xs
xsm
sm
md
lg

มาร์ครับคดีสนธิพบอุปสรรค ปัดตอบคนใหญ่คนโตคือใคร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - นายกรัฐมนตรีให้กำลังใจ“ธานี”คลี่คลายคดียิง"สนธิ"ยันรัฐบาลหนุนเต็มที่ ปัดไม่รู้ คนใหญ่คนโตเป็นใคร ขึ้นอยู่กับหลักฐาน “พัชรวาท”เชื่อทำคดีคงจะประสบผลสำเร็จ “ธานี”เมินการข่มขู่คุกคาม มั่นใจทำคดีเสร็จก่อนเกษียณ แต่ปัดตอบคำถามสื่อว่า “คนระดับใดถึงสามารถข่มขู่ได้” ด้าน"สนธิ" ยอมรับชีวิตหลังถูกยิงอยู่ลำบากขึ้น เชื่อฝีมืออสูรกายคนมีสี ที่รับงานมาจากพวกที่มีอวิชชา

วานนี้(23 มิ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม ครม.ถึงการเข้าหารือของพล.ต.อ. ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร. ที่เข้ามารายงานผลการคลี่คลายคดีบุกยิง นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แล้วพบปัญหาและอุปสรรค ว่า ตนได้ให้แนวทางขอให้เดินหน้าต่อไป พร้อมกับได้สอบถามว่า มีปัญหาอะไรหรือไม่ ซึ่งพล.ต.อ.ธานี ระบุว่าไม่มีปัญหา โดยครั้งสุดท้ายพบว่าเริ่มมีปัญหาอุปสรรคจึงมารายให้ทราบ ก็ได้สอบถามว่าสามารถทำงานต่อได้หรือไม่ เมื่อบอกว่าทำได้ รัฐบาลก็สนับสนุนเต็มที่

ผู้สื่อข่าวถามว่า พอจะเปิดเผยได้หรือไม่ว่าอุปสรรคคืออะไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขอให้ถามพล.ต.อ. ธานี ดีกว่า ส่วนจะเกี่ยวข้องกับคนใหญ่คนโตในรัฐบาลหรือไม่นั้น ไม่ได้ระบุ ทั้งหมดนี้อยู่ที่พยานหลักฐาน
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เปิดเผยถึงเรื่องเดียวกันนี้ว่า ต้องไปถามพล.ต.อ.ธานี ว่าเจอตออย่างไร ส่วนตนเองยังไม่ทราบ แต่คดีนี้ก็ต้องเดินหน้าต่อไป

**"พัชรวาท"ยังไม่รู้เจอตอ
ด้านพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. กล่าวว่าตนยังไม่ได้รับรายงานในเรื่องดังกล่าว ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีบันทึกสั่งการไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขอให้พล.ต.อ.ธานี เร่งรัดดำเนินการทุกคดีที่เกี่ยวข้อง แต่ขณะนี้ยังไม่ทราบปัญหา ต้องรอให้รายงานขึ้นมาก่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.ต.อ.ธานี พูดทำนองว่า มีการข่มขู่ชุดทำงานและได้รายงานนายกรัฐมนตรีทราบแล้ว ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้ให้กำลังใจมาด้วย ผบ.ตร. กล่าวว่า ไม่รู้ ยังไม่ได้รับรายงาน
ส่วนคดีลอบยิงนายสนธิ จะได้ตัวผู้ต้องหาหรือไม่นั้น พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า เท่าที่ฟังพล.ต.อ.ธานี แล้วยังไม่ได้รายงานผลการสืบสวนอะไรขึ้นมา ซึ่งตนก็เร่งรัดไปว่า 1 เดือนแล้ว พล.ต.อ.ธานี ก็ทำเต็มที่เพราะเห็นประชุมสัปดาห์ละ1-2 ครั้ง คิดว่าต้องรอฟังพล.ต.อ.ธานีก่อน เชื่อว่าคงจะประสบผลสำเร็จ

**"ธานี"ปัดตอบคนระดับใดข่มขู่
ด้านพล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ กล่าวว่า อุปสรรคการทำคดีนี้คือ พนักงานสืบสวนสอบสวนที่ทำคดีถูกข่มขู่ในหลายรูปแบบไม่ให้ทำคดีนี้ แต่ตนไม่ได้ถามว่าถูกข่มขู่อย่างไรบ้าง ทำให้เรื่องนี้เป็นเหตุให้การทำคดีนายสนธิ ล่าช้าไป แต่ก็ยืนยันว่า จะทำคดีให้เสร็จก่อนเกษียณอายุราชการ
อย่างไรก็ตาม แม้ชุดคลี่คลายคดีจะถูกข่มขู่ก็ข่มขู่ไป แต่การทำงานก็ต้องทำต่อไป ซึ่งเมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า คนระดับใดถึงสามารถข่มขู่พล.ต.อ.ธานีได้ พล.ต.อ.ธานี นิ่งเงียบไม่ตอบคำถามดังกล่าว
**"สนธิ"เผยชีวิตหลังถูกยิง
ด้านนายสนธิ ลิ้มทองกุล เปิดเผยในรายการ “แอน จินดารัตน์” ดำเนินรายการโดยนางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ ออกอากาศทาง เอเอสทีวี- ทีวีของประชาชน ช่วงเวลา 20.30-22.00 น.วันจันทร์ที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมา เกี่ยวกับการใช้ชีวิต ทั้งช่วงก่อนและหลังจากถูกลอบสังหารด้วยอาวุธสงคราม เมื่อวันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมา
นายสนธิ บอกว่าแผลที่ถูกยิงที่ศีรษะหายแล้วประมาณ 70% ซึ่งบางครั้งยังมีอาการเวียนหัวอยู่ เนื่องจากน้ำในหูไม่เท่ากัน เลือดที่ส่งไปเลี้ยงสมองยังทำงานไม่เต็มที่ ที่สำคัญเวลาผ่าตัดฤทธิ์ยาสลบที่ใช้ในการผ่าตัดยังคงอยู่ในร่างกายอีก 50% จะทำให้เหนื่อยง่าย ง่วงเร็ว ตรงนี้ต้องใช้เวลาในการขับฤทธิ์ยาออกไป และครั้งนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตที่หนักที่สุดสำหรับการผ่าตัด และวางยาสลบ แต่แปลกหลังจากฟื้นรู้สึกตัวเร็วมากไม่มีอาการเมายาสลบเลย สามารถทักทายกับคนทั่วไปได้

**เชื่อฝีมืออสูรกายคนมีสี
เมื่อถามว่า ทำไมยังเอาเสื้อ กางเกงที่เปื้อนเลือดมาแขวนไว้ในห้องทำงาน นายสนธิ กล่าวว่า ต้องการเอาไว้เตือนใจให้รู้ว่า เลือดที่หลั่งลงสู่ดินนี้เป็นเลือดคนบริสุทธิ์ คนที่ทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองต้องมาเสียเลือดเสียเนื้อ และโดนคนซึ่งโดยหน้าที่ควรจะทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองเหมือนกับตน แต่ต้องมาแปลงร่างเป็นอสูรกาย มายิงตน งานนี้เป็นคนมีสียิงแน่นอน อย่างไรก็ดีตนเชื่อในเรื่องของเวรกรรม และอโหสิกรรมให้ ทุกวันนี้ได้แต่สวดแผ่เมตตาให้ผู้กระทำ ไม่โกรธ ไม่แค้น ไม่เคืองเขา ให้กฎแห่งกรรมเป็นตัวเร่งให้เขารับกรรม ไม่ว่าเขาจะใหญ่แค่ไหน จะมียศเป็นพลเอกก็ตาม

**คนสั่งฆ่าเป็นพวกมีอวิชชา
นายสนธิ กล่าวว่า คนที่สั่งฆ่านั้นเป็นพวกที่มีอวิชชา คิดว่าตนเป็นคนอันตราย พูดไม่รู้เรื่อง ต้องฆ่า เหมือนสมัยรุ่น 5 ยึดอำนาจก็ส่งคนมายิง เพราะนายสนธิ ซื้อไม่ขาย ขอไม่ให้ ต้องยิงมัน ทั้งนี้ผู้มีอำนาจมีอิทธิพลจะกลัวคนที่มีจุดยืน ส่วนคนเสื้อแดงนั้น ไม่น่ากลัว เพราะไม่มีอุดมการณ์ พวกเขาอยู่ได้ด้วยท่อน้ำเลี้ยง ด้วยเงิน แต่เขากลัวพันธมิตรฯที่มีจิตวิญญาณ ซื่อสัตย์ จิตบริสุทธิ์ รักชาติบ้านเมือง และมีอำนาจแห่งปัญญาที่วิเคราะห์ได้ว่า อะไรถูกอะไรผิด มีหิริ โอตัปปะ มีจริยธรรม เชื่อว่าพี่น้องพันธมิตรฯหลายคนเคียดแค้นว่า ทำไมตนต้องถูกยิง แล้วถ้าวันข้างหน้ามีการจับคนร้ายได้ แล้วชี้ไปถึงคนที่อยู่เบื้องหลัง เชื่อว่าพันธมิตรฯมีอิทธิพลในการสร้างความกดดัน ให้คนที่สั่งการอยู่เบื้องหลังการสั่งยิงมีชีวิตอยู่อย่างไม่เป็นสุข ชนิดถ้ามีชีวิตอยู่ สู้ตายเสียดีกว่า เขาจะมองหน้าคนไม่ได้ เพราะคนที่เคียดแค้นแทนมีอยู่ทุกวงการ พันธมิตรฯ คงไม่ทำอะไรเขา แต่สายตาที่มองอย่างดูถูก เขาจะทนไม่ได้
"ช่วงนี้ก็ไปปล่อยข่าวลือว่าผมถูกสั่งยิงโดยฟ้า แล้วเขาก็ไม่รู้ว่า ทางข้างบนก็รู้ว่า นี่คือข่าวลือที่ปล่อยออกมา ใครปล่อยเขาก็รู้ เขาบอกว่าปล่อยผ่านพระองค์หนึ่งแถวยานนาวา พระองค์นั้นท่านก็ฉุนว่าเอาท่านไปเกี่ยวข้องอะไร ท่านก็โทร.ไปรายงานฟ้าเหมือนกันว่า ท่านไม่เกี่ยวข้อง แล้วบอกด้วยว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวลือ นี่คือความทุกข์ มันปิดไม่มิดหรอก เอามือปิดฟ้าได้ยังไง”นายสนธิกล่าว

**ชีวิตหลังถูกยิงอยู่ลำบากขึ้น
นายสนธิ กล่าวต่อว่า ชีวิตความเป็นอยู่หลังโดนลอบยิง ยอมรับว่าลำบากขึ้น การที่มีคนเดินล้อมหน้าลอมหลังตนนั้น เป็นเพราะมีเพื่อนที่เป็นตำรวจที่เกษียณแล้วเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย เลยจัดกำลังมาดูแลรักษาความปลอดภัยให้ ลำพังตนไม่ได้ประมาท แต่มีความเชื่อมั่นในเรื่องกฎแห่งกรรม ถึงแม้จะมีคนล้อมหน้าล้อมหลังมากน้อยแค่ไหน เมื่อมันจะตายอย่างไรมันก็ตาย แต่ถ้าไม่ตายก็ไม่ตาย ขนาดโดยยิงกว่าร้อยนัดยังไม่ตายเลย ตอนนี้ชีวิตไม่ได้ต้องการอะไร นอกจากอยากให้ชาติบ้านเมืองดีขึ้น อยากให้ชาติบ้านเมืองรู้จักถูกผิด มีที่ยืน ไม่ใช่ว่าจู่ๆ วันดีคืนดีมีคนเอาปืนมายิง ซึ่งคนพวกนี้ต้องได้รับกฎแห่งกรรม หรือกรณีที่ คุณธานี สมบูรณ์ทรัพย์ เพิ่งให้สัมภาษณ์บอกว่า เจอตอ เมื่อเจอตอแล้วหาคนร้ายไม่ได้ อย่างนี้ประเทศไม่มีที่ยืนแล้ว หวังไม่ได้แล้ว ทุกคนมีสิทธิ์ตายได้ ถ้าคนมีอำนาจแล้วสั่งฆ่าใครก็ได้
อย่างไรก็ตาม นายสนธิ กล่าวว่า ตนพร้อมที่จะตายอยู่แล้ว เพราะเตรียมตัวตายมานาน เพราะนี่เป็นเรื่องสมมุติ แต่เชื่อว่าถ้าตายไป คงได้ขึ้นสวรรค์เพราะทำอะไรให้ชาติบ้านเมืองมามาก ครูบาอาจารย์ก็สอนให้เตรียมตัวตาย ให้กลัวบาป มีหิริ โอตตัปปะ ซึ่งตนได้รับอิทธิพลจากภรรยา ที่ดึงเข้าสู่ธรรมะเป็นคนแรก โดยมีเทคนิคการสอนหลายอย่าง ทั้งในเรื่องเตรียมตัวตาย เพราะไม่มีใครรู้ว่าจะตายวันไหน แล้วจะต้องสร้างคุณงามความดี ละเว้นจากการทำบาป
ส่วนอีกอย่างเห็นจะเป็นบทเรียนที่ได้รับจากการบวช เมื่อปี 2541 ที่ จ.หนองบัวลำภู หลวงพ่อญาท่าน สอนให้มีสติอยู่ตลอดเวลา แม้กระทั่งขณะทานอาหาร วันที่ศาลสั่งล้มละลาย เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว คนแรกที่นึกถึงคือหลวงพ่อญาท่าน ท่านบอกว่าพ้นกรรมแล้ว และได้สอนว่า เสียอะไรเสียไป รักษาใจไว้ให้ดี ใจเท่านั้นที่เป็นของเรา ใครก็เอาไปไม่ได้ ก็เลยคิดออกว่า ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกา รถ บ้าน เสื้อผ้า ถ้ามันจะหมดก็ให้มันหมดไป รักษาใจไว้ก่อน
นายสนธิ กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านั้นตนเคยขึ้นปกนิตยสารเอเชียวีก นิวยอร์กไทมส์ เอเชียนวอลสตรีทเจอร์นัล ลอสแองเจลิสไทมส์ มีบริษัทที่สหรัฐอเมริกา แมนเชสเตอร์ ฮ่องกง สิงคโปร์ ไปสหรัฐฯ ปีละหลายครั้ง เดินทางจากนิวยอร์กไปลอนดอน ด้วยเครื่องบินคองคอร์ด เคยนั่งกับอีริก แคลปตัน อะไรที่มันที่สุดๆ ตนผ่านมาหมด สมัยนั้นมองว่า เป็นความภาคภูมิใจสุดๆ แต่เมื่อมองย้อนหลังแล้ว ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น รู้สึกสงสารตัวเอง และเห็นคนรุ่นหนุ่มในปัจจุบันเป็นอย่างที่ตนเคยเป็น มองแล้วก็สงสาร เพราะนั่นคือของปลอม

**เลื่อนคดี"ภูมิธรรม"ฟ้องสนธิ
วันเดียวกันเวลา 10.00 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 913 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีที่นายภูมิธรรม เวชยชัย อดีต รมช.คมนาคม และรองเลขาธิการพรรคไทยรักไทย เป็นโจทก์ฟ้องบริษัทไทยเดย์ ด็อท คอม จำกัด, นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล, นายพชร สมุทวณิช, นายขุนทอง ลอเสรีวณิช, นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรฯ, บริษัท แมแนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน), นายสุวัฒน์ ทองธนากุล, นายมรุชัช รัตนปรารมย์, นายตุลย์ ศิริกุลพิพัฒน์, นายวิรัตน์ แสงทองคำ เป็นจำเลยที่ 1-10 ตามลำดับ ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา กรณีเมื่อวันที่ 25 พ.ย.48 เวลากลางคืน จำเลยที่ 5 และ น.ส.สโรชา พรอุดมศักดิ์ ร่วมกันจัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ครั้งที่ 10 ที่วัดป่าบ้านตาด อ.เมืองฯ จ.อุดรธานี มีเนื้อหาหมิ่นประมาทโจทก์ ทำนองว่าเป็นอดีตสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ ไม่เคารพสถาบันกษัตริย์ และระบอบประชาธิปไตย รวมทั้งเกี่ยวข้องกับการจัดทำเว็บไซต์ ที่มีเนื้อหาจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง โดยถ่ายทอดสดผ่านทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม เอเอสทีวี ของจำเลยที่ 1 และยังบันทึกเป็นวีซีดี และดีวีดี ออกเผยแพร่ รวมทั้งตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน ฉบับเสาร์-อาทิตย์ 26-27 และ 28 พ.ย.48 มีเว็บไซต์ www.manager.co.th ของจำเลยที่ 5 ซึ่งมีจำเลยที่ 4 และจำเลยที่ 6-10 เป็นบรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา และกรรมการผู้มีอำนาจ
คดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลยที่ 5 เป็นเวลา 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ส่วนจำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคล ที่มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด ให้ปรับเงิน 200,000 บาท และให้ทำลาย วีซีดี ดีวีดี รายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ครั้งที่ 10 และหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน ฉบับวันที่ 26-27 และ 28 พ.ย.48 รวมทั้งให้โฆษณาคำพิพากษาลงในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน เป็นเวลา 3 วัน โดยให้จำเลยที่ 1 และ 5 เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด ส่วนจำเลยอื่นให้ยกฟ้อง โจทก์และจำเลยที่ 1 และ 5 ยื่นอุทธรณ์ โดยจำเลยที่ 1-4 และที่ 6-10 เดินทางมาศาล ส่วนจำเลยที่ 5 ไม่ได้มาศาล
ทั้งนี้นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายจำเลยที่ 5 ได้ยื่นคำร้องพร้อมแนบใบรับรองแพทย์ ต่อศาลระบุว่าเนื่องจากจำเลยที่ 5 อยู่ระหว่างรักษาตัวจากการผ่าตัดสมองหลังถูกลอบยิง จึงขอเลื่อนฟังคำพิพากษาออกไประยะหนึ่ง ศาลสอบถามทนายโจทก์ไม่คัดค้าน จึงมีคำสั่งเลื่อนนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ออกไป เป็นวันที่ 11 ก.ย.นี้ เวลา 09.00 น.
กำลังโหลดความคิดเห็น