ASTVผู้จัดการรายวัน- เอกชนสุดเซ็ง 6 เดือนรัฐบาลมาร์ครับปากจะลดค่าอนุรักษ์น้ำบาดาลลงเหลือ 4.25 บาทต่อลูกบาศก์เมตรถูกแช่แข็ง ทำหนังสืออีกรอบส่ง”สุวิทย์” หวังให้เร่งพิจารณาเพื่อลดต้นทุนการผลิตช่วงวิกฤติเศรษฐกิจชะลอตัว
นายสมพงษ์ ตันเจริญผล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย( ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ส.อ.ท.ได้ทำหนังสือไปยังนายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อขอให้เร่งพิจารณาการขอลดค่าอนุรักษ์น้ำบาดาลลง 50% ในพื้นที่ 7 จังหวัดจากลูกบาศก์เมตรละ 8.50 บาทเหลือ 4.25 บาทเพื่อลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว
“เราทำหนังสือไปอีกฉบับแล้วจากก่อนหน้าเราก็พบกับภาครัฐมาตลอดและรัฐบาลนี้ก็รับปากไว้ตั้งแต่แรกจนถึงเวลานี้รัฐบาลทำงานผ่านไป 6 เดือนแล้วแต่ยังไม่มีท่าทีจะพิจารณาให้ตามที่ได้รับปากไว้แต่อย่างใด”นายสมพงษ์กล่าว
ทั้งนี้ที่ผ่านมาได้มีการหารือมาอย่างต่อเนื่องถึงแนวทางดังกล่าวและกรมทรัพยากรน้ำบาดาลเองก็จ้างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยศึกษาแล้วก็พบว่าการลดค่าอนุรักษ์น้ำบาดาลลง 50% ซึ่งปกติจะเก็บเข้ากองทุนพัฒนาน้ำบาดาลได้ปีละ 800-900 ล้านบาทเมื่อลดลงเหลือปีละ 400-500 ล้านบาทก็ไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินงานของกองทุนแต่อย่างใด
นอกจากนี้ยังมีการรายงานตัวเลขจากกรมทรัพยากรน้ำบาดาลถึงปริมาณน้ำสำรอง (บาดาล) มีปริมาณที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจึงไม่มีผลกระทบที่จะก่อให้เกิดวิกฤติใดๆ เนื่องจากระยะหลังมานี้รัฐบาลได้ส่งเสริมการวางท่อน้ำประปาไปยังพื้นที่ต่างๆ มากขึ้น ภาคอุตสาหกรรมต่างๆเข้าไปลงทุนยังนิคมอุตสาหกรรมปริมาณการใช้น้ำบาดาลได้ลดลงอย่างต่อเนื่องโดยภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวการใช้น้ำบาดาลที่เพิ่มขึ้นยิ่งไม่มีผลในทางปฏิบัติได้เลย
ทั้งนี้ที่ผ่านมาพื้นที่วิกฤติน้ำบาดาล 7 จังหวัดคือกทม.ปทุมธานี อยุธยา นนทบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร และนครปฐมมีการขุดเจาะมากกว่าปริมาณสำรองทำให้เกิดแผ่นดินทรุดมติครม.เมื่อวันที่ 31 ธ.ค.2546 จึงมีมติให้ 7 จังหวัดต้องเลิกใช้น้ำบาดาลแต่ได้ผ่อนผันในพื้นที่ที่ยังไม่มีน้ำประปาเข้าถึงและอุตสาหกรรมที่ยังจำเป็นเช่น สิ่งทอ อาหาร เครื่องดื่ม เป็นต้น ซึ่งการยกเลิกใช้น้ำบาดาลทางรัฐได้ใช้กลไกค่าอนุรักษ์ น้ำบาดาลมาเป็นเครื่องมือคล้ายภาษีที่ทยอยขึ้นทุกปีจนถึงปัจจุบัน 8.50 บาทต่อลูกบาศก์เมตรรวมกับค่าธรรมเนียมการใช้น้ำบาดาลอีก 8.50 บาทต่อลูกบาศก์เมตรเท่ากับผู้ประกอบการต้องจ่ายค่าน้ำอนุรักษ์เมตรละ 17 บาท
นายสมพงษ์ ตันเจริญผล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย( ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ส.อ.ท.ได้ทำหนังสือไปยังนายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อขอให้เร่งพิจารณาการขอลดค่าอนุรักษ์น้ำบาดาลลง 50% ในพื้นที่ 7 จังหวัดจากลูกบาศก์เมตรละ 8.50 บาทเหลือ 4.25 บาทเพื่อลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว
“เราทำหนังสือไปอีกฉบับแล้วจากก่อนหน้าเราก็พบกับภาครัฐมาตลอดและรัฐบาลนี้ก็รับปากไว้ตั้งแต่แรกจนถึงเวลานี้รัฐบาลทำงานผ่านไป 6 เดือนแล้วแต่ยังไม่มีท่าทีจะพิจารณาให้ตามที่ได้รับปากไว้แต่อย่างใด”นายสมพงษ์กล่าว
ทั้งนี้ที่ผ่านมาได้มีการหารือมาอย่างต่อเนื่องถึงแนวทางดังกล่าวและกรมทรัพยากรน้ำบาดาลเองก็จ้างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยศึกษาแล้วก็พบว่าการลดค่าอนุรักษ์น้ำบาดาลลง 50% ซึ่งปกติจะเก็บเข้ากองทุนพัฒนาน้ำบาดาลได้ปีละ 800-900 ล้านบาทเมื่อลดลงเหลือปีละ 400-500 ล้านบาทก็ไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินงานของกองทุนแต่อย่างใด
นอกจากนี้ยังมีการรายงานตัวเลขจากกรมทรัพยากรน้ำบาดาลถึงปริมาณน้ำสำรอง (บาดาล) มีปริมาณที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจึงไม่มีผลกระทบที่จะก่อให้เกิดวิกฤติใดๆ เนื่องจากระยะหลังมานี้รัฐบาลได้ส่งเสริมการวางท่อน้ำประปาไปยังพื้นที่ต่างๆ มากขึ้น ภาคอุตสาหกรรมต่างๆเข้าไปลงทุนยังนิคมอุตสาหกรรมปริมาณการใช้น้ำบาดาลได้ลดลงอย่างต่อเนื่องโดยภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวการใช้น้ำบาดาลที่เพิ่มขึ้นยิ่งไม่มีผลในทางปฏิบัติได้เลย
ทั้งนี้ที่ผ่านมาพื้นที่วิกฤติน้ำบาดาล 7 จังหวัดคือกทม.ปทุมธานี อยุธยา นนทบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร และนครปฐมมีการขุดเจาะมากกว่าปริมาณสำรองทำให้เกิดแผ่นดินทรุดมติครม.เมื่อวันที่ 31 ธ.ค.2546 จึงมีมติให้ 7 จังหวัดต้องเลิกใช้น้ำบาดาลแต่ได้ผ่อนผันในพื้นที่ที่ยังไม่มีน้ำประปาเข้าถึงและอุตสาหกรรมที่ยังจำเป็นเช่น สิ่งทอ อาหาร เครื่องดื่ม เป็นต้น ซึ่งการยกเลิกใช้น้ำบาดาลทางรัฐได้ใช้กลไกค่าอนุรักษ์ น้ำบาดาลมาเป็นเครื่องมือคล้ายภาษีที่ทยอยขึ้นทุกปีจนถึงปัจจุบัน 8.50 บาทต่อลูกบาศก์เมตรรวมกับค่าธรรมเนียมการใช้น้ำบาดาลอีก 8.50 บาทต่อลูกบาศก์เมตรเท่ากับผู้ประกอบการต้องจ่ายค่าน้ำอนุรักษ์เมตรละ 17 บาท