ASTVผู้จัดการรายวัน-รัฐบาลยืดอายุ 5 มาตรการลดค่าใช้จ่ายของประชาชน ทั้ง ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ารถเมล์ รถไฟชั้น3 และตรึงราคาก๊าซหุงต้มไปจนถึงสิ้นปี โดยใช้งบ 1.1หมื่นล้านบาท พร้อมสั่ง"กรณ์"ไปศึกษาเรื่องยกเว้นภาษีเงินฝากบัญชีออมทรัพย์ ที่มีเงินฝากไม่เกิน 1 แสนบาทมาเสนอครม.ด้วย
นายวัชระ กรรณิการณ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวานนี้ว่า กระทรวงการคลังได้เสนอของขยายระยะเวลาการดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน 4 มาตรการ คือ 1. มาตรการลดค่าใช้จ่ายค่าน้ำประปาของครัวเรือน 2. มาตรการลดค่าใช้จ่ายไฟฟ้าของครัวเรือน 3. มาตรการลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางรถโดยสารประจำทาง 4.มาตรการลดค่าใช้จ่ายการเดินทางโดยรถไฟชั้นสาม ซึ่งทั้ง 4 มาตรการ ต้องใช้งบประมาณ 11,117 ล้านบาท
ส่วนกระทรวงพลังงาน เสนอขยายระยะเวลามาตรการการตรึงราคาก๊าซหุงต้มโดยทั้ง 5 มาตรการ ยืดอายุออกไปถึงวันที่ 31 ธ.ค.52
นอกจากนี้ครม.อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้จัดสรรเงินเพื่อชดเชยงกับบางรัฐวิสาหกิจ จากมาตรการ 6 มาตรการ 6 เดือน ที่เงินไม่พอใจอีก 452 ล้านบาท
นายวัชระ กล่าวด้วยว่า นายกรณ์ จาติกวณิชย์ รมว.คลัง กล่าวในที่ประชุม ครม. ถึงกรณีลดภาษีน้ำมันดีเซล ที่ปรับเข้ากองทุนเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน โดยมีการระบุประเภทน้ำมันดีเซลว่า มีทั้งประเภท B2 ที่เรียกเก็บเงินเข้ากองทุน 75 สตางค์ต่อลิตร และ B5 เก็บเข้ากองทุน 25 สตางค์ต่อลิตร
"ซึ่งมีการนำเสนอแนวคิดว่า จะลดในส่วนของภาษีน้ำมันดีเซล B2 จาก 75 สตางค์ ลดลงไปอีก 50 สตางค์ แต่นี่คือแนวคิดที่ยังจะมีการพิจารณาในรายละเอียดอีกครั้ง" นายวัชระกล่าว
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังเสนอมาตรการงดเว้นภาษีสำหรับประชาชนที่มีบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ในธนาคารต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งมีการรวบรวมตัวเลขไว้ประมาณ 7 ล้านบัญชี มีวงเงิน 3.3 ล้านล้านบาท ซึ่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และครม.มีการให้พิจารณาในรายละเอียดว่า การลดภาษีในส่วนของบัญชีออมทรัพย์ดังกล่าว จะให้ตั้งกรอบจำนวนเงินเท่าใด ซึ่งรมว.คลัง เสนอว่าให้เฉพาะสำหรับบัญชีที่มีเงินฝากไม่เกิน 1 แสนบาท ซึ่งคิดเป็น 90% ของบัญชีทั้งหมดที่มี 7 ล้านบัญชี
"นายกฯ มีคำสั่งให้นายกรณ์ไปศึกษาในแง่ของรายละเอียดทั้งหลายให้เสร็จ และนำมาเสนอครม.อีกครั้งหนึ่ง" นายวัชระกล่าว
ด้านนายสุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีต รมว.คลัง กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลขยายเวลานโยบาย 5 มาตรการลดค่าครองชีพของประชาชน ออดไปอีก 5 เดือน ซึ่งเดิมจะสิ้นสุดในเดือนก.ค.นี้ ว่า ขอสนับสนุนเรื่องนี้ เพราะถือเป็นมาตราการที่จะช่วยเหลือประชาชนโดยตรง และถึงมือทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะช่วงนี้ถือเป็นช่วงที่ประชาชนยากลำบาก ตกงาน เมื่อรัฐบาลไม่สามารถเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนได้ การลดรายจ่าย จึงถือเป็นการแก้ไขปัญหาที่ดีอย่างหนึ่ง
นายวัชระ กรรณิการณ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวานนี้ว่า กระทรวงการคลังได้เสนอของขยายระยะเวลาการดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน 4 มาตรการ คือ 1. มาตรการลดค่าใช้จ่ายค่าน้ำประปาของครัวเรือน 2. มาตรการลดค่าใช้จ่ายไฟฟ้าของครัวเรือน 3. มาตรการลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางรถโดยสารประจำทาง 4.มาตรการลดค่าใช้จ่ายการเดินทางโดยรถไฟชั้นสาม ซึ่งทั้ง 4 มาตรการ ต้องใช้งบประมาณ 11,117 ล้านบาท
ส่วนกระทรวงพลังงาน เสนอขยายระยะเวลามาตรการการตรึงราคาก๊าซหุงต้มโดยทั้ง 5 มาตรการ ยืดอายุออกไปถึงวันที่ 31 ธ.ค.52
นอกจากนี้ครม.อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้จัดสรรเงินเพื่อชดเชยงกับบางรัฐวิสาหกิจ จากมาตรการ 6 มาตรการ 6 เดือน ที่เงินไม่พอใจอีก 452 ล้านบาท
นายวัชระ กล่าวด้วยว่า นายกรณ์ จาติกวณิชย์ รมว.คลัง กล่าวในที่ประชุม ครม. ถึงกรณีลดภาษีน้ำมันดีเซล ที่ปรับเข้ากองทุนเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน โดยมีการระบุประเภทน้ำมันดีเซลว่า มีทั้งประเภท B2 ที่เรียกเก็บเงินเข้ากองทุน 75 สตางค์ต่อลิตร และ B5 เก็บเข้ากองทุน 25 สตางค์ต่อลิตร
"ซึ่งมีการนำเสนอแนวคิดว่า จะลดในส่วนของภาษีน้ำมันดีเซล B2 จาก 75 สตางค์ ลดลงไปอีก 50 สตางค์ แต่นี่คือแนวคิดที่ยังจะมีการพิจารณาในรายละเอียดอีกครั้ง" นายวัชระกล่าว
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังเสนอมาตรการงดเว้นภาษีสำหรับประชาชนที่มีบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ในธนาคารต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งมีการรวบรวมตัวเลขไว้ประมาณ 7 ล้านบัญชี มีวงเงิน 3.3 ล้านล้านบาท ซึ่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และครม.มีการให้พิจารณาในรายละเอียดว่า การลดภาษีในส่วนของบัญชีออมทรัพย์ดังกล่าว จะให้ตั้งกรอบจำนวนเงินเท่าใด ซึ่งรมว.คลัง เสนอว่าให้เฉพาะสำหรับบัญชีที่มีเงินฝากไม่เกิน 1 แสนบาท ซึ่งคิดเป็น 90% ของบัญชีทั้งหมดที่มี 7 ล้านบัญชี
"นายกฯ มีคำสั่งให้นายกรณ์ไปศึกษาในแง่ของรายละเอียดทั้งหลายให้เสร็จ และนำมาเสนอครม.อีกครั้งหนึ่ง" นายวัชระกล่าว
ด้านนายสุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีต รมว.คลัง กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลขยายเวลานโยบาย 5 มาตรการลดค่าครองชีพของประชาชน ออดไปอีก 5 เดือน ซึ่งเดิมจะสิ้นสุดในเดือนก.ค.นี้ ว่า ขอสนับสนุนเรื่องนี้ เพราะถือเป็นมาตราการที่จะช่วยเหลือประชาชนโดยตรง และถึงมือทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะช่วงนี้ถือเป็นช่วงที่ประชาชนยากลำบาก ตกงาน เมื่อรัฐบาลไม่สามารถเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนได้ การลดรายจ่าย จึงถือเป็นการแก้ไขปัญหาที่ดีอย่างหนึ่ง
