รอยเตอร์ - เบอร์นาร์ด แมดอฟฟ์ นักการเงินคนสำคัญของสหรัฐฯที่เคยเป็นอดีตประธานตลาดหลักทรัพย์แนสแดค เมื่อวันจันทร์(29)ถูกตัดสินจำคุกนานถึง 150 ปี อันเป็นระวางโทษสูงสุด โดยผู้พิพากษาให้เหตุผลว่า การฉ้อโกงในลักษณะประกอบกิจการแชร์ลูกโซ่ของเขาที่คาดกันว่ามีมูลค่าสูงถึง 65,000 ล้านดอลลาร์ จนกลายเป็นคดีฉ้อโกงรายใหญ่ที่สุดและโจ๋งครึ่มที่สุดของวอลล์สตรีทนั้น เป็นอาชญากรรมที่ "ชั่วร้ายอย่างสุดแสน"
พวกนักลงทุนผู้สิ้นเนื้อประดาตัวที่เข้าไปรับฟังการพิพากษาของศาลชั้นต้นในนครนิวยอร์ก ต่างพากันส่งเสียงเชียร์และปรบมือกันยกใหญ่เมื่อผู้พิพากษาอ่านระวางลงโทษจบลง
ขณะที่แมดอฟฟ์ซึ่งปัจจุบันอยู่ในวัย 71 ปี ยืนฟังอย่างเงียบสงบ เขาไม่แสดงท่าทีใดๆ แม้เมื่อได้ยินคำตัดสินที่จะทำให้เขาต้องจบชีวิตในคุก
แมดอฟฟ์ผู้เคยเป็นประธานตลาดหลักทรัพย์แนสแดค และมีคนนับหน้าถือตามากมาย ได้ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำแห่งหนึ่งของแมนแฮตตันตั้งแต่เดือนมีนาคม หลังจากที่เขายอมรับสารภาพความผิดใน 11 กระทง ซึ่งมีตั้งแต่ฉ้อโกงหลักทรัพย์, ฟอกเงิน, ไปจนถึงให้การเท็จ
"นี่เป็นการส่งสัญญาณออกไปว่า อาชญากรรมในกรณีเช่นเดียวกับแมดอฟฟ์นั้น เป็นความชั่วร้ายอย่างสุดแสน" เดนนี ชิน ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นในคดีนี้แถลง "ดังนั้นผลของการละเมิด(การที่พวกนักลงทุนให้)ความไว้วางใจ จึงต้องสาหัสด้วยเช่นกัน" ทั้งนี้ชินไม่ยอมรับข้อเสนอของทนายความแมดอฟฟ์ที่จะให้จำคุกเพียง 12 ปี
"ศาลไม่ได้รู้สึกเลยว่ามิสเตอร์แมดอฟฟ์ได้พยายามทำทุกอย่างที่เขาสามารถทำได้แล้ว หรือบอกทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทราบ"
แมดอฟฟ์แต่งกายด้วยชุดสูทสีดำเทาอันเป็นสัญลักษณ์ของตัวเขาตลอดมา พร้อมสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวและผูกไท แทนที่จะเป็นชุดนักโทษ เขานั่งนิ่งตลอดเวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่งที่บรรดาเหยื่อของเขาขึ้นมาให้การ และเรียกเขาว่า "สัตว์ร้าย" "สัตว์" และ "พวกเลวชาติ"
เขาเอ่ยปากขอโทษ โดยมีช่วงหนึ่งเขาหันไปหาผู้คน 250 คนที่อยู่ให้ห้องพิจารณาคดี
"ผมจะมีชีวิตอยู่กับความเจ็บปวดนี้ กับความทุกข์ทรมานนี้จนตลอดชีวิตของผม" เขากล่าว "ผมจะอยู่อย่างทรมาน ซึมซับเอาความเจ็บปวดนี้เข้าไป และมีความทุกข์จากสิ่งที่ผมทำขึ้นมาเอง"
แมดอฟฟ์ซึ่งถูกกล่าวหาว่าฉ้อโกงนักลงทุนในทั่วโลกเป็นมูลค่าที่อาจสูงถึง 65,000 ล้านดอลลาร์ บอกว่า "ในการดำเนินธุรกิจแบบผม เมื่อคุณตัดสินใจซื้อขายผิดพลาด คุณต้องยอมรับมัน ข้อผิดพลาดของผมนั้นร้ายแรงกว่าใคร มาจากการตัดสินใจผิดพลาดของตัวเอง"
อดีตนักการเงินผู้ได้รับการนับหน้าถือตาอย่างมากผู้นี้ ถูกจับกุมเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ในขณะที่นักลงทุนกำลังรู้สึกถึงแรงบีบคั้นของวิกฤตการเงินและเศรษฐกิจที่ร้ายแรงที่สุดในรอบมากกว่า 70 ปีอยู่แล้ว
คดีนี้ยังทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ(เอสอีซี) ซึ่งถูกกล่าวหาว่าละเลยเพิกเฉยแม้มีเบาะแสมาก่อนแล้วหลายอย่างเกี่ยวกับความไม่ชอบมาพากลในการลงทุนของแมดอฟฟ์ จนกระทำเกิดความเสียหายมหาศาลขนาดนี้
ยังไม่มีใครรู้ว่าแมดอฟฟ์จะถูกส่งไปอยู่เรือนจำแห่งใดกันแน่ สำหรับความผิดที่ฝ่ายอัยการบอกว่า เป็นการฉ้อโกงพวกนักลงทุนจำนวนน้อยและมั่งคั่ง รวมทั้งองค์การการกุศล และสถาบันทางการเงินต่างๆ ในทั่วโลก
ระหว่างการพิจารณาคดีเพื่อกำหนดระวางโทษในวันจันทร์ ผู้พิพากษาชินได้รับฟังคำแถลงของเหยื่อของแมดอฟฟ์รวม 9 ราย หลายคนต้องสูญเสียเงินที่ออมมาชั่วชีวิต ถูกบีบให้ขายบ้าน หรือต้องไปพึ่งพาโครงการสงเคราะห์ด้านอาหารของรัฐบาล
"ผมเพียงแต่หวังว่าโทษจำคุกของเขาจะนานพอจนห้องขังกลายมาเป็นโลงศพของเขา" ไมเคิล ชวาร์ซ วัย 33 กล่าว เขาบอกว่าอีกว่าครอบครัวของเขาถูกปล้นเงินเก็บที่จะใช้เป็นค่ารักษาน้องชายสติไม่สมประกอบของเขา
ทางด้านทำเนียบขาวก็ได้ออกมาแถลงว่า ผู้พิพากษาคดีนี้ส่งสัญญาณอันแรงกล้าไปถึงผู้คนที่กำลังดูแลเงินของคนอื่นอยู่
"ผมเดาเอาว่าข้อความนี้จะได้ยินกันชัดเจนและถ้วนทั่ว" รอเบิร์ต กิบส์ โฆษกของประธานาธิบดีบารัค โอบามากล่าว
แมดอฟฟ์ถูกจับในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว หลังจากลูกชายของเขา 2 คนแจ้งต่อทางการว่า เขาสารภาพกับพวกลูก ๆว่าอาณาจักรการลงทุนของเขานั้นเป็นเรื่องหลอกลวง
อัยการชี้ว่า เบอร์นาร์ด แอล แมดอฟฟ์ อินเวสเมนท์ ซีเคียวริตี แสดงบัญชีลงทุนมูลค่า 65,000 ล้านต่อนักลงทุนเพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่เขาจะถูกจับ แต่คณะกรรมการที่เข้าไปตรวจสอบบริษัทพบเงินที่จะคืนให้แก่นักลงทุนเพียงแค่ 1,200 ล้านดอลลาร์เท่านั้น
ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา มีเงินทุนรวมแล้วราว 170,000 ล้านดอลลาร์ ไหลเข้าออกในบัญชีหลักของแมดอฟฟ์ และศาลก็พิพากษาให้เขาคืนเงินเหล่านั้นให้แก่นักลงทุน ซึ่งก็คงจะเป็นคำพิพากษาในเชิงสัญลักษณ์เท่านั้น
ผู้พิพากษาชินบอกว่า แม้ตัดสินโทษจำคุกให้น้อยกว่านี้ ก็อาจเพียงพอทำให้แมดอฟฟ์ต้องอยู่ในคุกตลอดชีวิตแล้ว แต่เขาก็เห็นว่าแมดอฟฟ์สมควรที่จะได้รับโทษสูงสุดที่ปกติเอาไว้ลงโทษหัวหน้าแก๊งอาชญากรรมต่าง ๆเท่านั้น
ผู้พิพากษากล่าวอีกว่า เขาไม่เคยได้รับจดหมายที่เขียนแก้ต่างขอบรรเทาโทษให้แมดอฟฟ์ว่า เป็นคนจิตใจดีหรือเคยทำงานการกุศลเลย"ซึ่งก็แสดงให้เห็นอะไรหลายอย่าง" ชินกล่าว
ส่วนทนายความของแมดอฟฟ์บอกว่า ลูกความของเขายังไม่ตัดสินใจว่าจะอุทธรณ์บทลงโทษครั้งนี้หรือไม่ และในวันอ่านคำพิพากษา ก็ไม่มีคนในครอบครัวของแมดอฟฟ์เข้ามารับฟังเลย เฉกเช่นเดียวกับการปรากฏตัวในศาลครั้งก่อนๆ ของแมดอฟฟ์
แมดอฟฟ์ให้การว่าเขาทำเรื่องนี้เพียงคนเดียว บุคคลอีกผู้หนึ่งที่ถูกตั้งข้อหาอาญาในคดีนี้ด้วยคือนักบัญชาที่เป็นคนนอกบริษัท สำหรับน้องชายคนหนึ่งและบุตรชายอีก 2 คนของแดอฟฟ์ ซึ่งต่างทำงานอยู่ในระดับผู้บริหารของกิจการโบรกเกอร์ในบริษัทของแมดอฟฟ์นั้น ต่างแถลงว่าพวกเขาไม่ได้รู้เห็นไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องการบริหารการลงทุนอย่างฉ้อฉลเช่นนี้เลย
รูธ ภรรยาวัย 68 ของเขา ก็ไม่ได้ถูกกล่าวหาว่ามีความผิดใด ๆ แต่เธอถูกบรรดานักลงทุนแสดงความเกลียดชัง เพื่อนฝูงเมินหน้า และถูกสื่อติดตามอยู่ตลอดเวลา และเมื่อวันจันทร์ (29)นี้เอง เธอได้ออกคำแถลงเป็นครั้งแรกว่า เธอถูก "หักหลังและทำให้สับสน" โดยการฉ้อโกงของสามีของเธอ
รูธ แมดอฟฟ์จะมีเงินเหลือไว้ใช้ราว 2.5 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ตามข้อตกลงที่ทำกับฝ่ายอัยการ โดยที่ทรัพย์สินของเธอกับแมดอฟฟ์ที่มีมูลค่าราว 80 ล้านดอลลาร์จะถูกยึด
พวกนักลงทุนผู้สิ้นเนื้อประดาตัวที่เข้าไปรับฟังการพิพากษาของศาลชั้นต้นในนครนิวยอร์ก ต่างพากันส่งเสียงเชียร์และปรบมือกันยกใหญ่เมื่อผู้พิพากษาอ่านระวางลงโทษจบลง
ขณะที่แมดอฟฟ์ซึ่งปัจจุบันอยู่ในวัย 71 ปี ยืนฟังอย่างเงียบสงบ เขาไม่แสดงท่าทีใดๆ แม้เมื่อได้ยินคำตัดสินที่จะทำให้เขาต้องจบชีวิตในคุก
แมดอฟฟ์ผู้เคยเป็นประธานตลาดหลักทรัพย์แนสแดค และมีคนนับหน้าถือตามากมาย ได้ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำแห่งหนึ่งของแมนแฮตตันตั้งแต่เดือนมีนาคม หลังจากที่เขายอมรับสารภาพความผิดใน 11 กระทง ซึ่งมีตั้งแต่ฉ้อโกงหลักทรัพย์, ฟอกเงิน, ไปจนถึงให้การเท็จ
"นี่เป็นการส่งสัญญาณออกไปว่า อาชญากรรมในกรณีเช่นเดียวกับแมดอฟฟ์นั้น เป็นความชั่วร้ายอย่างสุดแสน" เดนนี ชิน ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นในคดีนี้แถลง "ดังนั้นผลของการละเมิด(การที่พวกนักลงทุนให้)ความไว้วางใจ จึงต้องสาหัสด้วยเช่นกัน" ทั้งนี้ชินไม่ยอมรับข้อเสนอของทนายความแมดอฟฟ์ที่จะให้จำคุกเพียง 12 ปี
"ศาลไม่ได้รู้สึกเลยว่ามิสเตอร์แมดอฟฟ์ได้พยายามทำทุกอย่างที่เขาสามารถทำได้แล้ว หรือบอกทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทราบ"
แมดอฟฟ์แต่งกายด้วยชุดสูทสีดำเทาอันเป็นสัญลักษณ์ของตัวเขาตลอดมา พร้อมสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวและผูกไท แทนที่จะเป็นชุดนักโทษ เขานั่งนิ่งตลอดเวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่งที่บรรดาเหยื่อของเขาขึ้นมาให้การ และเรียกเขาว่า "สัตว์ร้าย" "สัตว์" และ "พวกเลวชาติ"
เขาเอ่ยปากขอโทษ โดยมีช่วงหนึ่งเขาหันไปหาผู้คน 250 คนที่อยู่ให้ห้องพิจารณาคดี
"ผมจะมีชีวิตอยู่กับความเจ็บปวดนี้ กับความทุกข์ทรมานนี้จนตลอดชีวิตของผม" เขากล่าว "ผมจะอยู่อย่างทรมาน ซึมซับเอาความเจ็บปวดนี้เข้าไป และมีความทุกข์จากสิ่งที่ผมทำขึ้นมาเอง"
แมดอฟฟ์ซึ่งถูกกล่าวหาว่าฉ้อโกงนักลงทุนในทั่วโลกเป็นมูลค่าที่อาจสูงถึง 65,000 ล้านดอลลาร์ บอกว่า "ในการดำเนินธุรกิจแบบผม เมื่อคุณตัดสินใจซื้อขายผิดพลาด คุณต้องยอมรับมัน ข้อผิดพลาดของผมนั้นร้ายแรงกว่าใคร มาจากการตัดสินใจผิดพลาดของตัวเอง"
อดีตนักการเงินผู้ได้รับการนับหน้าถือตาอย่างมากผู้นี้ ถูกจับกุมเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ในขณะที่นักลงทุนกำลังรู้สึกถึงแรงบีบคั้นของวิกฤตการเงินและเศรษฐกิจที่ร้ายแรงที่สุดในรอบมากกว่า 70 ปีอยู่แล้ว
คดีนี้ยังทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ(เอสอีซี) ซึ่งถูกกล่าวหาว่าละเลยเพิกเฉยแม้มีเบาะแสมาก่อนแล้วหลายอย่างเกี่ยวกับความไม่ชอบมาพากลในการลงทุนของแมดอฟฟ์ จนกระทำเกิดความเสียหายมหาศาลขนาดนี้
ยังไม่มีใครรู้ว่าแมดอฟฟ์จะถูกส่งไปอยู่เรือนจำแห่งใดกันแน่ สำหรับความผิดที่ฝ่ายอัยการบอกว่า เป็นการฉ้อโกงพวกนักลงทุนจำนวนน้อยและมั่งคั่ง รวมทั้งองค์การการกุศล และสถาบันทางการเงินต่างๆ ในทั่วโลก
ระหว่างการพิจารณาคดีเพื่อกำหนดระวางโทษในวันจันทร์ ผู้พิพากษาชินได้รับฟังคำแถลงของเหยื่อของแมดอฟฟ์รวม 9 ราย หลายคนต้องสูญเสียเงินที่ออมมาชั่วชีวิต ถูกบีบให้ขายบ้าน หรือต้องไปพึ่งพาโครงการสงเคราะห์ด้านอาหารของรัฐบาล
"ผมเพียงแต่หวังว่าโทษจำคุกของเขาจะนานพอจนห้องขังกลายมาเป็นโลงศพของเขา" ไมเคิล ชวาร์ซ วัย 33 กล่าว เขาบอกว่าอีกว่าครอบครัวของเขาถูกปล้นเงินเก็บที่จะใช้เป็นค่ารักษาน้องชายสติไม่สมประกอบของเขา
ทางด้านทำเนียบขาวก็ได้ออกมาแถลงว่า ผู้พิพากษาคดีนี้ส่งสัญญาณอันแรงกล้าไปถึงผู้คนที่กำลังดูแลเงินของคนอื่นอยู่
"ผมเดาเอาว่าข้อความนี้จะได้ยินกันชัดเจนและถ้วนทั่ว" รอเบิร์ต กิบส์ โฆษกของประธานาธิบดีบารัค โอบามากล่าว
แมดอฟฟ์ถูกจับในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว หลังจากลูกชายของเขา 2 คนแจ้งต่อทางการว่า เขาสารภาพกับพวกลูก ๆว่าอาณาจักรการลงทุนของเขานั้นเป็นเรื่องหลอกลวง
อัยการชี้ว่า เบอร์นาร์ด แอล แมดอฟฟ์ อินเวสเมนท์ ซีเคียวริตี แสดงบัญชีลงทุนมูลค่า 65,000 ล้านต่อนักลงทุนเพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่เขาจะถูกจับ แต่คณะกรรมการที่เข้าไปตรวจสอบบริษัทพบเงินที่จะคืนให้แก่นักลงทุนเพียงแค่ 1,200 ล้านดอลลาร์เท่านั้น
ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา มีเงินทุนรวมแล้วราว 170,000 ล้านดอลลาร์ ไหลเข้าออกในบัญชีหลักของแมดอฟฟ์ และศาลก็พิพากษาให้เขาคืนเงินเหล่านั้นให้แก่นักลงทุน ซึ่งก็คงจะเป็นคำพิพากษาในเชิงสัญลักษณ์เท่านั้น
ผู้พิพากษาชินบอกว่า แม้ตัดสินโทษจำคุกให้น้อยกว่านี้ ก็อาจเพียงพอทำให้แมดอฟฟ์ต้องอยู่ในคุกตลอดชีวิตแล้ว แต่เขาก็เห็นว่าแมดอฟฟ์สมควรที่จะได้รับโทษสูงสุดที่ปกติเอาไว้ลงโทษหัวหน้าแก๊งอาชญากรรมต่าง ๆเท่านั้น
ผู้พิพากษากล่าวอีกว่า เขาไม่เคยได้รับจดหมายที่เขียนแก้ต่างขอบรรเทาโทษให้แมดอฟฟ์ว่า เป็นคนจิตใจดีหรือเคยทำงานการกุศลเลย"ซึ่งก็แสดงให้เห็นอะไรหลายอย่าง" ชินกล่าว
ส่วนทนายความของแมดอฟฟ์บอกว่า ลูกความของเขายังไม่ตัดสินใจว่าจะอุทธรณ์บทลงโทษครั้งนี้หรือไม่ และในวันอ่านคำพิพากษา ก็ไม่มีคนในครอบครัวของแมดอฟฟ์เข้ามารับฟังเลย เฉกเช่นเดียวกับการปรากฏตัวในศาลครั้งก่อนๆ ของแมดอฟฟ์
แมดอฟฟ์ให้การว่าเขาทำเรื่องนี้เพียงคนเดียว บุคคลอีกผู้หนึ่งที่ถูกตั้งข้อหาอาญาในคดีนี้ด้วยคือนักบัญชาที่เป็นคนนอกบริษัท สำหรับน้องชายคนหนึ่งและบุตรชายอีก 2 คนของแดอฟฟ์ ซึ่งต่างทำงานอยู่ในระดับผู้บริหารของกิจการโบรกเกอร์ในบริษัทของแมดอฟฟ์นั้น ต่างแถลงว่าพวกเขาไม่ได้รู้เห็นไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องการบริหารการลงทุนอย่างฉ้อฉลเช่นนี้เลย
รูธ ภรรยาวัย 68 ของเขา ก็ไม่ได้ถูกกล่าวหาว่ามีความผิดใด ๆ แต่เธอถูกบรรดานักลงทุนแสดงความเกลียดชัง เพื่อนฝูงเมินหน้า และถูกสื่อติดตามอยู่ตลอดเวลา และเมื่อวันจันทร์ (29)นี้เอง เธอได้ออกคำแถลงเป็นครั้งแรกว่า เธอถูก "หักหลังและทำให้สับสน" โดยการฉ้อโกงของสามีของเธอ
รูธ แมดอฟฟ์จะมีเงินเหลือไว้ใช้ราว 2.5 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ตามข้อตกลงที่ทำกับฝ่ายอัยการ โดยที่ทรัพย์สินของเธอกับแมดอฟฟ์ที่มีมูลค่าราว 80 ล้านดอลลาร์จะถูกยึด
