นักวิจัยแดนมักกะโรนีแนะหากอยากให้ใครทำอะไรให้ ควรกระซิบข้อความที่หูข้างขวาของคนๆ นั้น หลังการทดลองสามกรณีบ่งชี้ว่า หูข้างขวาสามารถประมวลผลข้อมูลได้ดีกว่าหูข้างซ้าย
ขณะเดียวกัน งานวิจัยอีกชิ้นระบุการฟังเพลงโอเปราดีต่อหัวใจ เนื่องจากช่วยลดอัตราการเต้นของหัวใจ ตลอดจนถึงความดันโลหิต
งานวิจัยที่ตีพิมพ์อยู่ในเว็บไซต์ของวารสาร Naturwissenschaffen ระบุว่าแนวโน้มนี้ปรากฏให้เห็นชัดเจนในกรณีการใช้โทรศัพท์ ที่คนส่วนใหญ่จะยกโทรศัพท์แนบหูข้างขวา
ในการทดสอบครั้งแรก นักเที่ยวในผับจะถูกเฝ้าสังเกตการณ์ระหว่างที่พูดคุยท่ามกลางเสียงดนตรีดังกระหึ่ม ซึ่งพบว่าปฏิกิริยาการตอบสนอง 72% เกิดขึ้นจากการรับฟังด้วยหูข้างขวา
ในการทดสอบครั้งที่สอง นักวิจัยเข้าไปหานักเที่ยว 160 คนและพึมพำคำพูดที่ไม่มีสาระเบาๆ เพื่อรอให้เป้าหมายหันหน้ามาหาและดูว่าเป้าหมายจะหันหูซ้ายหรือขวามาฟังก่อนจะขอบุหรี่
ผลปรากฏว่า นักเที่ยว 58% หันหูขวามารับฟัง ส่วนนักเที่ยวที่หันหูซ้ายมาฟังมีเพียง 42%
การทดสอบสุดท้าย นักวิจัยขอบุหรี่นักเที่ยวโดยจงใจพูดใส่หูข้างซ้ายหรือข้างขวา ปรากฏว่านักวิจัยมีแนวโน้มได้บุหรี่มากกว่าเมื่อพูดใส่หูข้างขวา
นักวิจัยสรุปว่า การพูดใส่หูข้างขวาจะทำให้คำพูดนั้นส่งเข้าสู่สมองส่วนที่มีการตอบสนองมากกว่า ซึ่งผลลัพธ์นี้สอดคล้องกับความรู้ความเข้าใจเฉพาะด้านเกี่ยวกับสมองซีกซ้ายและขวาของคนเรา
ศาสตราจารย์โซฟี สก็อตต์ จากสถาบันประสาทวิทยาศาสตร์การรับรู้ของยูนิเวอร์ซิตี้ คอลเลจ ลอนดอน ขานรับว่าคนส่วนใหญ่ประมวลผลคำพูดและภาษาที่สมองซีกซ้าย ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของอวัยวะด้านขวาของร่างกาย ขณะที่สมองซีกขวาเกี่ยวข้องกับอารมณ์ความรู้สึก
ขณะเดียวกัน มีรายงานอีกชิ้นจากอิตาลี ระบุว่าการฟังเพลงบางประเภทอาจช่วยลดอัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิต
รายงานฉบับนี้ชี้ว่า ระดับความดัง-เบาของแต่ละตัวโน้ตของเพลงโอเปราเหมาะอย่างยิ่งในการฟื้นฟูผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจ
วารสารเซอร์คูเลชันรายงานว่า ดนตรีส่งผลดีต่อร่างกายและสภาพจิตใจของคนเราด้วย ที่สำคัญยังเป็นวิธีดูแลสุขภาพที่ทั้งสะดวกสบายและมีต้นทุนต่ำอีกด้วย นี่จึงเป็นเหตุผลที่โรงพยาบาลหลายแห่ง อย่างเช่นในอังกฤษ เปิดเพลงคลอเบาๆ ให้คนไข้ฟังมาเป็นเวลานานแล้ว
เพลงจังหวะกระแทกกระทั้นทำให้การหายใจ อัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิตสูงขึ้น ขณะที่เพลงที่มีจังหวะเนิบช้าให้ผลในทางตรงข้าม
“ดนตรีทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด” ดร.ลูเซียโน เบอร์นาร์ดี จากมหาวิทยาลัยปาเวียในอิตาลี ซึ่งเป็นผู้นำการวิจัยนี้ กล่าว
ทั้งนี้ ทีมนักวิจัยของดร.เบอร์นาร์ดีได้ขอให้อาสาสมัครสุขภาพดี 24 คน ฟังเพลงคลาสสิก 5 เพลงที่เปิดแบบสุ่ม และตรวจสอบการตอบสนองทางร่างกายของอาสาสมัครเหล่านี้
นักวิจัยพบว่า ระดับความดังที่เพิ่มขึ้นของแต่ละตัวโน้ต ‘ปลุกเร้า’ ร่างกายและทำให้หลอดเลือดใต้ผิวหนังตีบลง ความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น
ในทางกลับกัน ระดับความดังที่ลดลงของแต่ละตัวโน้ต ทำให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย อัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิตลดลง
นักวิจัยยังทดสอบโดยใช้เพลงประเภทต่างๆ รวมถึงความเงียบกับอาสาสมัคร และพบว่าเพลงที่มีระดับความดังขึ้นๆ ลงๆ เช่น เพลงโอเปรา ทำให้การไหลเวียนของหลอดเลือดและหัวใจทำงานอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
ดร.เบอร์นาร์ดีเสริมว่า การค้นพบนี้ทำให้มีความเข้าใจชัดเจนขึ้นว่าดนตรีเป็นยาขนานเอกในการฟื้นฟูสภาพจิตใจและร่างกายผู้ป่วยได้อย่างไร
ไดอานา กรีนแมน ประธานบริหารมิวสิก อิน ฮอสปิตอล ขานรับว่าดนตรีมีประโยชน์อย่างเหลือเชื่อสำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจ หลายครั้งที่เธอพบผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจที่เป็นอัมพาต แต่สามารถขยับเขยื้อนร่างกายได้หลังจากได้ฟังเพลงช่วยอีกทาง
ทั้งนี้ มิวสิก อิน ฮอสปิตอลเป็นมูลนิธิการกุศลที่จัดดนตรีสดไปแสดงตามโรงพยาบาล สถานพักฟื้นและบ้านพักคนชราในอังกฤษ โดยก่อตั้งขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ภายใต้วัตถุประสงค์ในการช่วยเยียวยาทหารผ่านศึกที่บาดเจ็บ
ด้านโฆษกของสมาคมโรคหลอดเลือดหัวใจสำทับว่า เคยอ่านงานวิจัยมามากมายที่บ่งชี้ว่าสภาพจิตใจที่ดีขึ้นจากการฟังดนตรีสามารถช่วยผู้รอดชีวิตจากโรคหลอดเลือดหัวใจได้
ขณะเดียวกัน งานวิจัยอีกชิ้นระบุการฟังเพลงโอเปราดีต่อหัวใจ เนื่องจากช่วยลดอัตราการเต้นของหัวใจ ตลอดจนถึงความดันโลหิต
งานวิจัยที่ตีพิมพ์อยู่ในเว็บไซต์ของวารสาร Naturwissenschaffen ระบุว่าแนวโน้มนี้ปรากฏให้เห็นชัดเจนในกรณีการใช้โทรศัพท์ ที่คนส่วนใหญ่จะยกโทรศัพท์แนบหูข้างขวา
ในการทดสอบครั้งแรก นักเที่ยวในผับจะถูกเฝ้าสังเกตการณ์ระหว่างที่พูดคุยท่ามกลางเสียงดนตรีดังกระหึ่ม ซึ่งพบว่าปฏิกิริยาการตอบสนอง 72% เกิดขึ้นจากการรับฟังด้วยหูข้างขวา
ในการทดสอบครั้งที่สอง นักวิจัยเข้าไปหานักเที่ยว 160 คนและพึมพำคำพูดที่ไม่มีสาระเบาๆ เพื่อรอให้เป้าหมายหันหน้ามาหาและดูว่าเป้าหมายจะหันหูซ้ายหรือขวามาฟังก่อนจะขอบุหรี่
ผลปรากฏว่า นักเที่ยว 58% หันหูขวามารับฟัง ส่วนนักเที่ยวที่หันหูซ้ายมาฟังมีเพียง 42%
การทดสอบสุดท้าย นักวิจัยขอบุหรี่นักเที่ยวโดยจงใจพูดใส่หูข้างซ้ายหรือข้างขวา ปรากฏว่านักวิจัยมีแนวโน้มได้บุหรี่มากกว่าเมื่อพูดใส่หูข้างขวา
นักวิจัยสรุปว่า การพูดใส่หูข้างขวาจะทำให้คำพูดนั้นส่งเข้าสู่สมองส่วนที่มีการตอบสนองมากกว่า ซึ่งผลลัพธ์นี้สอดคล้องกับความรู้ความเข้าใจเฉพาะด้านเกี่ยวกับสมองซีกซ้ายและขวาของคนเรา
ศาสตราจารย์โซฟี สก็อตต์ จากสถาบันประสาทวิทยาศาสตร์การรับรู้ของยูนิเวอร์ซิตี้ คอลเลจ ลอนดอน ขานรับว่าคนส่วนใหญ่ประมวลผลคำพูดและภาษาที่สมองซีกซ้าย ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของอวัยวะด้านขวาของร่างกาย ขณะที่สมองซีกขวาเกี่ยวข้องกับอารมณ์ความรู้สึก
ขณะเดียวกัน มีรายงานอีกชิ้นจากอิตาลี ระบุว่าการฟังเพลงบางประเภทอาจช่วยลดอัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิต
รายงานฉบับนี้ชี้ว่า ระดับความดัง-เบาของแต่ละตัวโน้ตของเพลงโอเปราเหมาะอย่างยิ่งในการฟื้นฟูผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจ
วารสารเซอร์คูเลชันรายงานว่า ดนตรีส่งผลดีต่อร่างกายและสภาพจิตใจของคนเราด้วย ที่สำคัญยังเป็นวิธีดูแลสุขภาพที่ทั้งสะดวกสบายและมีต้นทุนต่ำอีกด้วย นี่จึงเป็นเหตุผลที่โรงพยาบาลหลายแห่ง อย่างเช่นในอังกฤษ เปิดเพลงคลอเบาๆ ให้คนไข้ฟังมาเป็นเวลานานแล้ว
เพลงจังหวะกระแทกกระทั้นทำให้การหายใจ อัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิตสูงขึ้น ขณะที่เพลงที่มีจังหวะเนิบช้าให้ผลในทางตรงข้าม
“ดนตรีทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด” ดร.ลูเซียโน เบอร์นาร์ดี จากมหาวิทยาลัยปาเวียในอิตาลี ซึ่งเป็นผู้นำการวิจัยนี้ กล่าว
ทั้งนี้ ทีมนักวิจัยของดร.เบอร์นาร์ดีได้ขอให้อาสาสมัครสุขภาพดี 24 คน ฟังเพลงคลาสสิก 5 เพลงที่เปิดแบบสุ่ม และตรวจสอบการตอบสนองทางร่างกายของอาสาสมัครเหล่านี้
นักวิจัยพบว่า ระดับความดังที่เพิ่มขึ้นของแต่ละตัวโน้ต ‘ปลุกเร้า’ ร่างกายและทำให้หลอดเลือดใต้ผิวหนังตีบลง ความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น
ในทางกลับกัน ระดับความดังที่ลดลงของแต่ละตัวโน้ต ทำให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย อัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิตลดลง
นักวิจัยยังทดสอบโดยใช้เพลงประเภทต่างๆ รวมถึงความเงียบกับอาสาสมัคร และพบว่าเพลงที่มีระดับความดังขึ้นๆ ลงๆ เช่น เพลงโอเปรา ทำให้การไหลเวียนของหลอดเลือดและหัวใจทำงานอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
ดร.เบอร์นาร์ดีเสริมว่า การค้นพบนี้ทำให้มีความเข้าใจชัดเจนขึ้นว่าดนตรีเป็นยาขนานเอกในการฟื้นฟูสภาพจิตใจและร่างกายผู้ป่วยได้อย่างไร
ไดอานา กรีนแมน ประธานบริหารมิวสิก อิน ฮอสปิตอล ขานรับว่าดนตรีมีประโยชน์อย่างเหลือเชื่อสำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือดหัวใจ หลายครั้งที่เธอพบผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจที่เป็นอัมพาต แต่สามารถขยับเขยื้อนร่างกายได้หลังจากได้ฟังเพลงช่วยอีกทาง
ทั้งนี้ มิวสิก อิน ฮอสปิตอลเป็นมูลนิธิการกุศลที่จัดดนตรีสดไปแสดงตามโรงพยาบาล สถานพักฟื้นและบ้านพักคนชราในอังกฤษ โดยก่อตั้งขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ภายใต้วัตถุประสงค์ในการช่วยเยียวยาทหารผ่านศึกที่บาดเจ็บ
ด้านโฆษกของสมาคมโรคหลอดเลือดหัวใจสำทับว่า เคยอ่านงานวิจัยมามากมายที่บ่งชี้ว่าสภาพจิตใจที่ดีขึ้นจากการฟังดนตรีสามารถช่วยผู้รอดชีวิตจากโรคหลอดเลือดหัวใจได้