วานนี้ (8 ก.ค.) เมื่อเวลา 07.00 น. ร.ต.ต.ธีรวัฒน์ อำนาจเจริญยิ่ง พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.ลุมพินี รับแจ้งเหตุชายพลัดตกจากที่สูงเสียชีวิตภายในอาคารรื่นฤดีคอนโดมิเนียม ตั้งอยู่เลขที่ 19/11 ซอยสุขุมวิท 1 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวชจากโรงพยาบาลจุฬาฯ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารที่พักอาศัยหรูสูง 16 ชั้น บริเวณลานจอดรถชั้น 2 พบศพ นายอาบู ซาดา อายุ 47 ปี ถือหนังสือเดินทางสหราชอาณาจักร เชื้อชาติเติร์กเมนิสถาน อาชีพทำธุรกิจส่งออกกางเกงยีนส์ พักอาศัยอยู่ที่ห้อง 19/4 ชั้น 3 ของอาคารดังกล่าว สภาพศพนอนคว่ำหน้าสวมเสื้อโปโลสีกรมท่า นุ่งกางเกงยีนส์ขายาว ใส่รองเท้าแตะ ตรวจสอบตามร่างกายพบว่ากะโหลกศีรษะแตกสมองกระจาย แขนขาหักผิดรูป โดยมี น.ส.กัลชาร์ท โฮกาเนียโซว่า อายุ 24 ปี ชาวเติร์กเมนิสถาน ภรรยาผู้ตายนั่งร้องไห้อยู่ข้างศพด้วยความโศกเศร้าเสียใจ
จากการสอบสวน น.ส.กัลชาร์ท ให้การว่า รู้จักกับสามีมาได้ประมาณ 6-7 เดือน โดยสามีทำธุรกิจส่งออกกางเกงยีนส์กับเพื่อนร่วมหุ้นชาวอียิปต์ ที่พักอาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมเดียวกัน แต่ระยะหลังมานี้กิจการไม่ค่อยดี อีกทั้งสามีก็เกิดความเครียด เนื่องจากคิดถึงครอบครัวและลูกสาวที่เสียชีวิตจากสงครามในประเทศปาเลสไตน์ และมักบ่นคิดถึงตลอดเวลา จนต้องดื่มสุราอยู่เป็นประจำ และทุกครั้งที่เจ้าตัวเครียดอย่างหนัก ก็มักจะคิดฆ่าตัวตาย และพยายามทำมาแล้ว 4-5 ครั้ง ทั้งกินยาฆ่าตัวตาย หรือกรีดข้อมือ โดยล่าสุดเมื่อ 20 วันที่แล้ว สามีก็เคยคิดจะกระโดดจากชั้น 14 ของคอนโดฯ เพื่อฆ่าตัวตาย
น.ส.กัลชาร์ท ให้การต่อว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาประมาณช่วงเวลา 01.00 น. ยังอยู่กับสามีในห้องพัก และสามีก็บ่นเครียดอีก จึงได้พยายามปลอบโยนว่า ต่อไปจะพยายามช่วยกันสร้างชีวิตที่ดีขึ้น ก่อนที่สามีจะขอตัวไปเดินเล่นเพียงคนเดียวบนดาดฟ้าของคอนโดฯ และเมื่อสามีหายไปนาน จึงโทรศัพท์ไปหา แต่สามีขอเวลาเดินเล่นอีกสักพัก ซึ่งก็ได้ย้ำว่า อย่าไปดื่มสุรา อย่าทำอะไรลงไป จนถึงเวลา 06.00 น. สามีก็ยังคุยกับตนอยู่ จากนั้นไม่ได้เอะใจอะไร จนกระทั่งมี รปภ.คอนโดฯ มาแจ้งว่าสามีกระโดดตึก ทำให้ตกใจมาก เพราะไม่คิดว่าสามีจะฆ่าตัวตายจนสำเร็จ
ด้าน ร.ต.ต.ธีรวัฒน์ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ขึ้นไปตรวจสอบบนดาดฟ้าของคอนโดมิเนียม พบขวดเหล้า แก้วเหล้าที่ดื่มแล้ว รวมถึงก้นบุหรี่ตกอยู่จำนวนมาก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน นอกจากนี้ จากการสอบปากคำภรรยาทำให้ปักใจเชื่อได้ว่า นายอาบู ตัดสินใจฆ่าตัวตายเองเนื่องจากปมความเครียดเรื่องการสูญเสียครอบครัวจากภาวะสงคราม และปมธุรกิจที่ไม่ราบรื่น และก่อนหน้านี้ ก็เคยพยายามฆ่าตัวตายมาแล้วประมาณ 4-5 ครั้ง ก่อนจะมอบให้ญาติดำเนินการเรื่องติดต่อรับศพไปบำเพ็ญกุศลตามพิธีกรรมทางศาสนาต่อไป เนื่องจากญาติไม่ติดใจในการเสียชีวิตในครั้งนี้
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารที่พักอาศัยหรูสูง 16 ชั้น บริเวณลานจอดรถชั้น 2 พบศพ นายอาบู ซาดา อายุ 47 ปี ถือหนังสือเดินทางสหราชอาณาจักร เชื้อชาติเติร์กเมนิสถาน อาชีพทำธุรกิจส่งออกกางเกงยีนส์ พักอาศัยอยู่ที่ห้อง 19/4 ชั้น 3 ของอาคารดังกล่าว สภาพศพนอนคว่ำหน้าสวมเสื้อโปโลสีกรมท่า นุ่งกางเกงยีนส์ขายาว ใส่รองเท้าแตะ ตรวจสอบตามร่างกายพบว่ากะโหลกศีรษะแตกสมองกระจาย แขนขาหักผิดรูป โดยมี น.ส.กัลชาร์ท โฮกาเนียโซว่า อายุ 24 ปี ชาวเติร์กเมนิสถาน ภรรยาผู้ตายนั่งร้องไห้อยู่ข้างศพด้วยความโศกเศร้าเสียใจ
จากการสอบสวน น.ส.กัลชาร์ท ให้การว่า รู้จักกับสามีมาได้ประมาณ 6-7 เดือน โดยสามีทำธุรกิจส่งออกกางเกงยีนส์กับเพื่อนร่วมหุ้นชาวอียิปต์ ที่พักอาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมเดียวกัน แต่ระยะหลังมานี้กิจการไม่ค่อยดี อีกทั้งสามีก็เกิดความเครียด เนื่องจากคิดถึงครอบครัวและลูกสาวที่เสียชีวิตจากสงครามในประเทศปาเลสไตน์ และมักบ่นคิดถึงตลอดเวลา จนต้องดื่มสุราอยู่เป็นประจำ และทุกครั้งที่เจ้าตัวเครียดอย่างหนัก ก็มักจะคิดฆ่าตัวตาย และพยายามทำมาแล้ว 4-5 ครั้ง ทั้งกินยาฆ่าตัวตาย หรือกรีดข้อมือ โดยล่าสุดเมื่อ 20 วันที่แล้ว สามีก็เคยคิดจะกระโดดจากชั้น 14 ของคอนโดฯ เพื่อฆ่าตัวตาย
น.ส.กัลชาร์ท ให้การต่อว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาประมาณช่วงเวลา 01.00 น. ยังอยู่กับสามีในห้องพัก และสามีก็บ่นเครียดอีก จึงได้พยายามปลอบโยนว่า ต่อไปจะพยายามช่วยกันสร้างชีวิตที่ดีขึ้น ก่อนที่สามีจะขอตัวไปเดินเล่นเพียงคนเดียวบนดาดฟ้าของคอนโดฯ และเมื่อสามีหายไปนาน จึงโทรศัพท์ไปหา แต่สามีขอเวลาเดินเล่นอีกสักพัก ซึ่งก็ได้ย้ำว่า อย่าไปดื่มสุรา อย่าทำอะไรลงไป จนถึงเวลา 06.00 น. สามีก็ยังคุยกับตนอยู่ จากนั้นไม่ได้เอะใจอะไร จนกระทั่งมี รปภ.คอนโดฯ มาแจ้งว่าสามีกระโดดตึก ทำให้ตกใจมาก เพราะไม่คิดว่าสามีจะฆ่าตัวตายจนสำเร็จ
ด้าน ร.ต.ต.ธีรวัฒน์ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ขึ้นไปตรวจสอบบนดาดฟ้าของคอนโดมิเนียม พบขวดเหล้า แก้วเหล้าที่ดื่มแล้ว รวมถึงก้นบุหรี่ตกอยู่จำนวนมาก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน นอกจากนี้ จากการสอบปากคำภรรยาทำให้ปักใจเชื่อได้ว่า นายอาบู ตัดสินใจฆ่าตัวตายเองเนื่องจากปมความเครียดเรื่องการสูญเสียครอบครัวจากภาวะสงคราม และปมธุรกิจที่ไม่ราบรื่น และก่อนหน้านี้ ก็เคยพยายามฆ่าตัวตายมาแล้วประมาณ 4-5 ครั้ง ก่อนจะมอบให้ญาติดำเนินการเรื่องติดต่อรับศพไปบำเพ็ญกุศลตามพิธีกรรมทางศาสนาต่อไป เนื่องจากญาติไม่ติดใจในการเสียชีวิตในครั้งนี้
