เอเอฟพี – คณะกรรมาธิการด้านความมั่นคงภายในประเทศของวุฒิสภา กำลังตรวจสอบรายงานของสำนักงานตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล (Government Accountability Office - GAO) ซึ่งเปิดเผยเมื่อวันพุธ (8) ว่าจากการทดสอบระบบรักษาความปลอดภัยในอาคารสำนักงานของรัฐบาล พบว่าเจ้าหน้าที่สามารถแอบนำวัตถุผลิตระเบิดเข้าไปภายในอาคารถึง 10 แห่งในรอบปีที่ผ่านมา
จีเอโอระบุว่าเจ้าหน้าที่ได้แอบนำวัตถุระเบิดชนิดของเหลวพร้อมด้วยอุปกรณ์จุดระเบิดคุณภาพต่ำ “เดินผ่านจุดตรวจความปลอดภัยเข้าไปในอาคารได้โดยไม่ถูกตรวจพบ” จากนั้นยังสามารถประกอบระเบิดแล้วเดินถือกระเป๋าที่บรรจุระเบิดอยู่ภายในไปทั่วอาคาร “ได้อย่างสะดวกสบาย” ด้วย
จีเอโอซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดของสภาคองเกรสสหรัฐฯ ไม่ได้เปิดเผยชื่ออาคารเหล่านั้น แต่แสดงความวิตกต่อเรื่องความปลอดภัย และหวั่นเกรงถึงภัยจากการก่อการร้าย ที่ต้องถือเป็นเรื่องจริงจังนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์โจมตีเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2001
อย่างไรก็ตาม จีเอโอบอกกว้างๆ ว่า อาคารที่มีความบกพร่องด้านการรักษาความปลอดภัยถึง 8 แห่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลเอง ส่วนอีกสองแห่งเป็นหน่วยงานที่เช่าสถานที่เอกชน ในจำนวนนี้มีหน่วยงานของวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงยุติธรรม และกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิรวมอยู่ด้วย
ในเว็บไซต์ของจีเอโอเองยังได้เผยแพร่วิดีโอของทีมทดสอบชุดหนึ่งที่สามารถเดินผ่านจุดตรวจเข้าไปพร้อมกับอุปกรณ์ประกอบระเบิดโดยสะดวก
ทั้งนี้ในวันพุธคณะกรรมาธิการด้านความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของวุฒิสภาจะนำรายงานดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณา เพื่อตรวจสอบความล้มเหลวของหน่วยงานป้องกันภัยสหรัฐ (Federal Protective Service) ที่รับผิดชอบการดูแลความปลอดภัยในอาคารเหล่านี้
ปัจจุบันสหรัฐฯ มีเจ้าหน้าที่รัฐมากกว่าหนึ่งล้านคนทำงานอยู่ตามหน่วยงานต่างๆ ราว 9,000 แห่งทั่วประเทศ โดยมีเจ้าหน้าที่ราว 350,000 คนที่ทำงานอยู่ในบริเวณกรุงวอชิงตัน ซึ่งความปลอดภัยของหน่วยงานทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้การดูแลของ Federal Protective Service
“เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ที่จะปล่อยให้เจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งทำงานอยู่ภายในอาคารที่มีหน่วยเอฟพีเอสดูแลความปลอดภัยอยู่ รวมทั้งผู้คนที่เข้ามาติดต่องานในอาคารเหล่านี้ ต้องรับความเสี่ยงอย่างมากจากการโจมตีของผู้ก่อการร้ายและศัตรูอื่นๆ แบบนี้” โจเซฟ ลีเบอร์แมน วุฒิสมาชิกอิสระ ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมาธิการชุดดังกล่าวระบุ
ส่วนซูซาน คอลลินส์ วุฒิสมาชิกสังกัดพรรครีพับลิกัน ซึ่งเป็นกรรมาธิการคนหนึ่ง พูดถึงช่องโหว่เรื่องความปลอดภัยดังกล่าวว่า “เป็นเรื่องน่าตกใจมากและยอมรับไม่ได้”
คอลลินส์ระบุในแถลงการณ์ว่า “ดิฉันไม่สามารถเข้าใจได้ว่า อเมริกาในยุคหลังเหตุการณ์ 9/11 จะยอมให้มีช่องโหว่ในเรื่องการรักษาความปลอดภัยได้มากถึงขนาดนี้ได้อย่างไร”
นอกจากนั้น จีเอโอยังชี้จุดผิดพลาดอื่นๆ ที่พบในการทดสอบด้วย เช่น ในระหว่างการตรวจสอบการทำงานกะดึก ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนหนึ่งหลับในหน้าที่หลังจากที่เขารับประทานยาแก้ปวด ส่วนเจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งก็ไม่ผิดสังเกตใดๆ หนำซ้ำยังตรวจไม่พบว่ามีปืนพกกระบอกหนึ่งซ่อนอยู่ในกล่องที่กำลังผ่านเข้าเครื่องเอ็กซ์เรย์ไป
จีเอโอระบุว่าเจ้าหน้าที่ได้แอบนำวัตถุระเบิดชนิดของเหลวพร้อมด้วยอุปกรณ์จุดระเบิดคุณภาพต่ำ “เดินผ่านจุดตรวจความปลอดภัยเข้าไปในอาคารได้โดยไม่ถูกตรวจพบ” จากนั้นยังสามารถประกอบระเบิดแล้วเดินถือกระเป๋าที่บรรจุระเบิดอยู่ภายในไปทั่วอาคาร “ได้อย่างสะดวกสบาย” ด้วย
จีเอโอซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดของสภาคองเกรสสหรัฐฯ ไม่ได้เปิดเผยชื่ออาคารเหล่านั้น แต่แสดงความวิตกต่อเรื่องความปลอดภัย และหวั่นเกรงถึงภัยจากการก่อการร้าย ที่ต้องถือเป็นเรื่องจริงจังนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์โจมตีเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2001
อย่างไรก็ตาม จีเอโอบอกกว้างๆ ว่า อาคารที่มีความบกพร่องด้านการรักษาความปลอดภัยถึง 8 แห่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลเอง ส่วนอีกสองแห่งเป็นหน่วยงานที่เช่าสถานที่เอกชน ในจำนวนนี้มีหน่วยงานของวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงยุติธรรม และกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิรวมอยู่ด้วย
ในเว็บไซต์ของจีเอโอเองยังได้เผยแพร่วิดีโอของทีมทดสอบชุดหนึ่งที่สามารถเดินผ่านจุดตรวจเข้าไปพร้อมกับอุปกรณ์ประกอบระเบิดโดยสะดวก
ทั้งนี้ในวันพุธคณะกรรมาธิการด้านความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของวุฒิสภาจะนำรายงานดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณา เพื่อตรวจสอบความล้มเหลวของหน่วยงานป้องกันภัยสหรัฐ (Federal Protective Service) ที่รับผิดชอบการดูแลความปลอดภัยในอาคารเหล่านี้
ปัจจุบันสหรัฐฯ มีเจ้าหน้าที่รัฐมากกว่าหนึ่งล้านคนทำงานอยู่ตามหน่วยงานต่างๆ ราว 9,000 แห่งทั่วประเทศ โดยมีเจ้าหน้าที่ราว 350,000 คนที่ทำงานอยู่ในบริเวณกรุงวอชิงตัน ซึ่งความปลอดภัยของหน่วยงานทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้การดูแลของ Federal Protective Service
“เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ที่จะปล่อยให้เจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งทำงานอยู่ภายในอาคารที่มีหน่วยเอฟพีเอสดูแลความปลอดภัยอยู่ รวมทั้งผู้คนที่เข้ามาติดต่องานในอาคารเหล่านี้ ต้องรับความเสี่ยงอย่างมากจากการโจมตีของผู้ก่อการร้ายและศัตรูอื่นๆ แบบนี้” โจเซฟ ลีเบอร์แมน วุฒิสมาชิกอิสระ ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมาธิการชุดดังกล่าวระบุ
ส่วนซูซาน คอลลินส์ วุฒิสมาชิกสังกัดพรรครีพับลิกัน ซึ่งเป็นกรรมาธิการคนหนึ่ง พูดถึงช่องโหว่เรื่องความปลอดภัยดังกล่าวว่า “เป็นเรื่องน่าตกใจมากและยอมรับไม่ได้”
คอลลินส์ระบุในแถลงการณ์ว่า “ดิฉันไม่สามารถเข้าใจได้ว่า อเมริกาในยุคหลังเหตุการณ์ 9/11 จะยอมให้มีช่องโหว่ในเรื่องการรักษาความปลอดภัยได้มากถึงขนาดนี้ได้อย่างไร”
นอกจากนั้น จีเอโอยังชี้จุดผิดพลาดอื่นๆ ที่พบในการทดสอบด้วย เช่น ในระหว่างการตรวจสอบการทำงานกะดึก ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนหนึ่งหลับในหน้าที่หลังจากที่เขารับประทานยาแก้ปวด ส่วนเจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งก็ไม่ผิดสังเกตใดๆ หนำซ้ำยังตรวจไม่พบว่ามีปืนพกกระบอกหนึ่งซ่อนอยู่ในกล่องที่กำลังผ่านเข้าเครื่องเอ็กซ์เรย์ไป
