ลูกสาวที่เพิ่งเป็นคุณแม่คนใหม่ บริจาคน้ำนมให้พ่อ ด้วยหวังว่าจะช่วยเอาชนะมะเร็งร้ายในตัวผู้ให้กำเนิด
จอร์เจีย บราวนี วัย 27 ปี คัดน้ำนมจากทรวงอกหลังให้นมลูกชาย และส่งจากบริสตอลไปยังบ้านพ่อแม่ที่วิลท์ไชร์ อังกฤษ
แครอล วัย 66 ปี แม่ของจอร์เจีย จะนำน้ำนมที่ได้ไปแช่แข็ง และเมื่อถึงเวลาอาหารเช้า แครอลจะนำนมออกมาละลายน้ำแข็งให้ทิม ผู้เป็นสามี วัย 67 ปี ที่จะนำไปผสมกับนมสำเร็จรูปและซีเรียลเป็นอาหารเช้าทุกวัน เพื่อกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายมาต่อสู้กับมะเร็งลำไส้และตับ
“เราเป็นครอบครัวที่เปิดกว้าง และฉันไม่รู้สึกว่าเรื่องนี้แปลกประหลาดแต่อย่างใด ฉันดีใจที่ได้ช่วย แม่และพี่น้องก็เห็นด้วย
“จริงๆ แล้วครอบครัวเราเห็นว่าเรื่องนี้ขำดี พ่อยังเอาไปเล่าให้เพื่อนๆ ฟังเลย”
ครอบครัวบราวนีตัดสินใจใช้ทางเลือกนี้หลังจากจอร์เจียเห็นสารคดีในทีวีเกี่ยวกับประโยชน์ต่อสุขภาพจากน้ำนม และเธอค้นคว้าเพิ่มเติมในอินเทอร์เน็ตก่อนนำไปเล่าให้พ่อฟัง
“ฉันดูรายการของเคท การ์ราเวย์ ที่ผู้ชายอเมริกันคนหนึ่งที่เป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากดื่มนมคนจากธนาคารนม
“เขาเอาไปผสมกับมิลเชค และยืนยันว่าการดื่มเครื่องดื่มนี้ทุกวันช่วยลดเนื้อร้ายในตัว ตอนนั้นฉันคิดว่าความคิดนั้นบ้าพิลึกถ้าเป็นจริงขึ้นมา
“แต่พอไปค้นข้อมูลก็ต้องประหลาดใจ ตอนที่คุยกัน พ่อเห็นด้วยว่าคุ้มที่จะลองดู พ่อเต็มใจลองทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองดีขึ้น”
ทิมได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งเมื่อเดือนกรกฎาคม 2007 หลังจากตรงดิ่งไปโรงพยาบาลเพราะปวดท้อง เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนงานแต่งงานจอร์เจียเพียงสัปดาห์เดียว
ทิมได้รับการผ่าตัดฉุกเฉินเพื่อนำเนื้องอกออก และได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลทันเวลาพาลูกสาวไปมอบให้เจ้าบ่าวที่แท่นพิธี
การบำบัดด้วยเคมีนานหนึ่งปีทำให้มะเร็งสงบลง ก่อนที่จะกลับมาใหม่เมื่อจอร์เจียตั้งท้องลูกคนแรก
มอนตี้เพิ่งอายุได้ขวบเดียว ตอนที่จอร์เจียเห็นสารคดีดังกล่าว และตัดสินใจทดลองด้วยตัวเอง
“ครอบครัวเราใกล้ชิดกันมาก และชอบทำอะไรเพี้ยนๆ นี่จึงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
“พี่สาวฉันยังให้นมลูกอยู่เหมือนกัน แต่เธอไม่ค่อยมีน้ำนม ก็เลยเป็นหน้าที่ของฉันคนเดียว”
ด้านทิม ครูปลดเกษียณ สำทับว่า “น้ำนมคนรสชาติไม่ได้แย่เท่าไหร่ เพียงแต่มีกลิ่นและมันกว่านมสำเร็จรูปนิดหน่อย แต่พอไปผสมกับนมวัวก็ไม่รู้สึกแล้ว ปฏิกิริยาของผมหลังจากได้ยินเรื่องที่จอร์เจียเล่าคือ ทำไมถึงไม่ลองดูเล่า?
“ถ้าผมมีลูกสาวที่กำลังให้นมอยู่ ทำไมผมไม่ฉวยโอกาสนี้ล่ะ ตราบเท่าที่มอนตี้ไม่ว่าอะไรนั่นล่ะ และการทำสิ่งนี้ทำให้ผมรู้สึกผูกพันเป็นพิเศษกับจอร์เจียและมอนตี้”
ทั้งนี้ นักวิจัยสหรัฐฯ ระบุว่าน้ำนมคนสามารถรักษามะเร็งในเด็ก และแพทย์ที่รักษาทิมก็สนับสนุนวิธีการบำบัดที่ค่อนข้างแปลกนี้
ขณะนี้ ผ่านไปหนึ่งเดือนหลังจากเริ่มมีการแบ่งปันน้ำนมระหว่างตา-หลาน และผลการสแกนเนื้อร้ายในตัวทิมปรากฏว่าดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าสาเหตุมาจากน้ำนมหรือการทำเคมีบำบัดกันแน่
กระนั้น จอร์เจียยังยืนกรานจะแบ่งน้ำนมให้พ่อต่อไปตราบเท่าที่ยังให้นมลูกอยู่
“ฉันรู้สึกเหมือนกำลังทำสิ่งที่เป็นธรรมชาติที่สุดเพื่อคนที่ฉันรัก มีผู้หญิงไม่มากนักหรอกที่พูดได้ว่า พ่อกินน้ำนมของตัวเอง
“แต่ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อให้พ่อมีเวลาอยู่กับฉัน ครอบครัวของเราและอยู่กับมอนตี้นานๆ”
จอร์เจีย บราวนี วัย 27 ปี คัดน้ำนมจากทรวงอกหลังให้นมลูกชาย และส่งจากบริสตอลไปยังบ้านพ่อแม่ที่วิลท์ไชร์ อังกฤษ
แครอล วัย 66 ปี แม่ของจอร์เจีย จะนำน้ำนมที่ได้ไปแช่แข็ง และเมื่อถึงเวลาอาหารเช้า แครอลจะนำนมออกมาละลายน้ำแข็งให้ทิม ผู้เป็นสามี วัย 67 ปี ที่จะนำไปผสมกับนมสำเร็จรูปและซีเรียลเป็นอาหารเช้าทุกวัน เพื่อกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายมาต่อสู้กับมะเร็งลำไส้และตับ
“เราเป็นครอบครัวที่เปิดกว้าง และฉันไม่รู้สึกว่าเรื่องนี้แปลกประหลาดแต่อย่างใด ฉันดีใจที่ได้ช่วย แม่และพี่น้องก็เห็นด้วย
“จริงๆ แล้วครอบครัวเราเห็นว่าเรื่องนี้ขำดี พ่อยังเอาไปเล่าให้เพื่อนๆ ฟังเลย”
ครอบครัวบราวนีตัดสินใจใช้ทางเลือกนี้หลังจากจอร์เจียเห็นสารคดีในทีวีเกี่ยวกับประโยชน์ต่อสุขภาพจากน้ำนม และเธอค้นคว้าเพิ่มเติมในอินเทอร์เน็ตก่อนนำไปเล่าให้พ่อฟัง
“ฉันดูรายการของเคท การ์ราเวย์ ที่ผู้ชายอเมริกันคนหนึ่งที่เป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากดื่มนมคนจากธนาคารนม
“เขาเอาไปผสมกับมิลเชค และยืนยันว่าการดื่มเครื่องดื่มนี้ทุกวันช่วยลดเนื้อร้ายในตัว ตอนนั้นฉันคิดว่าความคิดนั้นบ้าพิลึกถ้าเป็นจริงขึ้นมา
“แต่พอไปค้นข้อมูลก็ต้องประหลาดใจ ตอนที่คุยกัน พ่อเห็นด้วยว่าคุ้มที่จะลองดู พ่อเต็มใจลองทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองดีขึ้น”
ทิมได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งเมื่อเดือนกรกฎาคม 2007 หลังจากตรงดิ่งไปโรงพยาบาลเพราะปวดท้อง เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนงานแต่งงานจอร์เจียเพียงสัปดาห์เดียว
ทิมได้รับการผ่าตัดฉุกเฉินเพื่อนำเนื้องอกออก และได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลทันเวลาพาลูกสาวไปมอบให้เจ้าบ่าวที่แท่นพิธี
การบำบัดด้วยเคมีนานหนึ่งปีทำให้มะเร็งสงบลง ก่อนที่จะกลับมาใหม่เมื่อจอร์เจียตั้งท้องลูกคนแรก
มอนตี้เพิ่งอายุได้ขวบเดียว ตอนที่จอร์เจียเห็นสารคดีดังกล่าว และตัดสินใจทดลองด้วยตัวเอง
“ครอบครัวเราใกล้ชิดกันมาก และชอบทำอะไรเพี้ยนๆ นี่จึงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
“พี่สาวฉันยังให้นมลูกอยู่เหมือนกัน แต่เธอไม่ค่อยมีน้ำนม ก็เลยเป็นหน้าที่ของฉันคนเดียว”
ด้านทิม ครูปลดเกษียณ สำทับว่า “น้ำนมคนรสชาติไม่ได้แย่เท่าไหร่ เพียงแต่มีกลิ่นและมันกว่านมสำเร็จรูปนิดหน่อย แต่พอไปผสมกับนมวัวก็ไม่รู้สึกแล้ว ปฏิกิริยาของผมหลังจากได้ยินเรื่องที่จอร์เจียเล่าคือ ทำไมถึงไม่ลองดูเล่า?
“ถ้าผมมีลูกสาวที่กำลังให้นมอยู่ ทำไมผมไม่ฉวยโอกาสนี้ล่ะ ตราบเท่าที่มอนตี้ไม่ว่าอะไรนั่นล่ะ และการทำสิ่งนี้ทำให้ผมรู้สึกผูกพันเป็นพิเศษกับจอร์เจียและมอนตี้”
ทั้งนี้ นักวิจัยสหรัฐฯ ระบุว่าน้ำนมคนสามารถรักษามะเร็งในเด็ก และแพทย์ที่รักษาทิมก็สนับสนุนวิธีการบำบัดที่ค่อนข้างแปลกนี้
ขณะนี้ ผ่านไปหนึ่งเดือนหลังจากเริ่มมีการแบ่งปันน้ำนมระหว่างตา-หลาน และผลการสแกนเนื้อร้ายในตัวทิมปรากฏว่าดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าสาเหตุมาจากน้ำนมหรือการทำเคมีบำบัดกันแน่
กระนั้น จอร์เจียยังยืนกรานจะแบ่งน้ำนมให้พ่อต่อไปตราบเท่าที่ยังให้นมลูกอยู่
“ฉันรู้สึกเหมือนกำลังทำสิ่งที่เป็นธรรมชาติที่สุดเพื่อคนที่ฉันรัก มีผู้หญิงไม่มากนักหรอกที่พูดได้ว่า พ่อกินน้ำนมของตัวเอง
“แต่ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อให้พ่อมีเวลาอยู่กับฉัน ครอบครัวของเราและอยู่กับมอนตี้นานๆ”
