00 เริ่มเข้าด้ายเข้าเข็มกันอีกแล้วพี่น้อง แม้ว่าตามปกติทั่วไปหากเป็นช่วงปิดสมัยประชุมสภาในสมัยก่อน ก็จะเป็นช่วงที่รัฐบาลจะได้มีโอกาสได้หายใจทั่วท้องมากขึ้น เพราะจะไม่มีเรื่องในสภามาวอแว กวนใจ และสำหรับรัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หากดูตามกรอบและข้อกำหนดตามรัฐธรรมนูญแล้ว แม้ว่าจะเปิดประชุมสมัยหน้าก็ยังเป็นสมัยประชุมนิติบัญญัติเสียอีก นั่นหมายความว่าทำได้แค่อภิปรายหรือลงมติเฉพาะกฎหมายเท่านั้น แต่จะยื่นญัตติ “ซักฟอก” ล้มรัฐบาลไม่ได้
00 แต่ในความเป็นจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะหากพิจารณาตามสถานการณ์แล้ว “หนุ่มมาร์ค” ต้องเตรียมตัวรับศึกหนักตลอดไป ซึ่งก็เป็นศึกเดิมคือ ศึกจากนักโทษหนีคุก ทักษิณ ชินวัตร ที่ยังไม่ยอมเลิก ล่าสุดแว่วๆมาว่าจะเปิด “ก๊อกสอง” ล้มรัฐบาลภายใน 3 เดือน จะทุ่มเทสรรพกำลังกดดันทั้งบน ทั้งล่าง
00 หลังจากได้น้ำได้เนื้อมาจากการชนะเลือกตั้งซ่อมที่ สกลฯ-ศรีสะเกษ ก็ยิ่งฮึกเหิมมั่นใจว่าพี่น้องอีสานยังอุ้มชูอยู่ไม่เสื่อมคลาย นี่แหละคือสาเหตุสำคัญที่ต้องรีบรวบรัดปิดเกม นอกเหนือจากเรื่องโรคภัยไข้เจ็บที่ “วงใน” ย้ำว่า กำลังรุมเร้ามาอีกทาง
00 เห็นชัดๆก็คือเริ่ม“โฟนอิน”ปลุกระดมเข้ามาถี่ยิบ พร้อมๆกับไฟเขียวให้ “3 เกลอ” พากลุ่มเสื้อแดงมาชุมนุม และเตรียมบุกล้อมทำเนียบฯ อีกรอบ ขณะเดียวกันก็เปิดเกมรุกล่ารายชื่อถวายฎีกา เพื่อขอพระราชทานอภัยโทษความผิดให้กับตัวเอง โดยไม่สนใจว่าในความเป็นจริงแล้วเป็นไปไม่ได้ ซึ่งหลายคนประเมินว่า เป็นเกมกดดันที่ “เหิมเกริม” อย่างยิ่ง ทั้งคนที่สั่งให้ทำและคนที่ “หน้ามืด” ยอมทำตามคำสั่ง
00 มองในมุมของฝ่ายรัฐบาลบ้าง ก็ต้องโฟกัสไปที่ความเคลื่อนไหวของ นายกฯอภิสิทธิ์ เพราะถ้าสังเกตให้ดี เริ่มก็จะเห็นการเปิดเกมรุกกลับอย่างเงียบๆ ทั้งด้านสื่อที่เล่นเกมเชิญ “วีระ มุสิกพงศ์” มาเป็นพิธีกรรายการเชื่อมั่นประเทศไทยฯ ล่าสุดก็ออกคำสั่งสายฟ้าแลบปลด “พล.ท.สุรพล เผื่อนอัยกา” ตท.10 “เพื่อนแม้ว” พ้นจากเก้าอี้ เลขาฯสมช. นัยว่างานนี้ต้องการ “กระชับอำนาจ” ด้านความมั่นคงด้วยตัวเอง
00 หันมาทางอำนาจในวงการ “สีกากี”บ้าง เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าเชื่อมโยงกับการเมืองอย่างเลี่ยงไม่พ้น และในยุคที่น้องคุมตำรวจ ส่วนพี่คุมกองทัพมันก็ยิ่งน่าสนใจ ใช่แล้วหมายถึง “พัชรวาท-ประวิตร” หรือจะพ่วง อนุพงษ์ เข้าไปอีกคนก็ได้ เพราะเป็นเรื่องเดียวกันนั่นแหละโยม
00 ว่ากันว่าการปรับโครงสร้างตำรวจเที่ยวนี้มุ่งเน้นเพิ่มอำนาจให้กับ ผบ.ตร.ล้วนๆ และกำลังถูกจับจ้องก็คือจะมีรายการฉีกธรรมเนียมปฏิบัติ มีการโยกย้ายเพื่อสืบทอดอำนาจหลังเกษียณหรือไม่ เพราะในอดีตตามกติกามารยาทแล้วยังไม่มีใครทำ เพราะจะเปิดโอกาสให้ ผบ.ตร.คนใหม่เข้ามาใช้ดุลพินิจ แต่ที่หนักข้อไปกว่านั้นก็คือ ตอนนี้มีการวางตัวบุคคลรอรองรับเอาไว้เต็มพรึบแล้ว ทั้งที่ พ.ร.บ.ปรับโครงสร้างยังไม่ผ่านขั้นตอนสุดท้าย ยังไม่มีผลในทางปฏิบัติ
00 นี่ก็มีเรื่องให้ลุ้นสำหรับกรณีเข้าพบรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง สุเทพ เทือกสุบรรณ ของรอง“ธานี สมบูรณ์ทรัพย์” ที่ทำเนียบฯ เมื่อสองสามวันก่อน พอถามว่าเกี่ยวกับคดีลอบยิง “สนธิ ลิ้มทองกุล” หรือเปล่า ก็ใบ้กิน แต่เอาเป็นว่าเร็วๆนี้ น่าจะมีหมายจับ “คนมีสี” 4-5 ราย ส่วนจะสืบสาวไปไกลแค่ไหน ก็ให้จับตาดูดีๆ !!
00 แต่ในความเป็นจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะหากพิจารณาตามสถานการณ์แล้ว “หนุ่มมาร์ค” ต้องเตรียมตัวรับศึกหนักตลอดไป ซึ่งก็เป็นศึกเดิมคือ ศึกจากนักโทษหนีคุก ทักษิณ ชินวัตร ที่ยังไม่ยอมเลิก ล่าสุดแว่วๆมาว่าจะเปิด “ก๊อกสอง” ล้มรัฐบาลภายใน 3 เดือน จะทุ่มเทสรรพกำลังกดดันทั้งบน ทั้งล่าง
00 หลังจากได้น้ำได้เนื้อมาจากการชนะเลือกตั้งซ่อมที่ สกลฯ-ศรีสะเกษ ก็ยิ่งฮึกเหิมมั่นใจว่าพี่น้องอีสานยังอุ้มชูอยู่ไม่เสื่อมคลาย นี่แหละคือสาเหตุสำคัญที่ต้องรีบรวบรัดปิดเกม นอกเหนือจากเรื่องโรคภัยไข้เจ็บที่ “วงใน” ย้ำว่า กำลังรุมเร้ามาอีกทาง
00 เห็นชัดๆก็คือเริ่ม“โฟนอิน”ปลุกระดมเข้ามาถี่ยิบ พร้อมๆกับไฟเขียวให้ “3 เกลอ” พากลุ่มเสื้อแดงมาชุมนุม และเตรียมบุกล้อมทำเนียบฯ อีกรอบ ขณะเดียวกันก็เปิดเกมรุกล่ารายชื่อถวายฎีกา เพื่อขอพระราชทานอภัยโทษความผิดให้กับตัวเอง โดยไม่สนใจว่าในความเป็นจริงแล้วเป็นไปไม่ได้ ซึ่งหลายคนประเมินว่า เป็นเกมกดดันที่ “เหิมเกริม” อย่างยิ่ง ทั้งคนที่สั่งให้ทำและคนที่ “หน้ามืด” ยอมทำตามคำสั่ง
00 มองในมุมของฝ่ายรัฐบาลบ้าง ก็ต้องโฟกัสไปที่ความเคลื่อนไหวของ นายกฯอภิสิทธิ์ เพราะถ้าสังเกตให้ดี เริ่มก็จะเห็นการเปิดเกมรุกกลับอย่างเงียบๆ ทั้งด้านสื่อที่เล่นเกมเชิญ “วีระ มุสิกพงศ์” มาเป็นพิธีกรรายการเชื่อมั่นประเทศไทยฯ ล่าสุดก็ออกคำสั่งสายฟ้าแลบปลด “พล.ท.สุรพล เผื่อนอัยกา” ตท.10 “เพื่อนแม้ว” พ้นจากเก้าอี้ เลขาฯสมช. นัยว่างานนี้ต้องการ “กระชับอำนาจ” ด้านความมั่นคงด้วยตัวเอง
00 หันมาทางอำนาจในวงการ “สีกากี”บ้าง เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าเชื่อมโยงกับการเมืองอย่างเลี่ยงไม่พ้น และในยุคที่น้องคุมตำรวจ ส่วนพี่คุมกองทัพมันก็ยิ่งน่าสนใจ ใช่แล้วหมายถึง “พัชรวาท-ประวิตร” หรือจะพ่วง อนุพงษ์ เข้าไปอีกคนก็ได้ เพราะเป็นเรื่องเดียวกันนั่นแหละโยม
00 ว่ากันว่าการปรับโครงสร้างตำรวจเที่ยวนี้มุ่งเน้นเพิ่มอำนาจให้กับ ผบ.ตร.ล้วนๆ และกำลังถูกจับจ้องก็คือจะมีรายการฉีกธรรมเนียมปฏิบัติ มีการโยกย้ายเพื่อสืบทอดอำนาจหลังเกษียณหรือไม่ เพราะในอดีตตามกติกามารยาทแล้วยังไม่มีใครทำ เพราะจะเปิดโอกาสให้ ผบ.ตร.คนใหม่เข้ามาใช้ดุลพินิจ แต่ที่หนักข้อไปกว่านั้นก็คือ ตอนนี้มีการวางตัวบุคคลรอรองรับเอาไว้เต็มพรึบแล้ว ทั้งที่ พ.ร.บ.ปรับโครงสร้างยังไม่ผ่านขั้นตอนสุดท้าย ยังไม่มีผลในทางปฏิบัติ
00 นี่ก็มีเรื่องให้ลุ้นสำหรับกรณีเข้าพบรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง สุเทพ เทือกสุบรรณ ของรอง“ธานี สมบูรณ์ทรัพย์” ที่ทำเนียบฯ เมื่อสองสามวันก่อน พอถามว่าเกี่ยวกับคดีลอบยิง “สนธิ ลิ้มทองกุล” หรือเปล่า ก็ใบ้กิน แต่เอาเป็นว่าเร็วๆนี้ น่าจะมีหมายจับ “คนมีสี” 4-5 ราย ส่วนจะสืบสาวไปไกลแค่ไหน ก็ให้จับตาดูดีๆ !!