สำนักข่าว "เดอะ ซัน" (THE SUN) ของประเทศอังกฤษ ไม่เชื่อว่า "นช.แม้ว" พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แค่ให้คำปรึกษา ดร.สุไลมาน อัล-ฟาฮิม มหาเศรษฐีจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในการเข้ามาเทกโอเวอร์ "ปอมปีย์" ปอร์ทสมัธ สโมสรดังแห่งเวที พรีเมียร์ชิป พร้อมสะกิดพรีเมียร์ลีกรีบดำเนินการสอบสวนโดยด่วน
ภายหลังจากสโมสร "ปอมปีย์" ปอร์ทสมัธ ทีมดังแห่งพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เพิ่งออกแถลงการณ์รับข้อเสนอ 60 ล้านปอนด์ (ประมาณ 3 พันล้านบาท) จาก ดร.สุไลมาน อัล-ฟาฮิม มหาเศรษฐีจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่ยื่นเรื่องขอเทกโอเวอร์กิจการในถิ่นแฟรตตัน ปาร์ค ต่อจาก อเล็กซานเดร กายดามัค มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย พร้อมกับปฎิเสธข่าวที่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตเจ้าของสโมสร แมนเชสเตอร์ ซิตี มีส่วนเกี่ยวข้องในการเข้ามาร่วมลงทุนครั้งนี้ด้วย เพราะหากเป็นเช่นนั้นการเจรจาซื้อทีมจะไม่ผ่านความเห็นชอบจาก พรีเมียร์ ลีก เนื่องจาก "นช.ทักษิณ" ไม่มีคุณสมบัติพอ อีกทั้งยังหนีคดีทุจริตในบ้านเกิดอีกด้วย
โดยสโมสร ปอร์ทสมัธ ได้ออกแถลงการณ์ปฏิเสธรายงานดังกล่าว "ตามที่มีบทความบนหน้าหนังสือพิมพ์ชี้นำให้เกิดความเข้าใจผิดนั้น ทาง สโมสรฟุตบอลปอร์ทสมัธ ขอยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย รวมถึง นายไพโรจน์ เปี่ยมพงศ์สานต์ ที่ปรึกษาของเขา ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินทุนที่ ดร.สุไลมาน อัล-ฟาฮิม ยื่นเสนอซื้อกิจการของสโมสรแต่อย่างใด นี่คือความเป็นจริงเพื่อไขข้อข้องใจของสื่อมวลชน และสโมสรขอยืนยันความถูกต้องจากแหล่งข่าวอื่นๆ ที่ลงในข้อเขียนต่างๆ เหล่านั้นว่าล้วนแต่เป็นเรื่องไร้สาระ และเราอยากให้แฟนฟุตบอลของสโมสรอย่าได้ไปใส่ใจ และไม่จำเป็นต้องให้ความสำคัญของเนื้อหาของหนังสือพิมพ์เหล่านั้น"
ขณะที่ "นช.แม้ว" ได้ออกมาปฏิเสธข่าวการเกี่ยวข้องกับการเทกโอเวอร์ในครั้งนี้เช่นกันว่าตนเองนั้นไม่ได้สนใจที่จะจับธุรกิจลูกหนังในอังกฤษอีกแล้ว
"ผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น กับการทุ่มเงินทำธุรกิจของ ดร.สุไลมาน อัล-ฟาฮิม ขอยืนยันด้วยว่าผมไม่มีความสนใจในสโมสร ปอร์ทสมัธ หรือว่าทีมอื่นแต่อย่างใด แผนการลงทุนซื้อสโมสรฟุตบอลไม่ได้อยู่ในความคิดของผมเลย และก็รู้สึกประหลาดใจมากที่มีข่าวดังกล่าวเผยแพร่ออกไปในวงกว้าง โดยมีชื่อของผมเข้าไปเกี่ยวข้อง ทั้งๆ ที่ไม่ได้รับทราบเรื่องดังกล่าว จึงอยากปฏิเสธรายงานทุกอย่างที่เกิดขึ้นว่าไม่มีมูลความจริงใดๆ แม้แต่น้อย"
แม้จะออกมายืนยันว่าไม่มีเกี่ยวข้องในการลงทุนกับสโมสร ปอร์ทสมัธ แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับยอมรับว่าตัวเองเป็นคนให้คำปรึกษากับ ดร.สุไลมาน อัล-ฟาฮิม ในการเทคโอเวอร์ครั้งนี้
"ดอกเตอร์ อัล-ฟาฮิม คือนักธุรกิจที่ผมเลื่อมใส และเราพบกัน รวมถึงยังเคยมีโอกาสพูดคุยกันหลายครั้ง ซึ่งเขาเป็นเพื่อนสนิทของผม โดยเมื่อช่วงต้นปีเขาเข้ามาบอกว่ากำลังมองหาช่องทางลงทุนในวงการฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ซึ่งตอนนั้นผมก็เพียงแต่ให้คำปรึกษา และหวังว่าเขาจะโชคดี"
"จริงอยู่ที่ผมมีส่วนช่วยให้ ดอกเตอร์สุไลมาน ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ทำไมผมจึงจะไม่ทำแบบนั้น เพราะผมรู้จักคนที่หลงใหลฟุตบอลมากมายและผมก็มีความสุขที่ได้เป็นสื่อกลาง แต่นั่นไม่ได้หมายถึงการลงทุน ผมไม่มีส่วนร่วมใดๆ ทั้งสิ้น และไม่สนใจจะลงทุนในธุรกิจนี้อีกแล้ว" อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ที่ขายสโมสร แมนเชสเตอร์ ซิตี เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่แล้วกล่าวในที่สุด
อย่างไรก็ตาม แม้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะออกโรงปฎิเสธเรียบร้อยแล้ว แต่หนังสือพิมพ์ "เดอะ ซัน" สื่อดังจอมขุดคุ้ยแห่งเมืองผู้ดีรายงานว่า เซอร์ เดวิด ริชาร์ดส์ ประธาน พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ยืนยันว่าจะดำเนินการสอบสวนเรื่องนี้อย่างแน่นอน
"พรีเมียร์ลีก ได้เข้าไปพบปะกับกลุ่มที่ปรึกษาของ ดร.สุไลมาน ในช่วงสัปดาห์นี้ และเราก็อธิบายชัดเจนว่าเราอยากจะรู้ว่าใครบ้างที่เป็นผู้ถือหุ้นในข้อเสนอ ก่อนที่จะมีการครอบครองกิจการสโมสร ซึ่งบุคคลที่เกี่ยวข้องควรจะต้องมีคุณสมบัติเหมาะสม พร้อมกันนี้มีการคาดการณ์ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย หากเรื่องนี้เป็นความจริง การเทกโอเวอร์ก็จะไม่ได้รับอนุมัติแน่นอน"
สำหรับ ดร.อัล-ฟาฮิม เคยช่วยเป็นตัวแทนของ "อาบู ดาบี ยูไนเต็ด" กลุ่มทุนจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ยื่นข้อเสนอในการเจรจาซื้อกิจการ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี จาก พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้วนั่นเอง
ทั้งนี้ตามกฎของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ กำหนดไว้ว่าผู้ที่จะเข้ามาเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลในลีกผู้ดีนั้นจะต้องมีคุณสมบัติเหมาะสม ซึ่งหากมีการตรวจสอบพบว่า "นช.แม้ว" มีส่วนเกี่ยวข้องการการเทคโอเวอร์ครั้งนี้อาจถูกยกเลิกจากทางพรีเมียร์ลีก เนื่องจากอดีตเจ้าของสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี ถูกศาลพิพากษาให้จำคุก 2 ปี ในคดีที่ดินรัชดา ที่ประเทศไทย
ภายหลังจากสโมสร "ปอมปีย์" ปอร์ทสมัธ ทีมดังแห่งพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เพิ่งออกแถลงการณ์รับข้อเสนอ 60 ล้านปอนด์ (ประมาณ 3 พันล้านบาท) จาก ดร.สุไลมาน อัล-ฟาฮิม มหาเศรษฐีจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่ยื่นเรื่องขอเทกโอเวอร์กิจการในถิ่นแฟรตตัน ปาร์ค ต่อจาก อเล็กซานเดร กายดามัค มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย พร้อมกับปฎิเสธข่าวที่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตเจ้าของสโมสร แมนเชสเตอร์ ซิตี มีส่วนเกี่ยวข้องในการเข้ามาร่วมลงทุนครั้งนี้ด้วย เพราะหากเป็นเช่นนั้นการเจรจาซื้อทีมจะไม่ผ่านความเห็นชอบจาก พรีเมียร์ ลีก เนื่องจาก "นช.ทักษิณ" ไม่มีคุณสมบัติพอ อีกทั้งยังหนีคดีทุจริตในบ้านเกิดอีกด้วย
โดยสโมสร ปอร์ทสมัธ ได้ออกแถลงการณ์ปฏิเสธรายงานดังกล่าว "ตามที่มีบทความบนหน้าหนังสือพิมพ์ชี้นำให้เกิดความเข้าใจผิดนั้น ทาง สโมสรฟุตบอลปอร์ทสมัธ ขอยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย รวมถึง นายไพโรจน์ เปี่ยมพงศ์สานต์ ที่ปรึกษาของเขา ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินทุนที่ ดร.สุไลมาน อัล-ฟาฮิม ยื่นเสนอซื้อกิจการของสโมสรแต่อย่างใด นี่คือความเป็นจริงเพื่อไขข้อข้องใจของสื่อมวลชน และสโมสรขอยืนยันความถูกต้องจากแหล่งข่าวอื่นๆ ที่ลงในข้อเขียนต่างๆ เหล่านั้นว่าล้วนแต่เป็นเรื่องไร้สาระ และเราอยากให้แฟนฟุตบอลของสโมสรอย่าได้ไปใส่ใจ และไม่จำเป็นต้องให้ความสำคัญของเนื้อหาของหนังสือพิมพ์เหล่านั้น"
ขณะที่ "นช.แม้ว" ได้ออกมาปฏิเสธข่าวการเกี่ยวข้องกับการเทกโอเวอร์ในครั้งนี้เช่นกันว่าตนเองนั้นไม่ได้สนใจที่จะจับธุรกิจลูกหนังในอังกฤษอีกแล้ว
"ผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น กับการทุ่มเงินทำธุรกิจของ ดร.สุไลมาน อัล-ฟาฮิม ขอยืนยันด้วยว่าผมไม่มีความสนใจในสโมสร ปอร์ทสมัธ หรือว่าทีมอื่นแต่อย่างใด แผนการลงทุนซื้อสโมสรฟุตบอลไม่ได้อยู่ในความคิดของผมเลย และก็รู้สึกประหลาดใจมากที่มีข่าวดังกล่าวเผยแพร่ออกไปในวงกว้าง โดยมีชื่อของผมเข้าไปเกี่ยวข้อง ทั้งๆ ที่ไม่ได้รับทราบเรื่องดังกล่าว จึงอยากปฏิเสธรายงานทุกอย่างที่เกิดขึ้นว่าไม่มีมูลความจริงใดๆ แม้แต่น้อย"
แม้จะออกมายืนยันว่าไม่มีเกี่ยวข้องในการลงทุนกับสโมสร ปอร์ทสมัธ แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับยอมรับว่าตัวเองเป็นคนให้คำปรึกษากับ ดร.สุไลมาน อัล-ฟาฮิม ในการเทคโอเวอร์ครั้งนี้
"ดอกเตอร์ อัล-ฟาฮิม คือนักธุรกิจที่ผมเลื่อมใส และเราพบกัน รวมถึงยังเคยมีโอกาสพูดคุยกันหลายครั้ง ซึ่งเขาเป็นเพื่อนสนิทของผม โดยเมื่อช่วงต้นปีเขาเข้ามาบอกว่ากำลังมองหาช่องทางลงทุนในวงการฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ซึ่งตอนนั้นผมก็เพียงแต่ให้คำปรึกษา และหวังว่าเขาจะโชคดี"
"จริงอยู่ที่ผมมีส่วนช่วยให้ ดอกเตอร์สุไลมาน ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ทำไมผมจึงจะไม่ทำแบบนั้น เพราะผมรู้จักคนที่หลงใหลฟุตบอลมากมายและผมก็มีความสุขที่ได้เป็นสื่อกลาง แต่นั่นไม่ได้หมายถึงการลงทุน ผมไม่มีส่วนร่วมใดๆ ทั้งสิ้น และไม่สนใจจะลงทุนในธุรกิจนี้อีกแล้ว" อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ที่ขายสโมสร แมนเชสเตอร์ ซิตี เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่แล้วกล่าวในที่สุด
อย่างไรก็ตาม แม้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะออกโรงปฎิเสธเรียบร้อยแล้ว แต่หนังสือพิมพ์ "เดอะ ซัน" สื่อดังจอมขุดคุ้ยแห่งเมืองผู้ดีรายงานว่า เซอร์ เดวิด ริชาร์ดส์ ประธาน พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ยืนยันว่าจะดำเนินการสอบสวนเรื่องนี้อย่างแน่นอน
"พรีเมียร์ลีก ได้เข้าไปพบปะกับกลุ่มที่ปรึกษาของ ดร.สุไลมาน ในช่วงสัปดาห์นี้ และเราก็อธิบายชัดเจนว่าเราอยากจะรู้ว่าใครบ้างที่เป็นผู้ถือหุ้นในข้อเสนอ ก่อนที่จะมีการครอบครองกิจการสโมสร ซึ่งบุคคลที่เกี่ยวข้องควรจะต้องมีคุณสมบัติเหมาะสม พร้อมกันนี้มีการคาดการณ์ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย หากเรื่องนี้เป็นความจริง การเทกโอเวอร์ก็จะไม่ได้รับอนุมัติแน่นอน"
สำหรับ ดร.อัล-ฟาฮิม เคยช่วยเป็นตัวแทนของ "อาบู ดาบี ยูไนเต็ด" กลุ่มทุนจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ยื่นข้อเสนอในการเจรจาซื้อกิจการ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี จาก พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้วนั่นเอง
ทั้งนี้ตามกฎของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ กำหนดไว้ว่าผู้ที่จะเข้ามาเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลในลีกผู้ดีนั้นจะต้องมีคุณสมบัติเหมาะสม ซึ่งหากมีการตรวจสอบพบว่า "นช.แม้ว" มีส่วนเกี่ยวข้องการการเทคโอเวอร์ครั้งนี้อาจถูกยกเลิกจากทางพรีเมียร์ลีก เนื่องจากอดีตเจ้าของสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี ถูกศาลพิพากษาให้จำคุก 2 ปี ในคดีที่ดินรัชดา ที่ประเทศไทย