00 มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคาร 23 มิถุนายนที่ผ่านมา ที่เห็นชอบตามข้อเสนอให้โยกย้ายสลับตำแหน่งระหว่าง วิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ จากรองปลัดฯคลัง ไปเป็นอธิบดีกรมศุลกากร แล้วโยก อุทิศ ธรรมวาทิน จากกรมศุลฯมาเป็นรองปลัดฯคลัง เป็นปลายทางสุดท้ายก่อนเกษียณฯในอีก 4 เดือนข้างหน้า ถือว่าผิดความคาดหมายกันไปตามๆ กัน
00 ว่ากันว่างานนี้มีเบื้องหลัง มีนัยยะสำคัญให้ขบคิดกันพอสมควร และที่สำคัญไม่รู้ว่ามีเรื่องของ “เบี้ยใบ้” รายทางเข้ามาเกี่ยวข้องหรือเปล่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน“วงการ” ที่ติดตามความเคลื่อนไหวในกระทรวงการคลังมานานย่อมรู้กันดีว่ามีทั้ง “ขั้วเก่า-ใหม่” ที่พยายามรักษาอาณาเขตและขยายล้ำเข้ามา
00 เป็นยุคแห่งการผลัดใบจากยุคของ“วราเทพ รัตนากร” มาสู่ยุค“ประดิษฐ์-ไพโรจน์” กำลังชิงดำกันอยู่ แม้ว่าในระยะหลังๆ ฝ่ายแรกดูจะมีภาษีเหนือกว่า อาจเป็นเพราะความสามารถเฉพาะตัว มี “แบ็กกราวด์” สายสัมพันธ์ระดับทรงอิทธิพลไม่น้อย ฐานะที่เคยเป็น“แม่บ้าน” ในพรรคแม่ธรณีมาก่อน สังเกตให้ดี “เสี่ยอ๊อด” กำลังขึ้นหม้อจนผิดสังเกต ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะจูนคลื่นกับ “มาร์ค-สุเทพ” ได้ตรงกันมากขึ้นแล้ว ขณะที่ฝ่ายหลัง แม้ว่าไม่ใช่ “ตะเกียงไร้น้ำมัน” เสียทีเดียว แต่เสียเปรียบตรงที่ต้องใช้อำนาจผ่านตัวแทนอีกทอดหนึ่ง เรื่องบางอย่างก็ไม่ทันการณ์
00 งานนี้สำหรับ อุทิศ ถือว่าเป็นบทเรียนต้องจำไป ทั้งก่อนและเกษียณอายุราชการไปแล้ว อาจเป็นเพราะ “นอนใจ” ไม่ยอมต่อวีซ่า ไม่คิดว่าเวลาที่เหลือในบั้นปลายแค่ 4 เดือนจะมีการพลิกผันได้จากหน้ามือ-หลังมือ และที่สำคัญคงไม่นึกว่า “วิสุทธิ์” จะ “ใจถึง” ได้ขนาดนี้ ส่วนจะใจถึงแบบไหนให้ไปสืบเสาะเอาเอง
00 จะเป็นเพราะต้องการแก้ตัวใหม่ในสไตล์แบบประชาธิปัตย์ ต้องอาศัยช่วงจังหวะงานวันเกิด “ดร.สามสี ภูเขาทอง” เลี้ยงประสานไมตรีกับบรรดา “ขาใหญ่” ในพรรคร่วมรัฐบาล หลังจากก่อนหน้านั้นไม่กี่ชั่วโมง “เสี่ยเติ้ง” ตื่นตัวไวไฟ เคลื่อนไหวทันทีหลังจาก “เสี่ยห้อย” นำทัพพ่ายศึกเลือกตั้งซ่อมที่สกลนครให้กับ นช.ทักษิณ แบบไม่เป็นท่า ว่ากันว่าผลดีกลับส่งผลข้างเคียงนั่นคือ เกมต่อรองในรัฐบาลที่เคยพร่องลงไปก็พลิกกลับมาเติมจนเกือบเต็มเท่าเดิม อย่ามองข้าม“หลงจู๊สุพรรณ” เป็นอันขาด !!
00 ว่ากันว่างานนี้มีเบื้องหลัง มีนัยยะสำคัญให้ขบคิดกันพอสมควร และที่สำคัญไม่รู้ว่ามีเรื่องของ “เบี้ยใบ้” รายทางเข้ามาเกี่ยวข้องหรือเปล่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน“วงการ” ที่ติดตามความเคลื่อนไหวในกระทรวงการคลังมานานย่อมรู้กันดีว่ามีทั้ง “ขั้วเก่า-ใหม่” ที่พยายามรักษาอาณาเขตและขยายล้ำเข้ามา
00 เป็นยุคแห่งการผลัดใบจากยุคของ“วราเทพ รัตนากร” มาสู่ยุค“ประดิษฐ์-ไพโรจน์” กำลังชิงดำกันอยู่ แม้ว่าในระยะหลังๆ ฝ่ายแรกดูจะมีภาษีเหนือกว่า อาจเป็นเพราะความสามารถเฉพาะตัว มี “แบ็กกราวด์” สายสัมพันธ์ระดับทรงอิทธิพลไม่น้อย ฐานะที่เคยเป็น“แม่บ้าน” ในพรรคแม่ธรณีมาก่อน สังเกตให้ดี “เสี่ยอ๊อด” กำลังขึ้นหม้อจนผิดสังเกต ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะจูนคลื่นกับ “มาร์ค-สุเทพ” ได้ตรงกันมากขึ้นแล้ว ขณะที่ฝ่ายหลัง แม้ว่าไม่ใช่ “ตะเกียงไร้น้ำมัน” เสียทีเดียว แต่เสียเปรียบตรงที่ต้องใช้อำนาจผ่านตัวแทนอีกทอดหนึ่ง เรื่องบางอย่างก็ไม่ทันการณ์
00 งานนี้สำหรับ อุทิศ ถือว่าเป็นบทเรียนต้องจำไป ทั้งก่อนและเกษียณอายุราชการไปแล้ว อาจเป็นเพราะ “นอนใจ” ไม่ยอมต่อวีซ่า ไม่คิดว่าเวลาที่เหลือในบั้นปลายแค่ 4 เดือนจะมีการพลิกผันได้จากหน้ามือ-หลังมือ และที่สำคัญคงไม่นึกว่า “วิสุทธิ์” จะ “ใจถึง” ได้ขนาดนี้ ส่วนจะใจถึงแบบไหนให้ไปสืบเสาะเอาเอง
00 จะเป็นเพราะต้องการแก้ตัวใหม่ในสไตล์แบบประชาธิปัตย์ ต้องอาศัยช่วงจังหวะงานวันเกิด “ดร.สามสี ภูเขาทอง” เลี้ยงประสานไมตรีกับบรรดา “ขาใหญ่” ในพรรคร่วมรัฐบาล หลังจากก่อนหน้านั้นไม่กี่ชั่วโมง “เสี่ยเติ้ง” ตื่นตัวไวไฟ เคลื่อนไหวทันทีหลังจาก “เสี่ยห้อย” นำทัพพ่ายศึกเลือกตั้งซ่อมที่สกลนครให้กับ นช.ทักษิณ แบบไม่เป็นท่า ว่ากันว่าผลดีกลับส่งผลข้างเคียงนั่นคือ เกมต่อรองในรัฐบาลที่เคยพร่องลงไปก็พลิกกลับมาเติมจนเกือบเต็มเท่าเดิม อย่ามองข้าม“หลงจู๊สุพรรณ” เป็นอันขาด !!
