เอเอฟพี- รายงานลับระบุ รัฐบาลอังกฤษเคยมีแผนโจมตีกรุงโตเกียวด้วยแก๊สพิษในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนหน้าที่สหรัฐฯ จะตัดสินใจทิ้งระเบิดปรมาณูใส่เมืองฮิโรชิมา และนางาซากิ เกือบ 1 ปี
หอจดหมายเหตุแห่งชาติของอังกฤษ ณ กรุงลอนดอนเมื่อวานนี้(26) เผยบันทึกลับที่ปกปิดต่อสาธารณชนมานาน 65 ปี โดยเนื้อหาในบันทึกฉบับนี้ระบุไว้ชัดเจนว่ารัฐบาลอังกฤษเคยมีแผนการจะใช้แก๊สพิษโจมตีพลเรือนญี่ปุ่นในกรุงโตเกียวเมื่อปี1944 โดยมุ่งให้เกิดการทำลายล้างรุนแรงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แม้แผนการดังกล่าวจะไม่เคยมีการนำไปปฏิบัติจริงก็ตาม
เนื้อหาสำคัญในบันทึกฉบับนี้ซึ่งมีการยกเลิกชั้นความลับแล้ว ระบุถึงบทวิเคราะห์ซึ่งเขียน
โดย “ศาสตราจารย์บรันต์” เกี่ยวกับการใช้ระเบิดบรรจุแก๊สพิษโจมตีญี่ปุ่น โดยบรันต์อาศัยข้อมูลเรื่องจำนวนประชากร ผังเมือง ภาพถ่ายอาคารบ้านเรือนและย่านต่างๆ ของกรุงโตเกียวที่ได้รับจากผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองทหารของสำนักงานกิจการสงครามในสมัยนั้น
บรันต์ระบุว่า การโจมตีญี่ปุ่นด้วยแก๊สพิษ ควรเริ่มต้นโดยถล่มอาคารที่แออัดติดกันจำนวน
มากในโตเกียวเป็นอันดับแรกด้วยระเบิดเพลิงเพื่อให้เกิดไฟไหม้บริเวณกว้าง แล้วจึงค่อยใช้ระเบิดบรรจุแก๊สพิษโจมตี อย่างไรก็ตาม บรันต์ชี้ว่าแผนการนี้มีอุปสรรคสำคัญคือ ผังเมืองของกรุงโตเกียวที่มีถนนแคบ ไม่เหมาะต่อการใช้อาวุธเคมี เพราะจะทำให้กลุ่มแก๊สไม่สามารถแผ่ปกคลุมพื้นที่ได้อย่างรวดเร็วตามที่ควรจะเป็น
นอกจากนี้ บรันต์แนะว่าอังกฤษควรโจมตีญี่ปุ่นในฤดูร้อนเนื่องจากมีสภาพอากาศที่จะช่วยให้ก๊าสพิษทำงานได้ผลที่สุด ขณะที่แก๊สพิษมัสตาร์ดอาจลดความรุนแรงลงหากใช้ในฤดูหนาว ส่วนสภาพอากาศที่ฝนตกหนักก็อาจทำให้แก๊สพิษเจือจางลงเช่นกัน รวมทั้งแนะนำให้ใช้ระเบิดลูกเล็กแต่มีจำนวนมากในการโจมตีจึงจะสร้างความเสียหายได้มากที่สุด
มาร์ค ดันตัน ผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์ร่วมสมัยของหอจดหมายเหตุอังกฤษระบุว่า สิ่งที่น่าสนใจในบันทึกฉบับนี้คือการแสดงให้เห็นว่าอังกฤษคิดโจมตีญี่ปุ่น เพื่อปิดฉากสงครามโลกครั้งที่ 2 ให้เร็วขึ้นมาก่อนหน้าสหรัฐฯ แล้ว และข้อเท็จจริงเรื่องนี้สร้างความตกใจให้คนยุคใหม่อย่างมากจากการที่รัฐบาลอังกฤษสมัยนั้นคิดจะโจมตีพลเรือนด้วยแก๊สพิษอย่างไร้ความปราณี
ทั้งนี้ สหรัฐฯ ทิ้งระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิมาเมื่อ 6 สิงหาคม และนางาซากิในวันที่ 9 สิงหาคม1945 ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 210,000 คน โดยหลังการทิ้งระเบิดที่นางาซากิไม่ถึงสัปดาห์ ญี่ปุ่นก็ขอยอมแพ้ทำให้สงครามโลกครั้งที่ 2 ฝั่งเอเชียแปซิฟิกสิ้นสุดลง
หอจดหมายเหตุแห่งชาติของอังกฤษ ณ กรุงลอนดอนเมื่อวานนี้(26) เผยบันทึกลับที่ปกปิดต่อสาธารณชนมานาน 65 ปี โดยเนื้อหาในบันทึกฉบับนี้ระบุไว้ชัดเจนว่ารัฐบาลอังกฤษเคยมีแผนการจะใช้แก๊สพิษโจมตีพลเรือนญี่ปุ่นในกรุงโตเกียวเมื่อปี1944 โดยมุ่งให้เกิดการทำลายล้างรุนแรงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แม้แผนการดังกล่าวจะไม่เคยมีการนำไปปฏิบัติจริงก็ตาม
เนื้อหาสำคัญในบันทึกฉบับนี้ซึ่งมีการยกเลิกชั้นความลับแล้ว ระบุถึงบทวิเคราะห์ซึ่งเขียน
โดย “ศาสตราจารย์บรันต์” เกี่ยวกับการใช้ระเบิดบรรจุแก๊สพิษโจมตีญี่ปุ่น โดยบรันต์อาศัยข้อมูลเรื่องจำนวนประชากร ผังเมือง ภาพถ่ายอาคารบ้านเรือนและย่านต่างๆ ของกรุงโตเกียวที่ได้รับจากผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองทหารของสำนักงานกิจการสงครามในสมัยนั้น
บรันต์ระบุว่า การโจมตีญี่ปุ่นด้วยแก๊สพิษ ควรเริ่มต้นโดยถล่มอาคารที่แออัดติดกันจำนวน
มากในโตเกียวเป็นอันดับแรกด้วยระเบิดเพลิงเพื่อให้เกิดไฟไหม้บริเวณกว้าง แล้วจึงค่อยใช้ระเบิดบรรจุแก๊สพิษโจมตี อย่างไรก็ตาม บรันต์ชี้ว่าแผนการนี้มีอุปสรรคสำคัญคือ ผังเมืองของกรุงโตเกียวที่มีถนนแคบ ไม่เหมาะต่อการใช้อาวุธเคมี เพราะจะทำให้กลุ่มแก๊สไม่สามารถแผ่ปกคลุมพื้นที่ได้อย่างรวดเร็วตามที่ควรจะเป็น
นอกจากนี้ บรันต์แนะว่าอังกฤษควรโจมตีญี่ปุ่นในฤดูร้อนเนื่องจากมีสภาพอากาศที่จะช่วยให้ก๊าสพิษทำงานได้ผลที่สุด ขณะที่แก๊สพิษมัสตาร์ดอาจลดความรุนแรงลงหากใช้ในฤดูหนาว ส่วนสภาพอากาศที่ฝนตกหนักก็อาจทำให้แก๊สพิษเจือจางลงเช่นกัน รวมทั้งแนะนำให้ใช้ระเบิดลูกเล็กแต่มีจำนวนมากในการโจมตีจึงจะสร้างความเสียหายได้มากที่สุด
มาร์ค ดันตัน ผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์ร่วมสมัยของหอจดหมายเหตุอังกฤษระบุว่า สิ่งที่น่าสนใจในบันทึกฉบับนี้คือการแสดงให้เห็นว่าอังกฤษคิดโจมตีญี่ปุ่น เพื่อปิดฉากสงครามโลกครั้งที่ 2 ให้เร็วขึ้นมาก่อนหน้าสหรัฐฯ แล้ว และข้อเท็จจริงเรื่องนี้สร้างความตกใจให้คนยุคใหม่อย่างมากจากการที่รัฐบาลอังกฤษสมัยนั้นคิดจะโจมตีพลเรือนด้วยแก๊สพิษอย่างไร้ความปราณี
ทั้งนี้ สหรัฐฯ ทิ้งระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิมาเมื่อ 6 สิงหาคม และนางาซากิในวันที่ 9 สิงหาคม1945 ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 210,000 คน โดยหลังการทิ้งระเบิดที่นางาซากิไม่ถึงสัปดาห์ ญี่ปุ่นก็ขอยอมแพ้ทำให้สงครามโลกครั้งที่ 2 ฝั่งเอเชียแปซิฟิกสิ้นสุดลง
