คนอร์คัพโจ๊ก ลุยสร้างพฤติกรรมการกินอาหารมื้อเช้า ส่งโจ๊กสำเร็จรูปผักหลากสี 4 รสชาติ ชูโภชนาการเพิ่มพร้อมวางราคาสูงกว่าสินค้าปกติ 1-3บาท ล่อใจแม่บ้านสมัยใหม่มีลูก 4-12 ปี หวังความถี่ในการกินเพิ่มสัปดาห์ละ 1 ครั้ง รั้งบัลลังก์ผู้นำตลาดครองแชร์ 74%
นางสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ รองประธานกรรมการบริหาร ธุรกิจอาหารและไอศกรีม บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายโจ๊กสำเร็จรูปตราคนอร์ เปิดเผยว่า แนวทางการทำตลาดในฐานะที่คนอร์เป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 74% ดังนั้นบริษัทจึงมุ่งเน้นสร้างพฤติกรรมการกินโจ๊กสำเร็จรูปเพิ่มมากขึ้น
เพื่อผลักดันให้ตลาดโจ๊กสำเร็จรูปมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันอัตราการกินโดยเฉลี่ยสำหรับครัวเรือนที่มีลูกอายุระหว่าง 4-12 ปี ประมาณ 5.2 ล้านครัวเรือน มีเพียง 35% ซึ่งความถี่ในการกิน 11 แพกต่อคนต่อปี โดยเป้าหมายบริษัทต้องการให้อัตราการบริโภคโดยเฉลี่ย 100%
บริษัทได้ดำเนินการกระตุ้นพฤติกรรมการกินโจ๊กในช่วงมื้อเช้า จากการรายงานสำรวจภาวะอาหารและโภชนาการของประชาชนในกรุงเทพ 2546-2547 ระบุว่า กลุ่มคนทำงานและกลุ่มเด็กนักเรียน ไม่บริโภคอาหารเช้าเฉลี่ยประมาณ 30% โดยเฉพาะนักเรียนหญิงอายุระหว่าง 12-14 ปี ที่ไม่ได้บริโภคอาหารเช้าถึง 52% ซึ่งบริษัทมองว่ายังมีช่องว่างทางการตลาดอีกมากและโอกาสที่ในการสร้างตลาดโจ๊กสำเร็จรูปมูลค่า 1,000 ล้านบาท จากที่ผ่านมาภาวะตลาดมีอัตราการเติบโตมากกว่า 20%
ดังนั้นบริษัทจึงได้เปิดตัวนวัตกรรมใหม่โจ๊กสำเร็จรูปคนอร์มีส่วนประกอบการจากผักธรรมชาติ 4รสชาติ ซึ่งเป็นการเปิดตัวครั้งแรกของโลก ได้แก่ คนอร์ คัพโจ๊ก เหลือง มีส่วนประกอบของฟักทอง สีเขียว มีส่วนประกอบบรอคโคลี่ สีขาว มีกะหล่ำปลี และสีส้ม มีส่วนประกอบแครอท ทั้งนี้บริษัทได้วางแผนโฆษณาประชาสัมพันธ์คนอร์คัพโจ๊กอย่างครบวงจร ทั้งสื่อโฆษณาทางโทรทัศน์และการจัดกิจกรรมชงชิมจำนวน 1 ล้านถ้วยชิมภายใน 2 เดือน เพื่อกระตุ้นให้การทดลองสินค้า
สำหรับคนอร์คัพโจ๊กผักหลากสี มีทั้งบรรจุภัณฑ์ซองขนาด 35 กรัม ราคา 12 บาท จากคนอร์ปกติขนาด 45 กรัม ราคา 9 บาท ส่วนบรรจุภัณฑ์ถ้วยขนาด 35 กรัม ราคา 17 บาท และคนอร์ปกติขนาด 45 กรัม ราคา 16 บาท อย่างไรก็ตามการเปิดตัวสินค้าใหม่บริษัทคาดว่าผลักดันให้ครัวเรือนจำนวน 5.2 ล้านครัวเรือนที่มีเด็กอายุ 4-12 ปี กินโจ๊กสัปดาห์ละ 1 ครั้ง จากเดิม 1 ครั้งต่อเดือน
นอกจากนี้บริษัทยังทยอยปรับบรรจุภัณฑ์ถ้วยของคนอร์จากพลาสติกมาเป็นกระดาษให้หมด เพื่อสร้างภาพลักษณ์เป็นผลิตภัณฑ์เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
นางสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ รองประธานกรรมการบริหาร ธุรกิจอาหารและไอศกรีม บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายโจ๊กสำเร็จรูปตราคนอร์ เปิดเผยว่า แนวทางการทำตลาดในฐานะที่คนอร์เป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 74% ดังนั้นบริษัทจึงมุ่งเน้นสร้างพฤติกรรมการกินโจ๊กสำเร็จรูปเพิ่มมากขึ้น
เพื่อผลักดันให้ตลาดโจ๊กสำเร็จรูปมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันอัตราการกินโดยเฉลี่ยสำหรับครัวเรือนที่มีลูกอายุระหว่าง 4-12 ปี ประมาณ 5.2 ล้านครัวเรือน มีเพียง 35% ซึ่งความถี่ในการกิน 11 แพกต่อคนต่อปี โดยเป้าหมายบริษัทต้องการให้อัตราการบริโภคโดยเฉลี่ย 100%
บริษัทได้ดำเนินการกระตุ้นพฤติกรรมการกินโจ๊กในช่วงมื้อเช้า จากการรายงานสำรวจภาวะอาหารและโภชนาการของประชาชนในกรุงเทพ 2546-2547 ระบุว่า กลุ่มคนทำงานและกลุ่มเด็กนักเรียน ไม่บริโภคอาหารเช้าเฉลี่ยประมาณ 30% โดยเฉพาะนักเรียนหญิงอายุระหว่าง 12-14 ปี ที่ไม่ได้บริโภคอาหารเช้าถึง 52% ซึ่งบริษัทมองว่ายังมีช่องว่างทางการตลาดอีกมากและโอกาสที่ในการสร้างตลาดโจ๊กสำเร็จรูปมูลค่า 1,000 ล้านบาท จากที่ผ่านมาภาวะตลาดมีอัตราการเติบโตมากกว่า 20%
ดังนั้นบริษัทจึงได้เปิดตัวนวัตกรรมใหม่โจ๊กสำเร็จรูปคนอร์มีส่วนประกอบการจากผักธรรมชาติ 4รสชาติ ซึ่งเป็นการเปิดตัวครั้งแรกของโลก ได้แก่ คนอร์ คัพโจ๊ก เหลือง มีส่วนประกอบของฟักทอง สีเขียว มีส่วนประกอบบรอคโคลี่ สีขาว มีกะหล่ำปลี และสีส้ม มีส่วนประกอบแครอท ทั้งนี้บริษัทได้วางแผนโฆษณาประชาสัมพันธ์คนอร์คัพโจ๊กอย่างครบวงจร ทั้งสื่อโฆษณาทางโทรทัศน์และการจัดกิจกรรมชงชิมจำนวน 1 ล้านถ้วยชิมภายใน 2 เดือน เพื่อกระตุ้นให้การทดลองสินค้า
สำหรับคนอร์คัพโจ๊กผักหลากสี มีทั้งบรรจุภัณฑ์ซองขนาด 35 กรัม ราคา 12 บาท จากคนอร์ปกติขนาด 45 กรัม ราคา 9 บาท ส่วนบรรจุภัณฑ์ถ้วยขนาด 35 กรัม ราคา 17 บาท และคนอร์ปกติขนาด 45 กรัม ราคา 16 บาท อย่างไรก็ตามการเปิดตัวสินค้าใหม่บริษัทคาดว่าผลักดันให้ครัวเรือนจำนวน 5.2 ล้านครัวเรือนที่มีเด็กอายุ 4-12 ปี กินโจ๊กสัปดาห์ละ 1 ครั้ง จากเดิม 1 ครั้งต่อเดือน
นอกจากนี้บริษัทยังทยอยปรับบรรจุภัณฑ์ถ้วยของคนอร์จากพลาสติกมาเป็นกระดาษให้หมด เพื่อสร้างภาพลักษณ์เป็นผลิตภัณฑ์เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
