ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (2 ก.ค.) นายวีระ มุสิกพงษ์ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ได้ตั้งโต๊ะแจกแบบฟอร์มให้กลุ่มคนเสื้อแดงร่วมลงนามรายชื่อเพื่อทูลเกล้าฯถวายฎีกา ขอพระราชทานอภัยโทษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นวันแรกที่ หน้าบริษัท เพื่อนพ้องน้องพี่ ชั้น 6 อิมพีเรียลเวิลด์ ลาดพร้าว โดยเอกสารประกอบด้วย ฎีกาเปิดผนึกความยาว 2 หน้ากระดาษ และรายชื่อผู้สนับสนุน 1 แผ่น จำนวน 5 พันชุดมาแจก โดยเอกสารชุดหนึ่งจะลงนามได้ 6 คน
ทั้งนี้ ฎีกาเปิดผนึกดังกล่าวมีข้อความโดยสรุปว่า มีความทุกข์แสนสาหัสจากปัญหาเศรษฐกิจ อันมีปฐมเหตุมาจากการยึดอำนาจทางการเมืองเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2549 เพราะเป็นการทำลายระบอบการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง และต่อเนื่อง มาจนถึงปัจจุบัน เมื่อประกอบกับรัฐบาลปัจจุบันนี้เกิดขึ้นด้วยความไม่ชอบธรรมตามหลักประชาธิปไตย จึงไม่ได้รับความร่วมมือจากประชาชน ไม่อาจเป็นองค์กรหลักในการนำประเทศสู้ภัยเศรษฐกิจครั้งนี้ได้ แม้ตัวนายกรัฐมนตรีเองก็ไม่สามารถ เดินทางไปในหลายพื้นที่ของประเทศ
ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ถูกทำรัฐประหารแย่งอำนาจไป เป็นผู้มีความรู้ ความสามารถ และเป็นที่เชื่อถือศรัทธาของประชาชนว่าจะช่วยแก้ปัญหาบรรเทา ความทุกข์ความเดือดร้อนได้ ต้องลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศเพราะถูกกระทำโดยอำนาจเผด็จการใช้กฎหมายที่ไม่ต้องด้วยหลักนิติธรรมดำเนินคดี จึงกราบบังคมทูลถวายฎีกามา เพื่อทรงพระกรุณาอภัยโทษให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในคดีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก 2 ปีเสีย เพื่อจะได้กลับมาเป็นข้าทูลละอองธุลีพระบาททำประโยชน์ต่อแผ่นดิน
นายวีระ กล่าวว่า ผลการตอบรับจากประชาชนคนเสื้อแดงเป็นไปตามคาด และหากมีกระแสเรียกร้องมาอีกเป็นจำนวนมาก ก็อาจจะมีการเปิดโต๊ะรับลงนามเพิ่มแต่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเป็นที่ใด เนื่องจากได้จัดพิมพ์ฎีกาเปิดผนึกไว้เพียง 100,000 ชุด ที่เหลือต้องใช้วิธีการถ่ายเอกสารและส่งแฟ็กซ์แจกจ่ายให้พี่น้องคนเสื้อแดงในต่างจังหวัดเพิ่ม โดยขั้นตอนขณะนี้จะเป็นการแจกจ่ายเอกสารไปจนถึงวันที่ 10 ก.ค. จากนั้น ทยอยรับเอกสารกลับคืนในช่วงวันที่ 11-25 ก.ค. โดยเอกสารทุกฉบับจะมีการใส่พาน ที่สั่งทำเป็นพิเศษไว้ และจะเริ่มนับจำนวนให้ครบ 1 ล้านรายชื่อ ภายในวันที่ 31 ก.ค. ก่อนจะนำทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาในวันที่ 1 ส.ค. แต่ถ้าไม่ครบก็ยกเลิกภารกิจไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงดังกล่าว สอบคล้องกับการเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทย โดยในวานนี้ (2 ก.ค.) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในวันนี้ (3 ก.ค.) ตนจะเดินทางไปยื่นหนังสือถึง เลขาธิการสหประชาชน (ยูเอ็น) ผ่านสำนักงานยูเอ็นประจำประเทศไทย ให้พิจารณา ถึงการทำรัฐประหารในประเทศไทย เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2549 ล้มรัฐบาลที่มาจาก การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยถูกยึดอำนาจและถูกดำเนินคดี อย่างไม่ชอบธรรม หลังจากที่ก่อนหน้านี้เลขาธิการสหประชาชาติได้ทำการประณามการกระทำรัฐประหารภายในประเทศฮอนดูรัส พร้อมทั้งเรียกร้องให้คืนสิทธิแก่ คณะผู้แทนตามระบอบประชาธิปไตย รวมถึงคืนสิทธิให้ประชาชนมาแล้ว
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มเสื้อแดงล่ารายชื่อ 1ล้านรายชื่อเพื่อขออภัยโทษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า กลุ่มเสื้อแดงยังไม่ทำอะไรให้เดือดร้อน ส่วนเอกสารที่นำมาแจกในวันนี้ตนยังไม่เห็น แต่ถ้าเห็นก็จะนำมาดูเพื่อประดับความรู้
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การล่าชื่อ 1 ล้านชื่อเพื่อยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นการนำประเด็นนี้มาเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่ประกาศจะล่ารายชื่อ ให้ได้ภายใน 1 เดือนเพื่อสอดรับกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ระบุว่าจะเคลื่อนอีก 3 ครั้งคือที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กองทัพบก และทำเนียบรัฐบาล
อย่างไรก็ตามไม่อยากให้กลุ่มคนเหล่านี้ดึงการเมืองมาเกี่ยวข้องกับสถาบัน และอยากแนะนำให้คนที่ล่ารายชื่อไปล่ารายชื่อของ ส.ส.กลุ่มเพื่อไทยและแกนนำกลุ่มเสื้อแดงว่ากลุ่มคนเหล่านี้เห็นด้วยหรือไม่ ถ้าเห็นด้วยค่อยไปล่ารายชื่อกับประชาชน
จากที่ผมได้ตรวจสอบข้อเรียกร้องของนายวีระ มุกสิกพงษ์ และแกนนำ กลุ่มคนเสื้อแดงจะทูลเกล้าฯให้อภัยโทษนั้น พบว่าเป็นการทำเพื่อการเมืองล้วนๆ ไม่เกี่ยวกับความเดือดร้อนของประชาชนแต่อย่างใด ซึ่งอยากให้กลับไปดูรัฐธรรมนูญว่ามีประเพณีปฏิบัติอย่างนี้หรือไม่
นายเทพไท ยังกล่าวถึงกรณีผู้ที่รับผิดชอบคดีความ เหตุการณ์ชุมนุมของ กลุ่มเสื้อแดง เมื่อวันที่ 13 เม.ย.ที่ผ่านมา ที่ศาลอนุญาตให้ประกัน โดยไม่ให้ เคลื่อนไหวอีกว่า อยากถามว่าคนที่ขึ้นเวทีกลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อวันที่ 27 มิ.ย.และคนที่ล่ารายชื่อ ถือว่าออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองหรือไม่ อยากให้ศาลยื่นถอนประกันกลุ่มคนเหล่านี้
พล.ท.สุรพล เผื่อนอัยกา อดีตเลขาธิการสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ซึ่งเป็นนายทหารเตรียมทหารรุ่น 10 รุ่นเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กล่าวถึง การล่าชื่อ 1ล้านชื่อเพื่อถวายฎีกาขออภัยโทษให้พ.ต.ท.ทักษิณ จะกระทบต่อความมั่นคงหรือไม่ว่า กระทบแน่นอน แต่เป็นความมั่นคงของพรรคการเมืองระหว่างคู่แข่ง ไม่ใช่ประเด็นที่สมช. ควรต้องจับ เพราะสมช.ต้องดูแลความมั่นคงของชาติ แต่ถ้าไปดูงานความมั่นคงของรัฐบาลก็ต้องเปลี่ยนตัวเลขาฯให้เป็นข้าราชการประจำแทน
ผู้สื่อข่าวถามว่าทำไมถึงมองว่าเป็นความมั่นคงของพรรคการเมือง พล.ท.สุรพล กล่าวว่า ก็เป็นธรรมชาติการเมืองเขาก็มีวิธีต่างๆ ทั้งในกติกาและนอกกติกา ไม่ใช่ว่า เราหลับตาไม่รู้ไม่เห็น แต่ไม่ใช่ประเด็นที่เราจะไปโฟกัส เมื่อถามว่า ความเคลื่อนไหว ในเรื่องการขออภัยโทษเป็นการเล่นนอกหรือในกติกา นายสุรพล กล่าวว่า ถ้ามองประวัติศาสตร์ทางการเมืองประเทศไทยก็ผ่านมาเยอะ ถ้าเรามองว่าไม่มีอะไรหยุดนิ่งทุกอย่างก็พัฒนาไปเป็นธรรมชาติ
ทั้งนี้ ฎีกาเปิดผนึกดังกล่าวมีข้อความโดยสรุปว่า มีความทุกข์แสนสาหัสจากปัญหาเศรษฐกิจ อันมีปฐมเหตุมาจากการยึดอำนาจทางการเมืองเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2549 เพราะเป็นการทำลายระบอบการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง และต่อเนื่อง มาจนถึงปัจจุบัน เมื่อประกอบกับรัฐบาลปัจจุบันนี้เกิดขึ้นด้วยความไม่ชอบธรรมตามหลักประชาธิปไตย จึงไม่ได้รับความร่วมมือจากประชาชน ไม่อาจเป็นองค์กรหลักในการนำประเทศสู้ภัยเศรษฐกิจครั้งนี้ได้ แม้ตัวนายกรัฐมนตรีเองก็ไม่สามารถ เดินทางไปในหลายพื้นที่ของประเทศ
ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ถูกทำรัฐประหารแย่งอำนาจไป เป็นผู้มีความรู้ ความสามารถ และเป็นที่เชื่อถือศรัทธาของประชาชนว่าจะช่วยแก้ปัญหาบรรเทา ความทุกข์ความเดือดร้อนได้ ต้องลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศเพราะถูกกระทำโดยอำนาจเผด็จการใช้กฎหมายที่ไม่ต้องด้วยหลักนิติธรรมดำเนินคดี จึงกราบบังคมทูลถวายฎีกามา เพื่อทรงพระกรุณาอภัยโทษให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในคดีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก 2 ปีเสีย เพื่อจะได้กลับมาเป็นข้าทูลละอองธุลีพระบาททำประโยชน์ต่อแผ่นดิน
นายวีระ กล่าวว่า ผลการตอบรับจากประชาชนคนเสื้อแดงเป็นไปตามคาด และหากมีกระแสเรียกร้องมาอีกเป็นจำนวนมาก ก็อาจจะมีการเปิดโต๊ะรับลงนามเพิ่มแต่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเป็นที่ใด เนื่องจากได้จัดพิมพ์ฎีกาเปิดผนึกไว้เพียง 100,000 ชุด ที่เหลือต้องใช้วิธีการถ่ายเอกสารและส่งแฟ็กซ์แจกจ่ายให้พี่น้องคนเสื้อแดงในต่างจังหวัดเพิ่ม โดยขั้นตอนขณะนี้จะเป็นการแจกจ่ายเอกสารไปจนถึงวันที่ 10 ก.ค. จากนั้น ทยอยรับเอกสารกลับคืนในช่วงวันที่ 11-25 ก.ค. โดยเอกสารทุกฉบับจะมีการใส่พาน ที่สั่งทำเป็นพิเศษไว้ และจะเริ่มนับจำนวนให้ครบ 1 ล้านรายชื่อ ภายในวันที่ 31 ก.ค. ก่อนจะนำทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาในวันที่ 1 ส.ค. แต่ถ้าไม่ครบก็ยกเลิกภารกิจไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงดังกล่าว สอบคล้องกับการเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทย โดยในวานนี้ (2 ก.ค.) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในวันนี้ (3 ก.ค.) ตนจะเดินทางไปยื่นหนังสือถึง เลขาธิการสหประชาชน (ยูเอ็น) ผ่านสำนักงานยูเอ็นประจำประเทศไทย ให้พิจารณา ถึงการทำรัฐประหารในประเทศไทย เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2549 ล้มรัฐบาลที่มาจาก การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยถูกยึดอำนาจและถูกดำเนินคดี อย่างไม่ชอบธรรม หลังจากที่ก่อนหน้านี้เลขาธิการสหประชาชาติได้ทำการประณามการกระทำรัฐประหารภายในประเทศฮอนดูรัส พร้อมทั้งเรียกร้องให้คืนสิทธิแก่ คณะผู้แทนตามระบอบประชาธิปไตย รวมถึงคืนสิทธิให้ประชาชนมาแล้ว
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มเสื้อแดงล่ารายชื่อ 1ล้านรายชื่อเพื่อขออภัยโทษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า กลุ่มเสื้อแดงยังไม่ทำอะไรให้เดือดร้อน ส่วนเอกสารที่นำมาแจกในวันนี้ตนยังไม่เห็น แต่ถ้าเห็นก็จะนำมาดูเพื่อประดับความรู้
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การล่าชื่อ 1 ล้านชื่อเพื่อยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นการนำประเด็นนี้มาเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่ประกาศจะล่ารายชื่อ ให้ได้ภายใน 1 เดือนเพื่อสอดรับกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ระบุว่าจะเคลื่อนอีก 3 ครั้งคือที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กองทัพบก และทำเนียบรัฐบาล
อย่างไรก็ตามไม่อยากให้กลุ่มคนเหล่านี้ดึงการเมืองมาเกี่ยวข้องกับสถาบัน และอยากแนะนำให้คนที่ล่ารายชื่อไปล่ารายชื่อของ ส.ส.กลุ่มเพื่อไทยและแกนนำกลุ่มเสื้อแดงว่ากลุ่มคนเหล่านี้เห็นด้วยหรือไม่ ถ้าเห็นด้วยค่อยไปล่ารายชื่อกับประชาชน
จากที่ผมได้ตรวจสอบข้อเรียกร้องของนายวีระ มุกสิกพงษ์ และแกนนำ กลุ่มคนเสื้อแดงจะทูลเกล้าฯให้อภัยโทษนั้น พบว่าเป็นการทำเพื่อการเมืองล้วนๆ ไม่เกี่ยวกับความเดือดร้อนของประชาชนแต่อย่างใด ซึ่งอยากให้กลับไปดูรัฐธรรมนูญว่ามีประเพณีปฏิบัติอย่างนี้หรือไม่
นายเทพไท ยังกล่าวถึงกรณีผู้ที่รับผิดชอบคดีความ เหตุการณ์ชุมนุมของ กลุ่มเสื้อแดง เมื่อวันที่ 13 เม.ย.ที่ผ่านมา ที่ศาลอนุญาตให้ประกัน โดยไม่ให้ เคลื่อนไหวอีกว่า อยากถามว่าคนที่ขึ้นเวทีกลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อวันที่ 27 มิ.ย.และคนที่ล่ารายชื่อ ถือว่าออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองหรือไม่ อยากให้ศาลยื่นถอนประกันกลุ่มคนเหล่านี้
พล.ท.สุรพล เผื่อนอัยกา อดีตเลขาธิการสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ซึ่งเป็นนายทหารเตรียมทหารรุ่น 10 รุ่นเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กล่าวถึง การล่าชื่อ 1ล้านชื่อเพื่อถวายฎีกาขออภัยโทษให้พ.ต.ท.ทักษิณ จะกระทบต่อความมั่นคงหรือไม่ว่า กระทบแน่นอน แต่เป็นความมั่นคงของพรรคการเมืองระหว่างคู่แข่ง ไม่ใช่ประเด็นที่สมช. ควรต้องจับ เพราะสมช.ต้องดูแลความมั่นคงของชาติ แต่ถ้าไปดูงานความมั่นคงของรัฐบาลก็ต้องเปลี่ยนตัวเลขาฯให้เป็นข้าราชการประจำแทน
ผู้สื่อข่าวถามว่าทำไมถึงมองว่าเป็นความมั่นคงของพรรคการเมือง พล.ท.สุรพล กล่าวว่า ก็เป็นธรรมชาติการเมืองเขาก็มีวิธีต่างๆ ทั้งในกติกาและนอกกติกา ไม่ใช่ว่า เราหลับตาไม่รู้ไม่เห็น แต่ไม่ใช่ประเด็นที่เราจะไปโฟกัส เมื่อถามว่า ความเคลื่อนไหว ในเรื่องการขออภัยโทษเป็นการเล่นนอกหรือในกติกา นายสุรพล กล่าวว่า ถ้ามองประวัติศาสตร์ทางการเมืองประเทศไทยก็ผ่านมาเยอะ ถ้าเรามองว่าไม่มีอะไรหยุดนิ่งทุกอย่างก็พัฒนาไปเป็นธรรมชาติ