แม้ผมจะไม่ค่อยให้ราคากับโพลมากนัก แต่วันสองวันนี้มีโพล 2 โพล ที่สะท้อนความหมายทางการเมืองอย่างมีนัยสำคัญ
กรุงเทพโพลบอกว่า รัฐบาลได้คะแนน 4.06 จากคะแนนเต็ม 10
เอแบคโพล บอกว่า ร้อยละ 63.2 คิดว่ารัฐบาลทุกรัฐบาลมีการทุจริตคอร์รัปชันด้วยกันทั้งนั้น แต่ถ้าทุจริตคอร์รัปชันแล้วทำให้ประเทศชาติรุ่งเรือง ประชาชนกินดี อยู่ดี ก็ยอมรับได้
ความคิดที่สะท้อนผ่านเอแบคโพลกลายเป็นค่านิยมที่อันตรายครับ แต่มันก็คงเป็นผลพวงมาจากภาวะและความเป็นจริงที่ดำรงอยู่จากการทำงานของรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งต้องยอมรับความจริงว่า นอกจากมีข่าวคราวความไม่ชอบมาพากลแล้ว ยังทำงานไม่เป็นจริงๆ อีกด้วย
ผลสำรวจนี้ขานรับกับแนวคิดของทักษิณที่โฟนอินเข้ามาถี่ยิบในช่วงนี้ว่า รัฐบาลอภิสิทธิ์ล้มเหลวในทุกๆ ด้านไม่ว่า จะเป็นเรื่องเศรษฐกิจและสังคม สินค้าเกษตรราคาตกต่ำ คนตกงาน พ่อค้าขายของลำบาก ผู้มีอิทธิพลเยอะ หวยเถื่อนเยอะ ธนาคารไม่ปล่อยกู้
คนที่ไม่ชอบรัฐบาลชุดนี้ก็ย่อมจะต้องเชื่ออย่างแน่นอนว่า สิ่งที่ทักษิณพูดนั้นเป็นความจริง และคนที่หลงใหลคุณอภิสิทธิ์ก็ต้องเชื่อว่า สิ่งที่ทักษิณพูดไม่เป็นความจริง
คนที่รักทักษิณและคนที่รักอภิสิทธิ์ย่อมต้องมีความรู้สึกต่อโพลทั้งสองที่แตกต่างกัน แต่ปัญหาก็คือว่า ถ้าเราตัดความรักต่อทักษิณและต่ออภิสิทธิ์ออกไป คนที่รักประเทศไทยคิดอย่างไรกับเรื่องเหล่านี้
คะแนนที่รัฐบาลได้รับ 4 เต็ม 10 และเสียงโหยหารัฐบาลที่โกงก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้ทำงานเป็นนั้น มันน่าจะทำให้คนรักอภิสิทธิ์และรัฐบาลชุดนี้ฉุกคิดบ้างว่า เกิดอะไรขึ้นกับการบริหารประเทศในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาของรัฐบาลของเขา
เพราะวันนี้พวกเราหลายคนพยายามท้วงติงรัฐบาลอภิสิทธิ์ด้วยความหวังดี ก็จะถูกตอบโต้จากมิตรรักแฟนเพลงของคุณอภิสิทธิ์ว่า ถ้าเราไม่สนับสนุนรัฐบาลอภิสิทธิ์ในห้วงเวลานี้ จะทำให้ทักษิณและหุ่นเชิดของทักษิณกลับมามีอำนาจอีกครั้ง (มีคนบอกว่า ช่วงนี้วอร์รูมของประชาธิปัตย์ที่จ้างคนมานั่งโพสต์ข้อความในเว็บไซต์ต่างๆ ทำงานหนักมาก)
พอเราตั้งคำถามเพื่อให้รัฐบาลฉุกคิดก็จะถูกตอบโต้ว่า เป็นรัฐบาลเพิ่งจะ 6 เดือน ต้องตามล้างตามแก้ที่ทักษิณทำมาตั้ง 6 ปีจะเอาอะไรนักหนา แต่พอถามว่า รัฐบาลได้แก้ปัญหาอะไรที่เป็นวิกฤตของชาติไปบ้าง คำตอบ ก็คือ ยังไม่มี และพูดปลอบใจตัวเองว่า ต้องให้เวลารัฐบาลก่อน
หรือตอบโต้ว่า ถ้าไม่เอาอภิสิทธิ์จะเอาเฉลิมเป็นนายกฯ หรือ ซึ่งเป็นคำตอบโต้ที่น่าเบื่อและคนละเรื่องเดียวกัน
หรือกล่าวว่า คนเขียนวิจารณ์ด้วยปากกา ด้วยปากมันง่าย ลองมาเป็นนายกรัฐมนตรีเองบ้างซิ (คงลืมไปว่า คนเราย่อมมีอาชีพหน้าที่ที่แตกต่างกัน และลืมคิดว่า ถ้าเวลาพูดอย่างนี้ เกิดวันหนึ่งมีใครสักคนสวนว่า ก็ลองให้เป็นดูซิ ไม่รู้ว่าคนพูดจะไปอย่างไรต่อ)
บรรดาคนรักอภิสิทธิ์คงลืมไปว่า ตอนที่คุณอภิสิทธิ์ เป็นฝ่ายค้าน เคยวิจารณ์ระบอบทักษิณ นโยบายประชานิยม รถเมล์ NGV และหวยบนดินไว้อย่างรุนแรง แล้ววันนี้รัฐบาลอภิสิทธิ์กำลังทำอะไรบ้าง และกล้าตัดสินใจในเรื่องไหนบ้าง
คนเหล่านั้นลืมสุภาษิตไทยง่ายๆ ว่า รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี และไม่เข้าใจว่า สังคมที่ไม่แสดงความคิดเห็น ปิดกั้นความคิดเห็น และไม่รับฟังความคิดเห็นนั้นเป็นสังคมที่อันตราย
ผมเองก็เชียร์คุณอภิสิทธิ์ และยังเชียร์อยู่ ผมคิดว่า คุณอภิสิทธิ์น่าจะเป็นคนที่รับฟังและเปิดกว้าง แต่คนที่หลงรักคุณอภิสิทธิ์ชอบปิดหู ปิดตา ปิดใจ ไม่อยากรับฟัง
ผมคิดว่า คุณอภิสิทธิ์รู้นะครับว่า สังคมมีความขัดแย้งกันอยู่ เป็น “คนรักทักษิณ” กับ “คนเกลียดทักษิณ” ไม่ใช่เรื่องแดงกับเหลืองซึ่งเป็นเรื่องสมมติหรอกครับ
คำถามก็คือว่า ในเมื่อคุณอภิสิทธิ์รู้แล้ว แต่สิ่งที่คุณอภิสิทธิ์แสดงออก ผมคิดว่า คล้ายกับคุณอภิสิทธิ์ต้องการแสดงให้เห็นว่า เมื่อเป็นนายกรัฐมนตรีประเทศนี้แล้ว ก็ควรจะยืนอยู่ตรงกลางไม่เอนเอียงเข้าข้างใดข้างหนึ่ง ไม่แสดงออกให้ฝ่ายไหนที่เป็นฝ่ายผิดหรือฝ่ายถูก
ซึ่งน่าจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนในรัฐบาลพยายามแสดงให้เห็นว่า มีระยะห่างกับพันธมิตรฯ
คุณอภิสิทธิ์คิดว่า การปฏิบัติตัวเช่นนั้น จะทำให้คนที่รักทักษิณมีความรักในตัวคุณอภิสิทธิ์มากขึ้นหรือไม่ คำตอบคือ ไม่มีทาง และถามว่า ทำให้คนที่เกลียดทักษิณตั้งคำถามต่อตัวคุณอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ ผมคิดว่า ตอนนี้มีคนตั้งคำถามต่อตัวคุณอภิสิทธิ์มากเหลือเกินครับ
แน่นอนว่า คุณอภิสิทธิ์ต้องให้ความยุติธรรมกับคนที่รักทักษิณและคนที่เกลียดทักษิณ แต่คุณอภิสิทธิ์จะเป็นนายกรัฐมนตรีที่ไม่กล้าชี้ว่า ฝ่ายไหนผิดฝ่ายไหนถูกไม่ได้ ที่สำคัญ คุณอภิสิทธิ์ต้องกล้าพูดกับการเคลื่อนไหวที่กระทบต่อสถาบันเบื้องสูง ตราบที่คุณอภิสิทธิ์ยังคิดได้ว่า ปัจจุบันเราอยู่ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
คุณอภิสิทธิ์ต้องให้ความเป็นธรรมกับคนทุกฝ่าย ต้องทำให้สังคมมีความยุติธรรมที่ไม่เอนเอียง ไม่ว่าเขาจะชอบเราหรือเกลียดเรา แต่คุณอภิสิทธิ์ต้องกล้าตัดสินใจในสิ่งที่ผิดหรือถูกด้วย
บอกตรงๆ ว่า ผมออกประหลาดใจกับคำพูดของคุณอภิสิทธิ์ที่ตอบคำถามว่า ไม่ลงพื้นที่เหนือและอีสาน เพราะไม่อยากเป็นเงื่อนไขความขัดแย้ง เพราะคำพูดนี้ก็ไม่ต่างกับคำพูดของทักษิณที่บอกว่า จังหวัดไหนเลือกพรรคไทยรักไทย จะได้รับการดูแลก่อน
คนเป็นนายกรัฐมนตรีจะพูดทำนองนี้ไม่ได้ ไม่ว่า เขาจะเลือกเราหรือไม่เลือกเรา เช่นเดียวกัน คนเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศนี้ จะต้องสามารถเดินทางไปได้ทั่วทุกภูมิภาค ถ้ามี 2 ภาคที่นายกรัฐมนตรีเดินทางไปไม่ได้ แล้วจะเป็นนายกรัฐมนตรีไปทำไม
แถมเมื่อฟังดูแล้วเหมือนกับการไม่กล้าเผชิญปัญหา หนีปัญหามากกว่าการแก้ปัญหาด้วยซ้ำไป
ผมจำได้ว่า ตอนที่เป็นฝ่ายค้านนั้น คุณอภิสิทธิ์ กล้าที่จะแสดงความเห็นที่ไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ในบางเรื่อง คุณอภิสิทธิ์กล้าวิจารณ์ความฉ้อฉลของระบอบทักษิณ คุณอภิสิทธิ์กล้าที่จะเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับประชาชนที่ชุมนุมโดยสันติในวันที่ 7 ตุลาคม
แต่วันนี้คุณอภิสิทธิ์เอาแต่รักษาภาพ ระมัดระวังคำพูด ไม่กล้าแม้แต่แสดงความเห็นต่อการเคลื่อนไหวของ นปช.โดยเฉพาะประเด็นที่กระทบต่อสถาบันเบื้องสูง กระทั่งความเห็นต่อการเคลื่อนไหวของนักโทษชายทักษิณ แล้วยังเฉยเมยที่บางประเทศปล่อยให้ทักษิณใช้แผ่นดินของเขาในการโจมตีประเทศของเรา
คุณอภิสิทธิ์ไม่กล้าที่จะตัดสินใจในสิ่งที่ตัวเองเคยคัดค้าน และหลายเรื่องกำลังทำอย่างที่เคยวิจารณ์รัฐบาลระบอบทักษิณมาก่อน
บอกตรงๆ แม้ว่า ผมยังรักคุณอภิสิทธิ์ และไม่ว่า มิตรรักแฟนเพลงคุณอภิสิทธิ์จะโกรธผมหรือไม่ก็ตาม
ผมดูเหมือนตอนนี้คุณอภิสิทธิ์ปล่อยให้คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ บริหารประเทศ แล้วตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรีเดินสาย เป็นประธานเปิดงาน ตัดริบบิ้น และปาฐกถาไปวันๆ
กรุงเทพโพลบอกว่า รัฐบาลได้คะแนน 4.06 จากคะแนนเต็ม 10
เอแบคโพล บอกว่า ร้อยละ 63.2 คิดว่ารัฐบาลทุกรัฐบาลมีการทุจริตคอร์รัปชันด้วยกันทั้งนั้น แต่ถ้าทุจริตคอร์รัปชันแล้วทำให้ประเทศชาติรุ่งเรือง ประชาชนกินดี อยู่ดี ก็ยอมรับได้
ความคิดที่สะท้อนผ่านเอแบคโพลกลายเป็นค่านิยมที่อันตรายครับ แต่มันก็คงเป็นผลพวงมาจากภาวะและความเป็นจริงที่ดำรงอยู่จากการทำงานของรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งต้องยอมรับความจริงว่า นอกจากมีข่าวคราวความไม่ชอบมาพากลแล้ว ยังทำงานไม่เป็นจริงๆ อีกด้วย
ผลสำรวจนี้ขานรับกับแนวคิดของทักษิณที่โฟนอินเข้ามาถี่ยิบในช่วงนี้ว่า รัฐบาลอภิสิทธิ์ล้มเหลวในทุกๆ ด้านไม่ว่า จะเป็นเรื่องเศรษฐกิจและสังคม สินค้าเกษตรราคาตกต่ำ คนตกงาน พ่อค้าขายของลำบาก ผู้มีอิทธิพลเยอะ หวยเถื่อนเยอะ ธนาคารไม่ปล่อยกู้
คนที่ไม่ชอบรัฐบาลชุดนี้ก็ย่อมจะต้องเชื่ออย่างแน่นอนว่า สิ่งที่ทักษิณพูดนั้นเป็นความจริง และคนที่หลงใหลคุณอภิสิทธิ์ก็ต้องเชื่อว่า สิ่งที่ทักษิณพูดไม่เป็นความจริง
คนที่รักทักษิณและคนที่รักอภิสิทธิ์ย่อมต้องมีความรู้สึกต่อโพลทั้งสองที่แตกต่างกัน แต่ปัญหาก็คือว่า ถ้าเราตัดความรักต่อทักษิณและต่ออภิสิทธิ์ออกไป คนที่รักประเทศไทยคิดอย่างไรกับเรื่องเหล่านี้
คะแนนที่รัฐบาลได้รับ 4 เต็ม 10 และเสียงโหยหารัฐบาลที่โกงก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้ทำงานเป็นนั้น มันน่าจะทำให้คนรักอภิสิทธิ์และรัฐบาลชุดนี้ฉุกคิดบ้างว่า เกิดอะไรขึ้นกับการบริหารประเทศในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาของรัฐบาลของเขา
เพราะวันนี้พวกเราหลายคนพยายามท้วงติงรัฐบาลอภิสิทธิ์ด้วยความหวังดี ก็จะถูกตอบโต้จากมิตรรักแฟนเพลงของคุณอภิสิทธิ์ว่า ถ้าเราไม่สนับสนุนรัฐบาลอภิสิทธิ์ในห้วงเวลานี้ จะทำให้ทักษิณและหุ่นเชิดของทักษิณกลับมามีอำนาจอีกครั้ง (มีคนบอกว่า ช่วงนี้วอร์รูมของประชาธิปัตย์ที่จ้างคนมานั่งโพสต์ข้อความในเว็บไซต์ต่างๆ ทำงานหนักมาก)
พอเราตั้งคำถามเพื่อให้รัฐบาลฉุกคิดก็จะถูกตอบโต้ว่า เป็นรัฐบาลเพิ่งจะ 6 เดือน ต้องตามล้างตามแก้ที่ทักษิณทำมาตั้ง 6 ปีจะเอาอะไรนักหนา แต่พอถามว่า รัฐบาลได้แก้ปัญหาอะไรที่เป็นวิกฤตของชาติไปบ้าง คำตอบ ก็คือ ยังไม่มี และพูดปลอบใจตัวเองว่า ต้องให้เวลารัฐบาลก่อน
หรือตอบโต้ว่า ถ้าไม่เอาอภิสิทธิ์จะเอาเฉลิมเป็นนายกฯ หรือ ซึ่งเป็นคำตอบโต้ที่น่าเบื่อและคนละเรื่องเดียวกัน
หรือกล่าวว่า คนเขียนวิจารณ์ด้วยปากกา ด้วยปากมันง่าย ลองมาเป็นนายกรัฐมนตรีเองบ้างซิ (คงลืมไปว่า คนเราย่อมมีอาชีพหน้าที่ที่แตกต่างกัน และลืมคิดว่า ถ้าเวลาพูดอย่างนี้ เกิดวันหนึ่งมีใครสักคนสวนว่า ก็ลองให้เป็นดูซิ ไม่รู้ว่าคนพูดจะไปอย่างไรต่อ)
บรรดาคนรักอภิสิทธิ์คงลืมไปว่า ตอนที่คุณอภิสิทธิ์ เป็นฝ่ายค้าน เคยวิจารณ์ระบอบทักษิณ นโยบายประชานิยม รถเมล์ NGV และหวยบนดินไว้อย่างรุนแรง แล้ววันนี้รัฐบาลอภิสิทธิ์กำลังทำอะไรบ้าง และกล้าตัดสินใจในเรื่องไหนบ้าง
คนเหล่านั้นลืมสุภาษิตไทยง่ายๆ ว่า รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี และไม่เข้าใจว่า สังคมที่ไม่แสดงความคิดเห็น ปิดกั้นความคิดเห็น และไม่รับฟังความคิดเห็นนั้นเป็นสังคมที่อันตราย
ผมเองก็เชียร์คุณอภิสิทธิ์ และยังเชียร์อยู่ ผมคิดว่า คุณอภิสิทธิ์น่าจะเป็นคนที่รับฟังและเปิดกว้าง แต่คนที่หลงรักคุณอภิสิทธิ์ชอบปิดหู ปิดตา ปิดใจ ไม่อยากรับฟัง
ผมคิดว่า คุณอภิสิทธิ์รู้นะครับว่า สังคมมีความขัดแย้งกันอยู่ เป็น “คนรักทักษิณ” กับ “คนเกลียดทักษิณ” ไม่ใช่เรื่องแดงกับเหลืองซึ่งเป็นเรื่องสมมติหรอกครับ
คำถามก็คือว่า ในเมื่อคุณอภิสิทธิ์รู้แล้ว แต่สิ่งที่คุณอภิสิทธิ์แสดงออก ผมคิดว่า คล้ายกับคุณอภิสิทธิ์ต้องการแสดงให้เห็นว่า เมื่อเป็นนายกรัฐมนตรีประเทศนี้แล้ว ก็ควรจะยืนอยู่ตรงกลางไม่เอนเอียงเข้าข้างใดข้างหนึ่ง ไม่แสดงออกให้ฝ่ายไหนที่เป็นฝ่ายผิดหรือฝ่ายถูก
ซึ่งน่าจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนในรัฐบาลพยายามแสดงให้เห็นว่า มีระยะห่างกับพันธมิตรฯ
คุณอภิสิทธิ์คิดว่า การปฏิบัติตัวเช่นนั้น จะทำให้คนที่รักทักษิณมีความรักในตัวคุณอภิสิทธิ์มากขึ้นหรือไม่ คำตอบคือ ไม่มีทาง และถามว่า ทำให้คนที่เกลียดทักษิณตั้งคำถามต่อตัวคุณอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ ผมคิดว่า ตอนนี้มีคนตั้งคำถามต่อตัวคุณอภิสิทธิ์มากเหลือเกินครับ
แน่นอนว่า คุณอภิสิทธิ์ต้องให้ความยุติธรรมกับคนที่รักทักษิณและคนที่เกลียดทักษิณ แต่คุณอภิสิทธิ์จะเป็นนายกรัฐมนตรีที่ไม่กล้าชี้ว่า ฝ่ายไหนผิดฝ่ายไหนถูกไม่ได้ ที่สำคัญ คุณอภิสิทธิ์ต้องกล้าพูดกับการเคลื่อนไหวที่กระทบต่อสถาบันเบื้องสูง ตราบที่คุณอภิสิทธิ์ยังคิดได้ว่า ปัจจุบันเราอยู่ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
คุณอภิสิทธิ์ต้องให้ความเป็นธรรมกับคนทุกฝ่าย ต้องทำให้สังคมมีความยุติธรรมที่ไม่เอนเอียง ไม่ว่าเขาจะชอบเราหรือเกลียดเรา แต่คุณอภิสิทธิ์ต้องกล้าตัดสินใจในสิ่งที่ผิดหรือถูกด้วย
บอกตรงๆ ว่า ผมออกประหลาดใจกับคำพูดของคุณอภิสิทธิ์ที่ตอบคำถามว่า ไม่ลงพื้นที่เหนือและอีสาน เพราะไม่อยากเป็นเงื่อนไขความขัดแย้ง เพราะคำพูดนี้ก็ไม่ต่างกับคำพูดของทักษิณที่บอกว่า จังหวัดไหนเลือกพรรคไทยรักไทย จะได้รับการดูแลก่อน
คนเป็นนายกรัฐมนตรีจะพูดทำนองนี้ไม่ได้ ไม่ว่า เขาจะเลือกเราหรือไม่เลือกเรา เช่นเดียวกัน คนเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศนี้ จะต้องสามารถเดินทางไปได้ทั่วทุกภูมิภาค ถ้ามี 2 ภาคที่นายกรัฐมนตรีเดินทางไปไม่ได้ แล้วจะเป็นนายกรัฐมนตรีไปทำไม
แถมเมื่อฟังดูแล้วเหมือนกับการไม่กล้าเผชิญปัญหา หนีปัญหามากกว่าการแก้ปัญหาด้วยซ้ำไป
ผมจำได้ว่า ตอนที่เป็นฝ่ายค้านนั้น คุณอภิสิทธิ์ กล้าที่จะแสดงความเห็นที่ไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ในบางเรื่อง คุณอภิสิทธิ์กล้าวิจารณ์ความฉ้อฉลของระบอบทักษิณ คุณอภิสิทธิ์กล้าที่จะเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับประชาชนที่ชุมนุมโดยสันติในวันที่ 7 ตุลาคม
แต่วันนี้คุณอภิสิทธิ์เอาแต่รักษาภาพ ระมัดระวังคำพูด ไม่กล้าแม้แต่แสดงความเห็นต่อการเคลื่อนไหวของ นปช.โดยเฉพาะประเด็นที่กระทบต่อสถาบันเบื้องสูง กระทั่งความเห็นต่อการเคลื่อนไหวของนักโทษชายทักษิณ แล้วยังเฉยเมยที่บางประเทศปล่อยให้ทักษิณใช้แผ่นดินของเขาในการโจมตีประเทศของเรา
คุณอภิสิทธิ์ไม่กล้าที่จะตัดสินใจในสิ่งที่ตัวเองเคยคัดค้าน และหลายเรื่องกำลังทำอย่างที่เคยวิจารณ์รัฐบาลระบอบทักษิณมาก่อน
บอกตรงๆ แม้ว่า ผมยังรักคุณอภิสิทธิ์ และไม่ว่า มิตรรักแฟนเพลงคุณอภิสิทธิ์จะโกรธผมหรือไม่ก็ตาม
ผมดูเหมือนตอนนี้คุณอภิสิทธิ์ปล่อยให้คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ บริหารประเทศ แล้วตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรีเดินสาย เป็นประธานเปิดงาน ตัดริบบิ้น และปาฐกถาไปวันๆ
