การเมืองเวลานี้ดูจะเริ่มเข้มข้นมาก
คือยิ่งอดีตนายกฯ พยายามดิ้นรนเท่าไร ความตึงตัวทางการเมืองก็ส่อเค้าว่าทางรัฐบาลต้องมีมาตรการที่จะเดินแต้มคู่สกัดทักษิณให้หมดทางดิ้นได้มากไปกว่านี้เท่านั้น
สิ่งที่ทักษิณพยายามทำเท่าที่จะคิดได้ก็คือ
“ถวายฎีกา” ครับ
ผมเองเห็นว่า “ถวายฎีกา” นั้นทำได้ แต่มาคิดอีกที ก็ไม่เห็นจะเหมาะสม เหตุผลที่ฟังแล้วรู้ว่าเป็นเรื่องที่ไม่บังควรก็คือ เรื่องการถวายฎีกานี้คุณทักษิณควรต้องรับผิดเข้ามามอบตัว และเป็นผู้ต้องหาโดนคดีในศาล และควรโดนจองจำระยะหนึ่งก่อน
แต่นี่แกหนีไปอยู่ต่างประเทศ
มิหนำซ้ำยังโฟนอิน ป่วนบ้านเมืองแบบไม่หลาบจำ แถมยังปลุกประชาชนให้ออกมาต้านรัฐบาลอยู่อีก
ข้อสำคัญที่สุดก็คือ
แกเองโดนข้อหาไม่จงรักภักดีอยู่หลายครั้งหลายคราว
และก็หมิ่นสถาบันครั้งแล้วครั้งเล่า
ครั้งสุดท้ายก็หมิ่นอีก
นอกจากนี้ พวกลิ่วล้อทั้งหลาย ก็มาในแบบเดียวกัน คือทำตามลูกพี่ ไม่เคารพสถาบัน หมิ่นสถาบัน และไม่เคยเคารพยำเกรง
พวกคนเหล่านี้ เป็นพวกเศษเดนคนไทย
เมื่อไม่จงรักภักดีแบบนี้ แล้วทำไมคิดว่าจะหน้าด้านมาถวายฎีกาต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
คุณจะหลอกคนไทยคุณหลอกไปเถอะ แต่คนไทยนั้นรู้ทัน
ที่สำคัญคนไทยเทิดทูนในหลวง
คุณจะนำสถาบันลงต่ำแบบนี้ ทั้งๆ ที่คุณพยายามดึงสถาบันลงมาอย่างมักง่าย
แต่เวลาคุณมีปัญหา
คุณกลับจะให้ในหลวงอภัยโทษให้
คุณนอกจากจะเห็นแก่ตัวแล้ว ยังอยากจะทำลายพระองค์ด้วยวิธีการง่ายๆ หน้าด้านๆ อีก
เพราะอะไร สมมติว่า ในหลวงทรงพระมหากรุณาธิคุณยกโทษให้คุณ อภัยโทษเป็นทานแก่คุณ
ทันทีคุณก็ว่าร้ายหมิ่นท่านเหมือนเดิมอีก
คางคกที่ไม่มีวอจะนั่งแบบนี้
ผมว่าอย่าว่าจะถวายฎีกาเลย แบบนี้คุณควรลี้ภัยไปตลอดชีวิตมากกว่า
ไร้สาระมากับอดีตนายกฯ ไร้สาระแบบนี้มาดูการเมืองดีกว่า
การเคลื่อนไหวของเนวินน่าสนใจมาก เพราะว่าผิดพลาดล้มเหลวจากการเลือกตั้งที่ศรีสะเกษมาแล้ว
สู้พรรคฝ่ายค้านที่ชนะกันครึ่งต่อครึ่ง
คณะของนายกรัฐมนตรีก็เลยจับเข่านัดเนวินมากินข้าวกัน แต่ก็ยังปากแข็งว่าไม่ใช่นัด “การเมือง” กินข้าวเฉยๆ โดยคุยกันธรรมดา แลกเปลี่ยนความเห็น หารือเกี่ยวกับปัญหาของประเทศว่าจะเอาอย่างไรดี เพราะ 2 เดือนมานี้ ประชาชนมองว่ารัฐบาลขาดเอกภาพ ทำให้ขาดความมั่นใจ ว่ารัฐบาลจะมีเสถียรภาพ และหลายโครงการไม่ค่อยโปร่งใส อาจมีคอร์รัปชัน รัฐมนตรีบางคนอยู่ในข่ายสงสัย
อย่างนี้รัฐบาลทำงานยากครับ
โครงการอย่างนี้เป็นเหตุว่า หลายคนเห็นไม่ตรงกัน ควรหารือกัน ไม่ใช่ว่าปล่อยให้คิดกันคนละทาง จนขาดความเป็นเอกภาพและถ้าแก้ปัญหาไปได้ รัฐบาลก็จะทำงานไปได้ พูดง่ายๆ กินไปแก้ปัญหาไปได้
อีกเรื่องหนึ่งคือการปรับคณะรัฐมนตรี และอาจปรับในส่วนของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งประเด็นนี้สังคมจับตาดู แต่นายกฯ ก็กล่าวว่า รัฐมนตรีของพรรคนี้บางคนอาจทำงานไม่ได้ผล นายกฯ เลยบอกว่าเรื่องนี้อย่าเพิ่งไปมองอื่น ท้ายสุดแล้วเราควรประเมินตัวเองก่อนไปประเมินคนอื่นๆ
เวลานี้รัฐบาลก็เดินหน้าไป รัฐบาลก็จะอนุมัติให้งบประมาณลงพื้นที่ในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลได้แล้ว
งบประมาณนั้น นายกฯ อธิบายว่าเป็นเรื่องปกติเพราะว่า ส.ส.ต้องการทุกคน
เรื่องรถเมล์เป็นปัญหามาก คนเองก็สับสนว่าจะซื้อหรือจะเช่า แถมอดีตนายกฯ ทักษิณปากมาก และชอบเดาว่ารัฐบาลอยู่ไม่เกิน 3 เดือน
นายกฯ อภิสิทธิ์บอกว่า ต้องทำงานหนักกันทุกคน เป้าหมายคือสร้างงาน ทำเศรษฐกิจให้ขยายตัวเป็นด้านบวก โดยเฉพาะในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
เท่าที่ฟังดู ก็เห็นว่า รัฐบาลตั้งใจทำงานดี แต่ดีแค่ไหน ผลงานไม่ค่อยออก
การเมืองก็ไม่นิ่ง
ปัญหาก็มีในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลแถมถูกฝ่ายค้านเร่งให้ยุบสภาเสียอีก
ข่าวไม่เป็นมงคลแบบนี้มีทุกวัน บางทีข่าวลือชอบเป็นความจริงครับ
คือยิ่งอดีตนายกฯ พยายามดิ้นรนเท่าไร ความตึงตัวทางการเมืองก็ส่อเค้าว่าทางรัฐบาลต้องมีมาตรการที่จะเดินแต้มคู่สกัดทักษิณให้หมดทางดิ้นได้มากไปกว่านี้เท่านั้น
สิ่งที่ทักษิณพยายามทำเท่าที่จะคิดได้ก็คือ
“ถวายฎีกา” ครับ
ผมเองเห็นว่า “ถวายฎีกา” นั้นทำได้ แต่มาคิดอีกที ก็ไม่เห็นจะเหมาะสม เหตุผลที่ฟังแล้วรู้ว่าเป็นเรื่องที่ไม่บังควรก็คือ เรื่องการถวายฎีกานี้คุณทักษิณควรต้องรับผิดเข้ามามอบตัว และเป็นผู้ต้องหาโดนคดีในศาล และควรโดนจองจำระยะหนึ่งก่อน
แต่นี่แกหนีไปอยู่ต่างประเทศ
มิหนำซ้ำยังโฟนอิน ป่วนบ้านเมืองแบบไม่หลาบจำ แถมยังปลุกประชาชนให้ออกมาต้านรัฐบาลอยู่อีก
ข้อสำคัญที่สุดก็คือ
แกเองโดนข้อหาไม่จงรักภักดีอยู่หลายครั้งหลายคราว
และก็หมิ่นสถาบันครั้งแล้วครั้งเล่า
ครั้งสุดท้ายก็หมิ่นอีก
นอกจากนี้ พวกลิ่วล้อทั้งหลาย ก็มาในแบบเดียวกัน คือทำตามลูกพี่ ไม่เคารพสถาบัน หมิ่นสถาบัน และไม่เคยเคารพยำเกรง
พวกคนเหล่านี้ เป็นพวกเศษเดนคนไทย
เมื่อไม่จงรักภักดีแบบนี้ แล้วทำไมคิดว่าจะหน้าด้านมาถวายฎีกาต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
คุณจะหลอกคนไทยคุณหลอกไปเถอะ แต่คนไทยนั้นรู้ทัน
ที่สำคัญคนไทยเทิดทูนในหลวง
คุณจะนำสถาบันลงต่ำแบบนี้ ทั้งๆ ที่คุณพยายามดึงสถาบันลงมาอย่างมักง่าย
แต่เวลาคุณมีปัญหา
คุณกลับจะให้ในหลวงอภัยโทษให้
คุณนอกจากจะเห็นแก่ตัวแล้ว ยังอยากจะทำลายพระองค์ด้วยวิธีการง่ายๆ หน้าด้านๆ อีก
เพราะอะไร สมมติว่า ในหลวงทรงพระมหากรุณาธิคุณยกโทษให้คุณ อภัยโทษเป็นทานแก่คุณ
ทันทีคุณก็ว่าร้ายหมิ่นท่านเหมือนเดิมอีก
คางคกที่ไม่มีวอจะนั่งแบบนี้
ผมว่าอย่าว่าจะถวายฎีกาเลย แบบนี้คุณควรลี้ภัยไปตลอดชีวิตมากกว่า
ไร้สาระมากับอดีตนายกฯ ไร้สาระแบบนี้มาดูการเมืองดีกว่า
การเคลื่อนไหวของเนวินน่าสนใจมาก เพราะว่าผิดพลาดล้มเหลวจากการเลือกตั้งที่ศรีสะเกษมาแล้ว
สู้พรรคฝ่ายค้านที่ชนะกันครึ่งต่อครึ่ง
คณะของนายกรัฐมนตรีก็เลยจับเข่านัดเนวินมากินข้าวกัน แต่ก็ยังปากแข็งว่าไม่ใช่นัด “การเมือง” กินข้าวเฉยๆ โดยคุยกันธรรมดา แลกเปลี่ยนความเห็น หารือเกี่ยวกับปัญหาของประเทศว่าจะเอาอย่างไรดี เพราะ 2 เดือนมานี้ ประชาชนมองว่ารัฐบาลขาดเอกภาพ ทำให้ขาดความมั่นใจ ว่ารัฐบาลจะมีเสถียรภาพ และหลายโครงการไม่ค่อยโปร่งใส อาจมีคอร์รัปชัน รัฐมนตรีบางคนอยู่ในข่ายสงสัย
อย่างนี้รัฐบาลทำงานยากครับ
โครงการอย่างนี้เป็นเหตุว่า หลายคนเห็นไม่ตรงกัน ควรหารือกัน ไม่ใช่ว่าปล่อยให้คิดกันคนละทาง จนขาดความเป็นเอกภาพและถ้าแก้ปัญหาไปได้ รัฐบาลก็จะทำงานไปได้ พูดง่ายๆ กินไปแก้ปัญหาไปได้
อีกเรื่องหนึ่งคือการปรับคณะรัฐมนตรี และอาจปรับในส่วนของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งประเด็นนี้สังคมจับตาดู แต่นายกฯ ก็กล่าวว่า รัฐมนตรีของพรรคนี้บางคนอาจทำงานไม่ได้ผล นายกฯ เลยบอกว่าเรื่องนี้อย่าเพิ่งไปมองอื่น ท้ายสุดแล้วเราควรประเมินตัวเองก่อนไปประเมินคนอื่นๆ
เวลานี้รัฐบาลก็เดินหน้าไป รัฐบาลก็จะอนุมัติให้งบประมาณลงพื้นที่ในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลได้แล้ว
งบประมาณนั้น นายกฯ อธิบายว่าเป็นเรื่องปกติเพราะว่า ส.ส.ต้องการทุกคน
เรื่องรถเมล์เป็นปัญหามาก คนเองก็สับสนว่าจะซื้อหรือจะเช่า แถมอดีตนายกฯ ทักษิณปากมาก และชอบเดาว่ารัฐบาลอยู่ไม่เกิน 3 เดือน
นายกฯ อภิสิทธิ์บอกว่า ต้องทำงานหนักกันทุกคน เป้าหมายคือสร้างงาน ทำเศรษฐกิจให้ขยายตัวเป็นด้านบวก โดยเฉพาะในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
เท่าที่ฟังดู ก็เห็นว่า รัฐบาลตั้งใจทำงานดี แต่ดีแค่ไหน ผลงานไม่ค่อยออก
การเมืองก็ไม่นิ่ง
ปัญหาก็มีในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลแถมถูกฝ่ายค้านเร่งให้ยุบสภาเสียอีก
ข่าวไม่เป็นมงคลแบบนี้มีทุกวัน บางทีข่าวลือชอบเป็นความจริงครับ