกับกองทัพหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไปตามระบบ

"สุเทพ"ร่วมชื่นชม"ธานี"

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง กล่าวว่ายังไม่ทราบความคืบหน้าของคดีลอบสังหาร นายสนธิ ว่าต้องไปถาม พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.ที่รับผิดชอบคดีนี้ ซึ่งก็มีความคืบหน้ามาตลอด ก็ต้องชื่นชมการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำงานด้วยความมานะพยายาม ถือเป็นคดีที่ทำด้วยความยากลำบากคดีหนึ่ง และมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์   

ผู้สื่อข่าวถามว่าคดีนี้มีทั้งตำรวจและทหารเข้ามาเกี่ยวข้อง จะสามารถโยงไปถึง คนที่อยู่เบื้องหลังได้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า คนที่ทำความผิดเป็นใครก็ได้ ไม่สมควรที่พวกเราหรือใครจะตั้งข้อสงสัยที่โยงไปถึงสถาบันของเขา ตำรวจทำผิดกฎหมายอยู่เป็นประจำแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าตำรวจทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะมีส่วนรู้เห็นหรือร่วมทำผิดได้ ทหารก็ทำความผิดได้ เป็นรายบุคคล ก็ไม่ได้หมายความว่ากองทัพทั้งกองทัพต้องร่วมรับผิดชอบด้วย  ก็เหมือนกับที่ ส.ส.หรือนักการเมืองทำความผิดก็เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล จึงอยากให้สื่อมองภาพเป็นจริง อย่าใช้จินตนาการที่จะทำให้เกิดความสับสนในบ้านเมือง

พธม.จี้รัฐบาลหนุน"ธานี"ขจัดไส้ศึก

นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ (ก.ม.ม.) และผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) กล่าวว่า การออกหมายจับนายทหารและตำรวจในราชการของชุดสืบสวนสอบสวนที่มี พล.ต.อ.ธานี เป็นหัวหน้าทีมนั้น เชื่อว่าเป็นการสืบสวนสอบสวนที่เดินมาถูกทางแล้ว เพราะ นายสนธิ ลิ้มทองกุลและแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ก็มีสมมติฐานและตั้งข้อสังเกตไว้ก่อนหน้านี้ว่าเป็นปฏิบัติการณ์ของคนมีสี

นายสุริยะใส กล่าวว่าปัญหาใหญ่ที่น่าเป็นห่วงในขณะนี้ ก็คือรัฐบาลจะสนับสนุนและให้ความร่วมมือกับชุดสอบสวนได้อย่างไรว่าเรื่องนี้จะไม่ใช่มวยล้มต้มคนดู  โดยเฉพาะการเปิดโปงของ พล.ต.อ.ธานี ที่ระบุอย่างตรงไปตรงมาว่ามีไส้ศึก และมีขบวนการของผู้มีอำนาจบางกลุ่มพยายามขัดขวางและข่มขู่ชุดสอบสวนตลอดเวลา และท่าทีของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม รวมทั้งนายกรัฐมนตรี ที่ออกมาบอกว่าจะไม่เป็นมวยล้มนั้น ต้องดูที่พฤติกรรมด้วยว่าให้ความร่วมมือกับทีมสอบสวนมากน้อยแค่ไหน เพราะยังไม่ทันไรก็มีหนอนบ่อนไส้ปล่อยข่าว เรื่องหมายจับเพื่อให้ผู้ต้องหาหลบหนีเสียแล้ว

การออกมาพูดทำนองว่าเรื่องนี้เป็นส่วนบุคคลอย่าโยงนายทหารระดับสูงนั้น เท่ากับเป็นการพูดตัดบทและส่งสัญญาณปรามไปยังทีมสอบสวนได้โดยตรงเช่นกัน อาจจะกดดันทางอ้อมให้ทีมสอบสวนทำงานลำบากที่จะสาวถึงตัวผู้บงการ ซึ่งเรื่องนี้ผู้บังคับบัญชาทั้งส่วนตำรวจและทหารต้องพิจารณาข้อเท็จจริงของพยานหลักฐาน และดูกันยาวๆ ไม่ใช่ชิงตัดบทเพราะเท่ากับเป็นการชี้นำรูปคดีชี้จะเป็นบทพิสูจน์นิติธรรมที่มาร์คชอบพูด
กำลังโหลดความคิดเห็น