xs
xsm
sm
md
lg

แก้วสรร เบรก กกต.ฟัน ส.ส.ถือหุ้นแนะตีความ กม.ดูทั้งวรรค

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"สดศรี" เผยผลสอบ 28 ส.ส.ปชป.ถือหุ้นต้องห้าม หากอนุฯสอบเสนอมาก็ต้องดูว่ารอบครอบครบถ้วนหรือไม่ หากไม่ชัดเจนก็ต้องส่งกลับไปสอบใหม่ พร้อมวอน ส.ส.ให้ความร่วมมือในการสอบด้วยเพื่อไม่ให้ล่าช้า ด้าน"เทพไท" ปัด กกต.เลื่อนชี้มูลหวังช่วย ปชป. ยัน ส.ส.พร้อมแจง กกต. ขณะที่ "เทพเทือก"ลั่นพร้อมทิ้งเก้าอี้ ส.ส.หากถูก กกต.ฟัน เพื่อเปิดทางให้เลือกตั้งใหม่ สั่งลูกทีมเตรียมพร้อม รอลุ้นผลชี้ขาด 16 ส.ว. "แก้วสรร" แนะ กกต.ใช้สมองตัดสิน บอกตีความ กม.อย่าทื่อต้องดูทั้งวรรค และต้องใช้ กม.อื่นมาเทียบเคียง

นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงกรณีนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ระบุว่า เป็นความผิดของกกต.ที่ไม่สอบส.ส. เรื่องการถือหุ้นก่อนประกาศรับรองผลว่า นายเสนาะมองกฎหมายอีกแง่หนึ่ง โดยตอนที่กกต. ประกาศรับรองผลส.ส.และส.ว. กฎหมายเขาให้กกต.รับรองว่า ถ้าเลือกตั้งแล้วผู้ที่ได้รับเลือกตั้งมาด้วยคะแนนสูงสุดไม่มีเรื่องร้องเรียนว่ากระทำการทุจริต ก็ให้รับรองภายใน 7 วัน หากมีทุจริตก็ให้สอบสวนให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน แต่ถ้าสอบไม่ทันก็ให้ประกาศรับรองไปก่อนแล้วค่อยสอยภายหลังโดยมีกำหนดระยะเวลา 1 ปี การรับรองผลเลือกตั้งจึงเป็นการรับรองกรณีชนะเลือกตั้ง ไม่ได้รัยรองท่านว่าขาดคุณสมบัติอื่นใดหรือไม่

นางสดศรี กล่าวว่า คำร้องที่นายศุภชัย ใจสมุทร รองให้ กกต.ตรวจสอบ 28 ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ถือหุ้นต้องห้ามนั้น รอเพียงอนุกรรมการฯจะเสนอมาให้ กกต.พิจารณา และหากเสนอเข้ามาก็ต้องดูว่าที่สอบมานั้นละเอียดรอบครอบครบถ้วน หรือไม่เพียงใด จะทำแบบลวกๆ หรือระบุว่า ไม่มีพยานมายืนยันแล้วจะให้กกต. ยกคำร้องไม่ได้ หากทำมาเหมือนกับที่อนุกรรมการฯชุด61 ส.ส.ที่เสนอมา ก็ต้องให้กลับไปดูใหม่ เพราะ กกต.จะให้คำตอบไม่ได้เลย

ทั้งนี้การสอบสวนจะต้องมีความชัดเจนเหมือนกันอนุกรรมการชุดที่สอบส.ว. อย่างไรก็ตาม การสอบสวน 61 ส.ส.นั้น ความล่าช้าไม่ได้เกิดจากกกต.แต่เกิดจากปัจจัยภายนอก ที่ส.ส.และบริษัทบางบริษัท ที่กกต.ขอให้มาชี้แจงก็ไม่มา ดังนั้นจึงอยากจะขอความร่วมมือมาชี้แจงด้วย ปัญหาต่างๆ จะได้เสร็จสิ้นลงกกต.จะได้ตอบสังคมได้

"ตอนนี้ปิดสมัยประชุมสภาฯ แล้ว น่าจะมีเวลามาให้ถ้อยคำไม่ใช่จะไปแต่ต่างประเทศ และหากพบว่าเจ้าหน้าที่คนใดไล่กลับหรือไม่รับชี้แจงให้แจ้งชื่อ หรือมาชี้ตัวจะดำเนินการให้"

ด้านนายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการกกต. แถลงว่า ขณะนี้ทราบว่า อนุกรรมการสอบสวนกำลังทำรายงานสรุปสำนวนซึ่งคาดว่าภายในวันเดียวกันนี้ หรือ อย่างช้าวันนี้ ( 26 มิ.ย.) จะมีการเสนอผลสรุปต่อประธาน กกต.ได้ โดยประธานกกต. ก็จะได้นำเสนอต่อที่ประชุมในสัปดาห์ถัดไป และถ้าเป็นตามหลักปฏิบัติที่เคยปฏิบัติมา ประธานกกต.ก็จะสำเนาเอกสารผลสรุปแจกจ่ายให้กับ กกต.แต่คนไปศึกษาเป็นเวลา 7 วันก่อนที่จะนำเข้าที่ประชุมเพื่อลงมติ

นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่ กกต. เลื่อนการพิจารณาชี้มูล ส.ส.ถือหุ้นในบริษัทที่รับสัมปทานจากรัฐไม่เกี่ยวกับพรรคประชาธิปัตย์ การที่พยายามปล่อยข่าวว่า ที่ กกต.เลื่อนการพิจารณา เพราะจะช่วยเหลือ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์นั้น ไม่เป็นความจริง เป็นการให้ข่าวเพื่อดีสเครดิต และทำลาย กกต.มากกว่าและพยายาม เชื่อมโยงให้เห็นเหมือนในอดีตว่า กกต.และพรรคประชาธิปัตย์เป็นพวกเดียวกัน ทั้งที่การทำงานของ กกต.ก็พิจารณไปตาม กฎหมายกำหนด ไม่เคยมีเรื่องใดที่จะมาช่วยเหลือพรรคประชาธิปัตย

นายเทพไท กล่าวว่า เรื่องนี้ นายชุมพล กาญจนะ ประธานส.ส.ของพรรค ได้นำขึ้นหารือในที่ประชุมส.ส.ของพรรคเมือวันที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมา เพื่อให้ ส.ส. ที่ถูกตรวจสอบได้จัดทำแนวทางการชี้แจงข้อเท็จจริงต่อ กกต.

ทั้งนี้ ในส่วนของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เป็นเลขาธิการพรรค และเป็นหนึ่งในผู้ที่มีรายชื่อว่าถือครองหุ้นของบริษัทที่รับสัมปทานจากรัฐ นายสุเทพ ได้ให้การยืนยันในที่ประชุมส.ส.พรคคว่า ขอให้ส.ส.ที่มีชื่อทั้งหหมดไปจัดเตรียมข้อมูล ข้อเท็จจริงของแต่ละคนให้พร้อม เพราะข้อเท็จจริงในการถือครองหุ้นของแต่ละคนที่มีหุ้นของแต่ละบริษัทที่แตกต่างกัน ก็ย่อมมีข้อเท็จจริงที่ต่างกันด้วย และขอให้ยอมรับการพิจารณาของ กกต.และศาลรัฐธรรมนูญที่จะออกมา

ซึ่งที่ประชุมก็ไม่มีส.ส.คนใดกังวลต่อเรื่องดังกล่าว โดยเชื่อว่าหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีของส.ว. ทั้ง 16 คน ซึ่งเป็นคดีนำร่องไปแล้ว ก็สามารถ เทียบเคียงกับกรณีกรถือครองหุ้นในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ได้ และจะได้ข้อสรุปว่า จะมีส.ส.คนใดบ้างว่าอยู่ในข่ายที่จะถูกตัดสิทธิพ้นสมาชิกภาพ จึงจะมาตัดสินใจอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

นายเทพไท กล่าวว่า กรณีของนายสุเทพ เกิดขึ้นในช่วงที่เป็นสมาชิก พรรคฝ ่ายค้านและเมื่อมีการยื่นให้กกต.ตรวจสอบ นายสุเทพได้ขายหุ้นออกจนหมดแล้ว และในระหว่างที่เข้าดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี นายสุเทพไม่เหลือหุ้นในมือแล้ว ซึ่งทุกอย่างทำให้เกิดความโปร่งใส ดังนั้นเมื่อ กกต.จะพิจารณาชี้ขาดว่านายสุเทพขาดคุณสมบัติความส.ส.นายสุเทพ ได้ยืนยันว่าจะยอมรับโดยดุษฏี และจะไม่โต้แย้งแต่อย่าไร เพื่อที่จะไปต่อสู่ในชั้นศาลฏีกาต่อไป และแม้ว่าจะพ้นสภาพการเป็น ส.ส.แล้วแต่ก็ยังมีตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี

มีรายงานว่า ในที่ประชุมส.ส.และกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมา นายสุเทพ ได้พูดกับสมาชิกพรรคและสร้างความมั่นใจสมาชิกพรรคว่าพร้อมที่จะรับคำวินิจฉัยทุกอย่าง โดยไม่ต่อสู้คดี หาก กกต.ชี้มูล นายสุเทพ ประกาศพร้อมที่จะลาออกจากการเป็น ส.ส. และพร้อมให้มีการจัดการเลือกตั้งซ่อมแทนในตำแหน่งที่ว่าง เพราะยืนยันว่าตนเองได้ขายหุ้นทั้งหมดก่อนที่จะรับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีแล้ว พร้อมทั้งนำหลักฐานมาแสดงให้สมาชิกได้รับทราบและพร้อมที่จะนำไปต่อสู่ในชั้นศาลฏีกา

นายแก้วสรร อติโพธิ อดีต คตส. กล่าวว่าปัญหาเรื่องการถือครองหุ้นของ ส.ส. มาจากนักอักษรศาสตร์ที่ชอบตีความไปเรื่อยเปื่อย ทั้งที่นำกฎหมาย ที่เกี่ยวข้องมาเทียบเคียงกันได้ น่าจะใช้สมองกันบ้าง

"ผมมีความเห็นแตกต่างจาก กกต. เพราะการตีความกฎหมายต้องดูทั้งวรรค บางกรณีต้องใช้กฎหมายอื่นมาเทียบเคียงกันด้วย หากผมเป็นคนตีความเรื่องนี้ ก็ต้องบอกว่าใครที่ถือหุ้นไม่เกิน 5 %ถือว่าไม่ผิด ปัญหาขณะนี้จึงไปอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะตีความจำนวนสัดส่วนเปอร์เซนต์"

นายแก้วสรร กล่าวต่อว่า คนที่ถือหุ้นในสัมปทานของรัฐเพียงแค่ 1%จะอยู่ในข้อห้ามด้วยหรือไม่ เพราะหลักของกฎหมายต้องการห้ามไม่ให้ส.ส.และส.ว.ถือสัมปทาน แต่ไม่ได้ห้ามถือหุ้นสัมปทาน เพราะไม่ต้องการให้มีส่วนในการบริหารในกิจการ ที่มีสัปทานกับรัฐ เนื่องจากเกรงว่าส.ส.และส.ว.คนนั้นอาจนำข้อมูลอินไซต์มาเปิดเผย ให้บริษัทได้รู้ สิ่งสำคัญคือถือแค่ไหนจึงจะหมายถึงถือสัมปทาน ขอย้ำว่าตนเคารพศาล แต่ในฐานะเป็นนักกฎหมายก็ต้องการแสดงความเห็นในเรื่องนี้ เพราะนักกฎหมายจะไม่ตีความทื่อๆ หากไม่ชัดเจนต้องใช้กฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องมาเทียบเคียง ซึ่งมีกฎหมายห้ามไว้ชัดเจนว่าห้ามรัฐมนตรีถือหุ้นที่มีสัมปทานกับรัฐเกิน 5% ตรงนี้จึงนำมาเทียบเคียงกันได้

ผู้สื่อข่าวถามว่ามองว่าเรื่องนี้ส.ส.และส.ว.มีข้อต่อสู้อยู่ นายแก้วสรร กล่าวว่า แล้วแต่ว่าพวกเขาจะสู้อย่างไร ตนพูดในฐานะนักกฎหมายเท่านั้น ในฐานะที่ตนเคย ทำคดีการถือหุ้นของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาก่อน ตนยืนยันมาตลอดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ใช่แค่ถือหุ้นเกิน 5 %แต่เป็นเพราะตนเชื่อว่าพ.ต.ท.ทักษิณคือเจ้าของหุ้น ที่แท้จริง เรื่องแบบนี้จึงต้องเอาเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญมาตรวจทาน และนักนิติศาสตร์จะมีวิธีคิดและเอาเหตุผลมาชี้แจงได้อยู่แล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น