xs
xsm
sm
md
lg

ไฮนซ์จับมือนักออกแบบไฮเทค พัฒนาไมโครเวฟเล็กสุดในโลก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นอกจากจะมีขนาดเล็กที่สุดในโลกแล้ว ไมโครเวฟพกพารุ่นนี้ยังสามารถเสียบปลั๊กกับพอร์ตยูเอสบีของแลปท็อปเพื่อขอแชร์ไฟมาใช้
‘บีนซาเวฟ’ เป็นผลงานการสร้างสรรค์ของไฮนส์กับพันธมิตร เพื่อให้พนักงานออฟฟิศที่งานรัดตัวจนไม่สามารถลุกจากโต๊ะ รวมถึงนักเรียนนักศึกษาที่ต้องถ่างตาท่องตำราจนดึก ได้มีของขบเคี้ยวอุ่นๆ หรือเครื่องดื่มร้อนๆ รองท้อง
ความสะดวกในการเสียบปลั๊กกับแลปท็อปหมายความว่า คุณสามารถมีของกินเล่นร้อนๆ ระหว่างขึ้นเครื่องบินหรืออยู่บนรถไฟ
ขณะนี้ บีนซาเวฟที่มีความสูงเพียง 7.4 นิ้ว กว้าง 6.2 นิ้ว และลึก 5.9 นิ้ว ยังเป็นเพียงนวัตกรรมต้นแบบเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญจากไมโครเวฟ แอสโซซิเอชัน ยืนยันว่าเทคโนโลยีย่อส่วนอันซับซ้อนมีอยู่จริงและพร้อมที่จะนำไปผลิตเป็นอุปกรณ์ที่นำออกสู่ชีวิตจริงได้
ไมโครเวฟจิ๋วรุ่นนี้ออกแบบโดยผู้เชี่ยวชาญด้านไมโครเวฟ กอร์ดอน แอนดริวส์ และสตีเฟน เฟรเซอร์ กรรมการผู้จัดการเฟรเซอร์ ดีไซเนอร์ส
นอกจากขนาดแล้ว คุณสมบัติที่ถือเป็นการปฏิวัติวงการคือการใช้การรวมความถี่ของวิทยุและโทรศัพท์มือถือเพื่อทำให้เกิดความร้อนในการปรุงหรืออุ่นอาหารภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที
แอนดริวส์ กรรมการผู้จัดการเกมา ไมโครเวฟ เทคโนโลยี บอกว่าเป็นไปได้ที่จะปรับความถี่วิทยุเพื่อให้เกิดผลดีที่สุดด้วยอุปกรณ์เล็กขนาดนี้
“ไมโครเวฟเครื่องนี้สามารถอุ่นพาย เบอร์เกอร์ กาแฟ ภายในเวลาอันรวดเร็ว
“นอกจากนี้ ยังมีตัวเลือกด้านพลังงาน เช่น ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมอิออน ซึ่งจะทำให้บีนซาเวฟกลายเป็นอุปกรณ์พกพาอย่างสมบูรณ์ เป็นประโยชน์สำหรับชาวประมง ผู้ออกแคมป์ หรือนักกีฬา”
แอนดริวส์เสริมว่า เขาพัฒนาบีนซาเวฟหลังจากได้รับการทาบทามจากไฮนซ์ ที่ต้องการไมโครเวฟพกพาที่ใช้กับขนมขบเคี้ยว สแนป พ็อตส์ ของบริษัทได้
แต่อุปสรรคสำคัญก็คือ ราคาชิ้นส่วนในปัจจุบันที่อาจทำให้ไมโครเวฟมีราคาสูงถึง 100 ปอนด์
กระนั้น ขณะที่โทรศัพท์มือถือมีราคาถูกลงเรื่อยๆ ต้นทุนการผลิตบีนซาเวฟอาจลดลงถึงจุดที่สามารถทำกำไรได้หากผลิตออกมาครั้งละมากๆ
แอนดริวส์สำทับว่า ผลิตภัณฑ์นี้ปฏิบัติตามมาตรฐานด้านความปลอดภัยของไมโครเวฟที่ใช้อยู่ทั่วไปทั้งหมด ซึ่งรวมถึงฉนวนป้องกัน และกลไกประตูที่จะตัดไฟทันทีที่เปิดประตูไมโครเวฟ
ด้านไฮนซ์อ้างว่ามีตลาดพร้อมรองรับบีนซาเวฟแล้ว โดยจากการวิจัยพบว่า 69% ของพนักงานออฟฟิศพบว่าตัวเองยุ่งมากจนไม่มีเวลาออกไปกินข้าวกลางวันได้ทุกวัน
ไฮนซ์ปิดท้ายว่า การตัดสินใจว่าจะสนับสนุนการผลิตบีนซาเวฟหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับปฏิกิริยาตอบกลับจากสาธารณะที่มีต่อผลิตภัณฑ์นี้
กำลังโหลดความคิดเห็น