เอเจนซี – สตีฟ จ๊อบส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ (ซีอีโอ) แอปเปิล อิงค์ เข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนตับเมื่อราวสองเดือนก่อน และคาดว่าจะกลับมาทำงานได้ในปลายเดือนมิถุนายนนี้ ทั้งนี้เป็นรายงานในหนังสือพิมพ์วอลล์ สตรีท เจอร์นัล ฉบับวันเสาร์ (20)
จ๊อบส์คือผู้ผลักดันโครงการพัฒนาไอพอด ไอโฟน และผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมชั้นนำอื่นๆ ของบริษัท แต่มีข่าวว่าเขาล้มป่วยด้วยโรคมะเร็งในตับอ่อนและเข้ารับการรักษาเมื่อเดือนมกราคมโดยไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดอาการใดๆ
ส่วนโฆษกของแอปเปิล อิงค์ ก็ไม่ยืนยันข่าวล่าสุดนี้ แต่ระบุว่า “สตีฟยังคงเตรียมตัวที่จะกลับเข้ามาทำงานที่แอปเปิลในปลายเดือนมิถุนายน และไม่สามารถให้ข้อมูลเพิ่มเติมได้มากกว่านี้”
แม้ว่าพวกนักลงทุนอาจขานรับข่าวดังกล่าวในเชิงลบเมื่อตลาดหุ้นเปิดทำการซื้อขายในวันจันทร์ (22) แต่นักวิเคราะห์บอกว่าวอลล์สตรีทเตรียมพร้อมแล้วสำหรับการโยกย้ายตำแหน่งของจ๊อบส์ไปดูแลในส่วนแนวคิดและผลิตภัณฑ์ในภาพรวมของแอปเปิล
นักวิเคราะห์ยังบอกอีกว่า ทิม คุก ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ (ซีโอโอ) เป็นผู้ดูแลการบริหารงานประจำวันในระหว่างที่จ๊อบส์ลาป่วย และคาดกันว่าเขาจะรับผิดชอบงานดังกล่าวต่อไปหากจ๊อบส์ไม่สามารถกลับมารับผิดชอบงานได้เต็มเวลา
วอลล์ สตรีท เจอร์นัล ยังอ้างแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยชื่ออีกว่า จ๊อบส์ซึ่งอยู่ในวัย 54 ปี อาจกลับมาทำงานแบบไม่เต็มเวลาในระยะแรก โดยคุกจะเป็นผู้รับผิดชอบ “งานด้านกำหนดทิศทางของกิจการมากขึ้นกว่าเดิม”
เป็นเวลานานทีเดียวที่เกิดข่าวลือต่างๆ เกี่ยวกับสุขภาพของจ๊อบส์ โดยเมื่อปี 2004 เขาได้เข้ารับการรักษาโรคมะเร็งในตับอ่อนชนิดที่พบน้อยมาก ที่เรียกว่าเนื้องอกชนิด “นิวโรเอ็นโดไครน์” โดยเนื้องอกชนิดนี้จะค่อยๆ โตขึ้นอย่างช้าๆ และไม่เป็นอันตรายร้ายแรงถึงชีวิตมากเท่ากับเนื้องอกในตับอ่อนประเภทอื่น
ทว่าการปรากฏตัวของจ๊อบส์ในสภาพซูบซีดในงานของแอปเปิลงานหนึ่งเมื่อฤดูร้อนปี 2008 ทำให้แฟนๆ ที่ติดตามข่าวคราวของเขาตั้งคำถามมากมายเข้าไปในบล็อกของแอปเปิล
ต่อมาในเดือนมกราคม จ๊อบส์บอกว่าการที่น้ำหนักตัวของเขาลดลงเป็นเพราะระบบฮอร์โมนในร่างกายไม่สมดุล แต่เขายังคงเป็นซีอีโอของบริษัทในระหว่างที่รักษาตัวอยู่ แต่หลังจากนั้น 9 วัน เขาก็ประกาศลาป่วยโดยบอกว่ามี “อาการซับซ้อน” มากกว่าที่เคยคิดไว้
ทั้งนี้ ส่วนใหญ่แล้วมะเร็งในตับอ่อนมักแพร่กระจายไปยังตับซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญมากในร่างกาย แต่ก็ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าจ๊อบส์เข้ารับการผ่าตัดเพราะสาเหตุดังกล่าวหรือไม่
ก่อนหน้านี้ ผู้ถือหุ้นบางรายก็เคยบ่นเรื่องที่แอปเปิลไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพของจ๊อบส์ ทว่าผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายบอกว่า โดยปกติแล้วบริษัทไม่ได้มีหน้าที่รับผิดชอบในการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพของซีอีโอ แต่เป็นเรื่องของคณะกรรมการบริษัทว่าจะเปิดเผยเรื่องดังกล่าวให้ผู้ถือหุ้นและสาธารณชนรับรู้มากน้อยเพียงใด
“พวกนักลงทุนรู้ว่าอาการเขาหนักมาก ... ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสุขภาพของเขาเป็นเรื่องที่ตลาดสนใจ และมันกระทบต่อราคาหุ้นมานานสองปีแล้ว” แพทริค คัฟลิน นักกฎหมายผู้หนึ่งให้ความเห็น
วอลล์ สตรีท เจอร์นัล รายงานด้วยว่าจ๊อบส์เข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนตับที่เทนเนสซี และมีกรรมการบริษัทบางคนของแอปเปิลรู้ข่าวเรื่องการผ่าตัดด้วย
อย่างไรก็ตาม การผ่าตัดเปลี่ยนตับเป็นกรณีที่พบบ่อยขึ้นในปัจจุบัน โดยในปี 2008 มีผู้เข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนตับมากกว่า 6,000 ราย โดยที่ 70 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่ผ่าตัดก็ยังสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้อีก 3 ปีหลังการเปลี่ยนตับแล้ว
อนึ่ง กระทรวงสาธารณสุขของสหรัฐฯ ก็รายงานว่ามีผู้รอผ่าตัดเปลี่ยนตับทั่วประเทศเป็นจำนวนถึง 15,711 คน และระบบการจัดลำดับผู้ป่วยจะใช้เกณฑ์ของระดับความรุนแรงของโรค มากกว่าลำดับเวลาในการสมัครขอรับการผ่าตัด
จ๊อบส์คือผู้ผลักดันโครงการพัฒนาไอพอด ไอโฟน และผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมชั้นนำอื่นๆ ของบริษัท แต่มีข่าวว่าเขาล้มป่วยด้วยโรคมะเร็งในตับอ่อนและเข้ารับการรักษาเมื่อเดือนมกราคมโดยไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดอาการใดๆ
ส่วนโฆษกของแอปเปิล อิงค์ ก็ไม่ยืนยันข่าวล่าสุดนี้ แต่ระบุว่า “สตีฟยังคงเตรียมตัวที่จะกลับเข้ามาทำงานที่แอปเปิลในปลายเดือนมิถุนายน และไม่สามารถให้ข้อมูลเพิ่มเติมได้มากกว่านี้”
แม้ว่าพวกนักลงทุนอาจขานรับข่าวดังกล่าวในเชิงลบเมื่อตลาดหุ้นเปิดทำการซื้อขายในวันจันทร์ (22) แต่นักวิเคราะห์บอกว่าวอลล์สตรีทเตรียมพร้อมแล้วสำหรับการโยกย้ายตำแหน่งของจ๊อบส์ไปดูแลในส่วนแนวคิดและผลิตภัณฑ์ในภาพรวมของแอปเปิล
นักวิเคราะห์ยังบอกอีกว่า ทิม คุก ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ (ซีโอโอ) เป็นผู้ดูแลการบริหารงานประจำวันในระหว่างที่จ๊อบส์ลาป่วย และคาดกันว่าเขาจะรับผิดชอบงานดังกล่าวต่อไปหากจ๊อบส์ไม่สามารถกลับมารับผิดชอบงานได้เต็มเวลา
วอลล์ สตรีท เจอร์นัล ยังอ้างแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยชื่ออีกว่า จ๊อบส์ซึ่งอยู่ในวัย 54 ปี อาจกลับมาทำงานแบบไม่เต็มเวลาในระยะแรก โดยคุกจะเป็นผู้รับผิดชอบ “งานด้านกำหนดทิศทางของกิจการมากขึ้นกว่าเดิม”
เป็นเวลานานทีเดียวที่เกิดข่าวลือต่างๆ เกี่ยวกับสุขภาพของจ๊อบส์ โดยเมื่อปี 2004 เขาได้เข้ารับการรักษาโรคมะเร็งในตับอ่อนชนิดที่พบน้อยมาก ที่เรียกว่าเนื้องอกชนิด “นิวโรเอ็นโดไครน์” โดยเนื้องอกชนิดนี้จะค่อยๆ โตขึ้นอย่างช้าๆ และไม่เป็นอันตรายร้ายแรงถึงชีวิตมากเท่ากับเนื้องอกในตับอ่อนประเภทอื่น
ทว่าการปรากฏตัวของจ๊อบส์ในสภาพซูบซีดในงานของแอปเปิลงานหนึ่งเมื่อฤดูร้อนปี 2008 ทำให้แฟนๆ ที่ติดตามข่าวคราวของเขาตั้งคำถามมากมายเข้าไปในบล็อกของแอปเปิล
ต่อมาในเดือนมกราคม จ๊อบส์บอกว่าการที่น้ำหนักตัวของเขาลดลงเป็นเพราะระบบฮอร์โมนในร่างกายไม่สมดุล แต่เขายังคงเป็นซีอีโอของบริษัทในระหว่างที่รักษาตัวอยู่ แต่หลังจากนั้น 9 วัน เขาก็ประกาศลาป่วยโดยบอกว่ามี “อาการซับซ้อน” มากกว่าที่เคยคิดไว้
ทั้งนี้ ส่วนใหญ่แล้วมะเร็งในตับอ่อนมักแพร่กระจายไปยังตับซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญมากในร่างกาย แต่ก็ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าจ๊อบส์เข้ารับการผ่าตัดเพราะสาเหตุดังกล่าวหรือไม่
ก่อนหน้านี้ ผู้ถือหุ้นบางรายก็เคยบ่นเรื่องที่แอปเปิลไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพของจ๊อบส์ ทว่าผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายบอกว่า โดยปกติแล้วบริษัทไม่ได้มีหน้าที่รับผิดชอบในการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพของซีอีโอ แต่เป็นเรื่องของคณะกรรมการบริษัทว่าจะเปิดเผยเรื่องดังกล่าวให้ผู้ถือหุ้นและสาธารณชนรับรู้มากน้อยเพียงใด
“พวกนักลงทุนรู้ว่าอาการเขาหนักมาก ... ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสุขภาพของเขาเป็นเรื่องที่ตลาดสนใจ และมันกระทบต่อราคาหุ้นมานานสองปีแล้ว” แพทริค คัฟลิน นักกฎหมายผู้หนึ่งให้ความเห็น
วอลล์ สตรีท เจอร์นัล รายงานด้วยว่าจ๊อบส์เข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนตับที่เทนเนสซี และมีกรรมการบริษัทบางคนของแอปเปิลรู้ข่าวเรื่องการผ่าตัดด้วย
อย่างไรก็ตาม การผ่าตัดเปลี่ยนตับเป็นกรณีที่พบบ่อยขึ้นในปัจจุบัน โดยในปี 2008 มีผู้เข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนตับมากกว่า 6,000 ราย โดยที่ 70 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่ผ่าตัดก็ยังสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้อีก 3 ปีหลังการเปลี่ยนตับแล้ว
อนึ่ง กระทรวงสาธารณสุขของสหรัฐฯ ก็รายงานว่ามีผู้รอผ่าตัดเปลี่ยนตับทั่วประเทศเป็นจำนวนถึง 15,711 คน และระบบการจัดลำดับผู้ป่วยจะใช้เกณฑ์ของระดับความรุนแรงของโรค มากกว่าลำดับเวลาในการสมัครขอรับการผ่าตัด
