00 เมื่อวานนี้ (22 มิ.ย.) เป็นวันแรกที่ร่างพระราชกำหนด และร่างพระราชบัญญัติ ทั้งสองฉบับที่เรียกให้เข้าใจแบบชาวบ้านก็คือ กฎหมายให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินรวม 8 แสนล้านบาทเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมวุฒิสภา ซึ่งคาดเดาเอาไว้ก่อนล่วงหน้า บรรยากาศคงไม่เถื่อนถ่อยเหมือนกับสภาผู้แทนฯ แน่นอน และถ้าคิดว่าระหว่างการอภิปรายแล้วมีการประท้วง ด่าพ่อล่อแม่ เป็นรสชาติมัน มัน คงจะหาไม่ได้ ตรงข้ามอาจจะกร่อยเสียด้วยซ้ำ แต่เอาเป็นว่า ทำให้ฝ่ายรัฐบาลต้องลุ้นใจหายใจคว่ำก็แล้วกัน
00 ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคาดเดาเสียงไม่ได้ทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ ที่เห็นๆ ก็มีกลุ่ม 40 ส.ว.ที่ตั้งท่าชำแหละมานานนับสัปดาห์แล้ว ที่เห็นหน้าค่าตาชัดๆว่าไม่เอาด้วยกับวิธีการตั้งงบประมาณแบบมัดมือชก รวบรัดแบบไม่มีรายละเอียดก็คือ ส.ว.คำนูณ สิทธิสมาน อย่างไรก็ดี ถ้าดูตามอาการโดยรวมแล้ว ก็น่าจะผ่านไปได้ แต่คงต้องมีการตั้งกรรมาธิการวิสามัญ ไม่ใช่สามวาระรวด “กินหมู” เหมือนสภา ล่างแน่นอน
00 จะว่าไปแล้วกาลเวลามันก็พิสูจน์คน “บางคน” ได้ดีเหมือนกัน นาทีนี้นอกจากจะเคยเห็นแต่ “นักรบรับจ้าง” แล้ว ต่อไปอาจจะได้เห็นคนพวกนี้ที่จะผันกายมาเป็น “นักการเมืองรับจ้าง” กันบ้าง เพราะถ้าสังเกตให้ดี อีกไม่นานก็จะได้เห็นการ“เสนอหน้า” อาสาขอมาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ แม้ว่าจะได้ชื่อว่าเป็นแค่“หุ่นเชิด”ก็ยอม
00 รายนี้ก็เช่นเดียวกัน นึกว่าจะยืนยงคงหลักการแน่นหนา แต่กลายเป็นว่า มนูญกฤต รูปขจร ทำท่าจะ“เสียคน” ตอนแก่ เหมือนกับเพื่อน “พัลลภ ปิ่นมณี” ประเภทที่เคยฟาดฟันกันมาจนสรุปกันแบบ “ผีไม่เผาเงาไม่เหยียบ” แต่จู่ๆก็เดินไปหา“เสี่ยแม้ว” คนที่เคยเป็นคู่อริหน้าตาเฉย บางครั้งคนเรา“เชื่ออะไรไม่ได้” จริงๆ
00 แต่จะว่าไปแล้ว ถ้ามองในมุมของคนชื่อแม้ว ในเรื่องของเล่ห์เหลี่ยม ย่อมหามือจับยากเช่นเดียวกัน การจะเอาใครมาเชิดสักคน ก็ต้องพิจารณา “แบ็กกราวด์” ให้ละเอียดหน่อย หรือได้คุ้มเสียหรือไม่ โดยเฉพาะประเภทนักรบรับจ้าง ที่ทำทุกอย่างเพื่อเงินและอำนาจวาสนายิ่งต้องคิดหนักเป็นสองเท่าอยู่แล้ว แต่ถึงยังไงนาทีนี้จะเข้าข่าย “คนที่อยากได้ดันไม่อยากมา” แต่คนที่ไม่อยากได้ กลับ “เจือก” เสนอหน้ามาให้เห็นเสียนี่
00 ในที่สุดเลือกตั้งซ่อมสกลนคร ก็ได้เห็นแดงเห็นน้ำเงินกันไปแล้ว และเชื่อกันแล้วใช่หรือไม่ว่า ฤทธิ์ของ“โฟนอิน” ยังใช้ได้ แต่อีกมุมหนึ่งจากผลการเลือกตั้งเที่ยวล่าสุดกลับเป็นผลดีต่อ “มาร์ค” และพรรคประชาธิปัตย์ อย่างน้อยก็ลดความ “อหังการ์” ของ“คนปากห้อย” ลงได้หลายกิโลขีด เป็นผลดีต่อการอยู่ร่วมกันได้อีกระยะหนึ่ง
00 สำหรับการเลือกตั้งซ่อมที่ศรีสะเกษ ก็เช่นเดียวกัน สนามนี้จะเปลี่ยนหน้าคู่ชกมาเป็น “เพื่อไทย” กับ“ชาติไทย(พัฒนา)” ถ้ามองในด้านการลงทุนแล้วรับรองว่า “เสี่ยเติ้ง” โยนผ้าตั้งแต่ยกแรกแล้ว เพราะไม่ว่าชนะหรือแพ้ ก็มีผลไม่แตกต่างมากนัก เมื่อรู้อย่างงี้แล้ว“จะจ่าย” ให้โง่ทำไม ดังนั้น ผลเลือกตั้งก็คงรู้ล่วงหน้ากันตั้งแต่ในมุ้งแล้วหละโยม !!
00 ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคาดเดาเสียงไม่ได้ทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์ ที่เห็นๆ ก็มีกลุ่ม 40 ส.ว.ที่ตั้งท่าชำแหละมานานนับสัปดาห์แล้ว ที่เห็นหน้าค่าตาชัดๆว่าไม่เอาด้วยกับวิธีการตั้งงบประมาณแบบมัดมือชก รวบรัดแบบไม่มีรายละเอียดก็คือ ส.ว.คำนูณ สิทธิสมาน อย่างไรก็ดี ถ้าดูตามอาการโดยรวมแล้ว ก็น่าจะผ่านไปได้ แต่คงต้องมีการตั้งกรรมาธิการวิสามัญ ไม่ใช่สามวาระรวด “กินหมู” เหมือนสภา ล่างแน่นอน
00 จะว่าไปแล้วกาลเวลามันก็พิสูจน์คน “บางคน” ได้ดีเหมือนกัน นาทีนี้นอกจากจะเคยเห็นแต่ “นักรบรับจ้าง” แล้ว ต่อไปอาจจะได้เห็นคนพวกนี้ที่จะผันกายมาเป็น “นักการเมืองรับจ้าง” กันบ้าง เพราะถ้าสังเกตให้ดี อีกไม่นานก็จะได้เห็นการ“เสนอหน้า” อาสาขอมาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ แม้ว่าจะได้ชื่อว่าเป็นแค่“หุ่นเชิด”ก็ยอม
00 รายนี้ก็เช่นเดียวกัน นึกว่าจะยืนยงคงหลักการแน่นหนา แต่กลายเป็นว่า มนูญกฤต รูปขจร ทำท่าจะ“เสียคน” ตอนแก่ เหมือนกับเพื่อน “พัลลภ ปิ่นมณี” ประเภทที่เคยฟาดฟันกันมาจนสรุปกันแบบ “ผีไม่เผาเงาไม่เหยียบ” แต่จู่ๆก็เดินไปหา“เสี่ยแม้ว” คนที่เคยเป็นคู่อริหน้าตาเฉย บางครั้งคนเรา“เชื่ออะไรไม่ได้” จริงๆ
00 แต่จะว่าไปแล้ว ถ้ามองในมุมของคนชื่อแม้ว ในเรื่องของเล่ห์เหลี่ยม ย่อมหามือจับยากเช่นเดียวกัน การจะเอาใครมาเชิดสักคน ก็ต้องพิจารณา “แบ็กกราวด์” ให้ละเอียดหน่อย หรือได้คุ้มเสียหรือไม่ โดยเฉพาะประเภทนักรบรับจ้าง ที่ทำทุกอย่างเพื่อเงินและอำนาจวาสนายิ่งต้องคิดหนักเป็นสองเท่าอยู่แล้ว แต่ถึงยังไงนาทีนี้จะเข้าข่าย “คนที่อยากได้ดันไม่อยากมา” แต่คนที่ไม่อยากได้ กลับ “เจือก” เสนอหน้ามาให้เห็นเสียนี่
00 ในที่สุดเลือกตั้งซ่อมสกลนคร ก็ได้เห็นแดงเห็นน้ำเงินกันไปแล้ว และเชื่อกันแล้วใช่หรือไม่ว่า ฤทธิ์ของ“โฟนอิน” ยังใช้ได้ แต่อีกมุมหนึ่งจากผลการเลือกตั้งเที่ยวล่าสุดกลับเป็นผลดีต่อ “มาร์ค” และพรรคประชาธิปัตย์ อย่างน้อยก็ลดความ “อหังการ์” ของ“คนปากห้อย” ลงได้หลายกิโลขีด เป็นผลดีต่อการอยู่ร่วมกันได้อีกระยะหนึ่ง
00 สำหรับการเลือกตั้งซ่อมที่ศรีสะเกษ ก็เช่นเดียวกัน สนามนี้จะเปลี่ยนหน้าคู่ชกมาเป็น “เพื่อไทย” กับ“ชาติไทย(พัฒนา)” ถ้ามองในด้านการลงทุนแล้วรับรองว่า “เสี่ยเติ้ง” โยนผ้าตั้งแต่ยกแรกแล้ว เพราะไม่ว่าชนะหรือแพ้ ก็มีผลไม่แตกต่างมากนัก เมื่อรู้อย่างงี้แล้ว“จะจ่าย” ให้โง่ทำไม ดังนั้น ผลเลือกตั้งก็คงรู้ล่วงหน้ากันตั้งแต่ในมุ้งแล้วหละโยม !!
