ASTV ผู้จัดการรายวัน -พาณิชย์ เผยสินค้าปี 53 แนวโน้มปรับขึ้นเกินพดานที่กำหนดหลังต้นทุนการผลิตสูงขึ้น 3-8% ขณะที่ "ยรรยง" เสนอใช้โซนนิ่งคุมค้าห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ ยอมรับสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ในโมเดิร์นเทรดช่วยแก้ปัญหาสินค้าราคาแพง
ผู้สื่อข่าวรายงาจากกระทรวงพาณิชยว่ากรมการค้าภายนคาดการ์แนวโน้มราคาสินคาปี 53 โดยคาดว่าผู้ผลิตสินค้าหลายรายการาจปรับข้นราคาขายเกินกว่ราคาเพดนที่กรมกำหนดเพระต้นทุนการผลิตเพ่มสูงขึนประมาณ 3-8% สินค้าทีคาดว่าจปรับขึ้นเกินราคาพดาน เช่ นมผง คาด้นทุนจะพิ่มขึ้น 5% เหล็ก คาเพิ่มขึน 4-7% ปูนซีแนต์ คาดเิ่มขึ้น 7-8% ของใช้ปรจำวัน ช่ ผงซักฟอก สบู่ แชมพู คาดเพิ่มขึ้น 3-4% ป๋ยเคมี คดเพิ่มขึ้น 5% แบตเตรรี่รถยต์ คาดเพิ่มขึ้น 3%
"ทั้งนี้เป็นผลจากเศรษฐกิจโลก และเศรฐกิจภายในของไทยฟื้นตัวประชาชนมีรายได้ และ มีความสาารถจับจ่ายใช้สอยด้ตามปกติราคาวัถุดิบนำข้าสูงขึ้จากปัจจบันปะมา 10-15% อัตราแลกเลี่ยน อยู่ที่34-35 บาทต่อเหรยญสหรัฐ าคาน้ำมนดิบดูไบเฉลี่ย 65-70 เรียญฯต่บาร์เรล แต่หากเกดเหตุการณ์รุนแรง หรือเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงอาจทำใหสมมติฐาเหล่านี้เปลี่ยนแปลงได้ ส่วนแนวโน้ราคาสินค้าในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ยังทรงตัว อย่างไรก็ตามหกาปีนี้ ราาสินค้าปรับขึ้นจริงกรมจะยึดหลักกกรพิจารณาตามราคาต้นทุนที่ท้จริงที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงภาวะเศรษฐกิจ และนโยบายของรัฐบล
นอกจากนี้ ยังได้ศึกษาผลระทบเบื้องต้น จาการปรับาราคาขึ้นของน้ำมันดีเซล โดยคำนวณจากราคาดีเซลหมุนเร็ว ณ วันที่ 22 มิ.ย.52 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 27.39 บาทต่อลิตร เมื่อเปรียเทียบกับราคาในเดือนพ.ค.52 ที่อยู่ที่ 23.84 บาทซึ่งมีผลทำให้ต้นทุนการผลิตสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ 73รายการปรบเพิ่มข้นสูงสุด 1.0185% และต่ำสด 0.0139% แต่เป็นการปรับขึ้นไม่มากนักและมีผลทำห้ราคาขายสินค้าเล่านั้น้องปรับขึ้นตามไปด้วย
โดยหมวดอาหารและเครื่องดื่ม ต้นทุนเพิ่มขึ้นต่ำสุด 0.0157% สูงสุด 0.3877% หมวดของใช้ประจำวัน ต่ำสุด 0.0252% สูงสุด 0.1465% หมวดกระดาษและผลิตภัณฑ์ต่ำสุด 0.0339% สูงสุด 0.2461% หมวดเครื่องใช้ไฟฟ้ ต่ำสุด 0.0579% สูงสุด
0.2111% หมวดขนส่ง ต่ำสุด 0.0139% สูงสุด 0.1717% หมวดวัสดุก่อสร้างต่ำสุด 0.0232% สูงสุด 0.0185% หมวดผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ต่ำสุด 0.0140%สูงสุด 0.0647% หมวดปัจจัยการกษตร ต่ำสุด 0.0182% สูงสุด 0.1237% และหมวดทั่วไป ต่ำสุด 0.0241% สูสุด 0.0502%
มีรายงานว่า ในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ กลุ่มเกษตรกผู้เลี้ยงกุ้งทั่ประเทศจะเดินทางมากระทรงพาณิชย์เพื่อกดดันให้กระทรวงพาณิชย์เปิดรับจำนำกุ้ง จากเดิมที่คณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) อนุมัติเงิน 600ล้านบาทให้กลุ่มสหกรณ์ช้เงินหมุนเวียนเพื่อทำคอนแทรกฟาร์มิ่งรับซื้อกุ้งกับห้องเย็น อย่างไก็ตาม หากจะมีการเปิดรับจำนำจริง ในสัปดาห์หน้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะสรุปราคารับจำนำที่เหมะสม
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวภายหลังการเปิดสัมมนาในหัวข้อทำโชห่วยให้รวยอย่างยั่งยืน โดยความร่วมมือกันหอการค้าจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับ บริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน ) กล่าวว่าธุรกิจค้าปลีกมีความสำคัญ ซึ่งหากผู้ประกอบการค้าปลีกมีน้อยรายก็จะทำให้เศรษฐกิจไทยแย่ไปด้วย ในช่วงที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์พยามพลักดันร่างกม.ค้าปลีกฯ เพื่อช่วยผู้ประกอบการโชห่วยแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ จึงต้องพยายามทำต่อไปเพื่อให้เกิดความเข้มแข็งต่อไป
"จะให้รายย่อยไปแข่งขันกับรายใหญ่ก็สู้ไม่ได้ แต่ต้องทำให้ธุรกิจรายใหญ่มาเอื้อเฟื้อและสร้างเครือข่ายธุรกิจรายย่อยให้ไปรวมตัวกัน เพื่อความอยู่รอดในการต่อรองราคาและซื้อสินค้า"
สำหรับความความหน้าในการผลักดันร่าง พรบ.ค้าปลีกฯ นั้นได้กำหนดกรอบว่าไว้ในระยะกลางประมาณ 3 ปี โดยเสนอให้รัฐกำหนดระบบโซนนิ่งของห้างค้าปลีกและค้าส่งขนาดใหญ่ ให้ออกไปอยู่นอกเมือง เพื่อให้ร้านค้าโชห่วยอยู่ได้ ที่ผ่านมาได้ขอความร่วมมือจากมหาดไทย และอบต. อบจ. ช่วยกันดูแลค้าปลีกรายย่อย โดยใช้กฎหมายเทศบัญญัติในการออกกฎหมายควบคุมการก่อสร้าง ก็สามารถแก้ปัญหาได้ในระดับหนึ่ง
นายยรรยง กล่าวต่อไปถึงการแก้ปัญหาสินค้าราคาแพงว่าต้องยอมรับว่าการผลิตสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ของห้างโมเดิรน์เทรดนั้น บางตัวเช่น น้ำมันพืช สามารถช่วยแก้ปัญหาสินค้าราคาแพงในท้องตลาดได้ ซึ่งตรงนี้ต้องดูเป็นรายสินค้าไปว่าผู้ผลิตสินค้าเฮ้าส์แบรนด์มีเจตนาอย่างไร
"สินค้าเฮ้าส์แบรนด์บางรายการก็เป็นการช่วยทำให้ราคาสินค้าลดลง ช่วยแก้ปัญหาสินค้าแพงได้ แต่ต้องไม่ใช่เป็นการขายสินค้าต่ำกว่าทุนหรือมีต้องการทำลายคู่แข่งขันหรือโชห่วยรายเล็กๆ "
ผู้สื่อข่าวรายงาจากกระทรวงพาณิชยว่ากรมการค้าภายนคาดการ์แนวโน้มราคาสินคาปี 53 โดยคาดว่าผู้ผลิตสินค้าหลายรายการาจปรับข้นราคาขายเกินกว่ราคาเพดนที่กรมกำหนดเพระต้นทุนการผลิตเพ่มสูงขึนประมาณ 3-8% สินค้าทีคาดว่าจปรับขึ้นเกินราคาพดาน เช่ นมผง คาด้นทุนจะพิ่มขึ้น 5% เหล็ก คาเพิ่มขึน 4-7% ปูนซีแนต์ คาดเิ่มขึ้น 7-8% ของใช้ปรจำวัน ช่ ผงซักฟอก สบู่ แชมพู คาดเพิ่มขึ้น 3-4% ป๋ยเคมี คดเพิ่มขึ้น 5% แบตเตรรี่รถยต์ คาดเพิ่มขึ้น 3%
"ทั้งนี้เป็นผลจากเศรษฐกิจโลก และเศรฐกิจภายในของไทยฟื้นตัวประชาชนมีรายได้ และ มีความสาารถจับจ่ายใช้สอยด้ตามปกติราคาวัถุดิบนำข้าสูงขึ้จากปัจจบันปะมา 10-15% อัตราแลกเลี่ยน อยู่ที่34-35 บาทต่อเหรยญสหรัฐ าคาน้ำมนดิบดูไบเฉลี่ย 65-70 เรียญฯต่บาร์เรล แต่หากเกดเหตุการณ์รุนแรง หรือเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงอาจทำใหสมมติฐาเหล่านี้เปลี่ยนแปลงได้ ส่วนแนวโน้ราคาสินค้าในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ยังทรงตัว อย่างไรก็ตามหกาปีนี้ ราาสินค้าปรับขึ้นจริงกรมจะยึดหลักกกรพิจารณาตามราคาต้นทุนที่ท้จริงที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงภาวะเศรษฐกิจ และนโยบายของรัฐบล
นอกจากนี้ ยังได้ศึกษาผลระทบเบื้องต้น จาการปรับาราคาขึ้นของน้ำมันดีเซล โดยคำนวณจากราคาดีเซลหมุนเร็ว ณ วันที่ 22 มิ.ย.52 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 27.39 บาทต่อลิตร เมื่อเปรียเทียบกับราคาในเดือนพ.ค.52 ที่อยู่ที่ 23.84 บาทซึ่งมีผลทำให้ต้นทุนการผลิตสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ 73รายการปรบเพิ่มข้นสูงสุด 1.0185% และต่ำสด 0.0139% แต่เป็นการปรับขึ้นไม่มากนักและมีผลทำห้ราคาขายสินค้าเล่านั้น้องปรับขึ้นตามไปด้วย
โดยหมวดอาหารและเครื่องดื่ม ต้นทุนเพิ่มขึ้นต่ำสุด 0.0157% สูงสุด 0.3877% หมวดของใช้ประจำวัน ต่ำสุด 0.0252% สูงสุด 0.1465% หมวดกระดาษและผลิตภัณฑ์ต่ำสุด 0.0339% สูงสุด 0.2461% หมวดเครื่องใช้ไฟฟ้ ต่ำสุด 0.0579% สูงสุด
0.2111% หมวดขนส่ง ต่ำสุด 0.0139% สูงสุด 0.1717% หมวดวัสดุก่อสร้างต่ำสุด 0.0232% สูงสุด 0.0185% หมวดผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ต่ำสุด 0.0140%สูงสุด 0.0647% หมวดปัจจัยการกษตร ต่ำสุด 0.0182% สูงสุด 0.1237% และหมวดทั่วไป ต่ำสุด 0.0241% สูสุด 0.0502%
มีรายงานว่า ในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ กลุ่มเกษตรกผู้เลี้ยงกุ้งทั่ประเทศจะเดินทางมากระทรงพาณิชย์เพื่อกดดันให้กระทรวงพาณิชย์เปิดรับจำนำกุ้ง จากเดิมที่คณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) อนุมัติเงิน 600ล้านบาทให้กลุ่มสหกรณ์ช้เงินหมุนเวียนเพื่อทำคอนแทรกฟาร์มิ่งรับซื้อกุ้งกับห้องเย็น อย่างไก็ตาม หากจะมีการเปิดรับจำนำจริง ในสัปดาห์หน้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะสรุปราคารับจำนำที่เหมะสม
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวภายหลังการเปิดสัมมนาในหัวข้อทำโชห่วยให้รวยอย่างยั่งยืน โดยความร่วมมือกันหอการค้าจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับ บริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน ) กล่าวว่าธุรกิจค้าปลีกมีความสำคัญ ซึ่งหากผู้ประกอบการค้าปลีกมีน้อยรายก็จะทำให้เศรษฐกิจไทยแย่ไปด้วย ในช่วงที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์พยามพลักดันร่างกม.ค้าปลีกฯ เพื่อช่วยผู้ประกอบการโชห่วยแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ จึงต้องพยายามทำต่อไปเพื่อให้เกิดความเข้มแข็งต่อไป
"จะให้รายย่อยไปแข่งขันกับรายใหญ่ก็สู้ไม่ได้ แต่ต้องทำให้ธุรกิจรายใหญ่มาเอื้อเฟื้อและสร้างเครือข่ายธุรกิจรายย่อยให้ไปรวมตัวกัน เพื่อความอยู่รอดในการต่อรองราคาและซื้อสินค้า"
สำหรับความความหน้าในการผลักดันร่าง พรบ.ค้าปลีกฯ นั้นได้กำหนดกรอบว่าไว้ในระยะกลางประมาณ 3 ปี โดยเสนอให้รัฐกำหนดระบบโซนนิ่งของห้างค้าปลีกและค้าส่งขนาดใหญ่ ให้ออกไปอยู่นอกเมือง เพื่อให้ร้านค้าโชห่วยอยู่ได้ ที่ผ่านมาได้ขอความร่วมมือจากมหาดไทย และอบต. อบจ. ช่วยกันดูแลค้าปลีกรายย่อย โดยใช้กฎหมายเทศบัญญัติในการออกกฎหมายควบคุมการก่อสร้าง ก็สามารถแก้ปัญหาได้ในระดับหนึ่ง
นายยรรยง กล่าวต่อไปถึงการแก้ปัญหาสินค้าราคาแพงว่าต้องยอมรับว่าการผลิตสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ของห้างโมเดิรน์เทรดนั้น บางตัวเช่น น้ำมันพืช สามารถช่วยแก้ปัญหาสินค้าราคาแพงในท้องตลาดได้ ซึ่งตรงนี้ต้องดูเป็นรายสินค้าไปว่าผู้ผลิตสินค้าเฮ้าส์แบรนด์มีเจตนาอย่างไร
"สินค้าเฮ้าส์แบรนด์บางรายการก็เป็นการช่วยทำให้ราคาสินค้าลดลง ช่วยแก้ปัญหาสินค้าแพงได้ แต่ต้องไม่ใช่เป็นการขายสินค้าต่ำกว่าทุนหรือมีต้องการทำลายคู่แข่งขันหรือโชห่วยรายเล็กๆ "