ASTVผู้จัดการรายวัน - สตม.รวบตัวผู้บริหารไอพีทีวี ตามหมายจับ ขณะเตรียมบินหลบหนีไปสิงคโปร์ หลังจากแอบใช้สัญญาณโทรคมนาคมไม่ได้รับอนุญาต ดึงสัญญาณช่อง 7 เข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ต นำมาตัดต่อใหม่ ขายให้ลูกค้าคนไทยที่อยู่ในต่างประเทศ แต่บล็อกสัญญาณไม่ให้ผู้อยู่ในไทยได้รับชม
เมื่อเวลา 15.00 น.วานนี้ (16 มิ.ย.) ที่ กองปราบปราม พ.ต.ท.อมรศักดิ์ แสงวรรณ สว.กลุ่มงานสืบสวน บก.ตม.ทอช.บช.สตม. ประจำด่าน ตม.สุวรรณภูมิ ควบคุมตัว นายนภดล วงศ์ชัยวัฒน์ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 23 ซ.จันทร์ 187/7 แยก 4 แขวงทุ่งวัดดอน เขตสาทร กทม. ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 7068/2546 ลงวันที่ 1 ต.ค.46 ข้อหาร่วมกันประกอบกิจการโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต หลังผู้ต้องหาเดินเข้าไปขอตรวจหนังสือเดินทางออกนอกประเทศ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อขึ้นเครื่องบินไปสิงคโปร์ โดยสายการบินสิงคโปร์ แอร์ไลน์ เที่ยวบิน SQ971 จากการตรวจสอบพบว่า นายนภดล เป็นบุคคลตามหมายจับของศาล จึงควบคุมตัวมาส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. เจ้าของคดี
ทั้งนี้ เมื่อปลายเดือนกันยายน 2546 นายสุวรรณ จงประสิทธิ์ หัวหน้าชุดเฉพาะกิจ ปราบปรามเกี่ยวกับ พ.ร.บ.โทรคมนาคม ของ กสท ได้นำกำลังเข้าตรวจค้น อาคารซีมิกซ์ ชั้น 9 ย่านคลองเตย หลังสืบทราบว่ามีการติดตั้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่ใช้ในกิจการโทรคมนาคม โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน พร้อมจับกุมผู้ต้องหา 3 ราย และยึดอุปกรณ์ของกลางได้จำนวนหนึ่ง จากนั้นศาลได้ออกหมายจับผู้ต้องหาที่เหลืออีก 4 ราย ซึ่งมี นายนภดล รวมอยู่ด้วย
ต่อมาทนายความของผู้ต้องหาได้ยื่นหนังสือขอประกันตัวผู้ต้องหาในชั้นพนักงานสอบสวน แต่พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รอง ผบก.ป.ได้คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากผู้ต้องหามีพฤติกรรมหลบหนี โดยคดีเกิดตั้งแต่ปี46 แต่ก็ได้หลบหนีหมายจับมาตลอด จากนั้นเมื่อเวลา 16.20 น. พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัว นายนภดล ไปฝากขังที่ศาลอาญารัชดา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 ได้ส่งทนายความให้ดำเนินคดีกับบริษัท ไอพีทีวี คอร์ปอเรชั่น และกลุ่มบริษัท บีเคที ซึ่งเป็นบริษัทในรัฐแคลิฟอร์เนีย รวมทั้งผู้บริหารของบริษัทดังกล่าว คือนายรอน เพ็ชชา นางทิพย์ เพ็ชชา และนายนภดล ในข้อหาร่วมกันละเมิดลิขสิทธิ์รายการช่อง 7 สี อาทิ ละครต่างๆของช่อง 7 โดยนำไปออกอากาศผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ที่ www.thaitv.tv โดยคิดค่าตอบแทนการบริการ รวมทั้งนำไปจำหน่ายในสื่อรูปแบบอื่นในสหรัฐ ซึ่งมีลูกค้าเป็นคนไทย และคนลาว อย่างผิดกฎหมาย
สำหรับพฤติกรรมของบริษัทนี้ จะดึงสัญญาณดาวเทียมของสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ ในประเทศไทย เข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ต เพื่อนำมาตัดต่อใหม่ เพื่อนำเสนอกลุ่มลูกค้าคนไทยที่อยู่ในต่างประเทศ อาทิ ประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศในยุโรป โดยมีการบล็อกสัญญาณไม่ให้ผู้อยู่ในประเทศไทยได้รับชม
เมื่อเวลา 15.00 น.วานนี้ (16 มิ.ย.) ที่ กองปราบปราม พ.ต.ท.อมรศักดิ์ แสงวรรณ สว.กลุ่มงานสืบสวน บก.ตม.ทอช.บช.สตม. ประจำด่าน ตม.สุวรรณภูมิ ควบคุมตัว นายนภดล วงศ์ชัยวัฒน์ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 23 ซ.จันทร์ 187/7 แยก 4 แขวงทุ่งวัดดอน เขตสาทร กทม. ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 7068/2546 ลงวันที่ 1 ต.ค.46 ข้อหาร่วมกันประกอบกิจการโทรคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต หลังผู้ต้องหาเดินเข้าไปขอตรวจหนังสือเดินทางออกนอกประเทศ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อขึ้นเครื่องบินไปสิงคโปร์ โดยสายการบินสิงคโปร์ แอร์ไลน์ เที่ยวบิน SQ971 จากการตรวจสอบพบว่า นายนภดล เป็นบุคคลตามหมายจับของศาล จึงควบคุมตัวมาส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. เจ้าของคดี
ทั้งนี้ เมื่อปลายเดือนกันยายน 2546 นายสุวรรณ จงประสิทธิ์ หัวหน้าชุดเฉพาะกิจ ปราบปรามเกี่ยวกับ พ.ร.บ.โทรคมนาคม ของ กสท ได้นำกำลังเข้าตรวจค้น อาคารซีมิกซ์ ชั้น 9 ย่านคลองเตย หลังสืบทราบว่ามีการติดตั้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่ใช้ในกิจการโทรคมนาคม โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน พร้อมจับกุมผู้ต้องหา 3 ราย และยึดอุปกรณ์ของกลางได้จำนวนหนึ่ง จากนั้นศาลได้ออกหมายจับผู้ต้องหาที่เหลืออีก 4 ราย ซึ่งมี นายนภดล รวมอยู่ด้วย
ต่อมาทนายความของผู้ต้องหาได้ยื่นหนังสือขอประกันตัวผู้ต้องหาในชั้นพนักงานสอบสวน แต่พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รอง ผบก.ป.ได้คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากผู้ต้องหามีพฤติกรรมหลบหนี โดยคดีเกิดตั้งแต่ปี46 แต่ก็ได้หลบหนีหมายจับมาตลอด จากนั้นเมื่อเวลา 16.20 น. พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัว นายนภดล ไปฝากขังที่ศาลอาญารัชดา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 ได้ส่งทนายความให้ดำเนินคดีกับบริษัท ไอพีทีวี คอร์ปอเรชั่น และกลุ่มบริษัท บีเคที ซึ่งเป็นบริษัทในรัฐแคลิฟอร์เนีย รวมทั้งผู้บริหารของบริษัทดังกล่าว คือนายรอน เพ็ชชา นางทิพย์ เพ็ชชา และนายนภดล ในข้อหาร่วมกันละเมิดลิขสิทธิ์รายการช่อง 7 สี อาทิ ละครต่างๆของช่อง 7 โดยนำไปออกอากาศผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ที่ www.thaitv.tv โดยคิดค่าตอบแทนการบริการ รวมทั้งนำไปจำหน่ายในสื่อรูปแบบอื่นในสหรัฐ ซึ่งมีลูกค้าเป็นคนไทย และคนลาว อย่างผิดกฎหมาย
สำหรับพฤติกรรมของบริษัทนี้ จะดึงสัญญาณดาวเทียมของสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ ในประเทศไทย เข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ต เพื่อนำมาตัดต่อใหม่ เพื่อนำเสนอกลุ่มลูกค้าคนไทยที่อยู่ในต่างประเทศ อาทิ ประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศในยุโรป โดยมีการบล็อกสัญญาณไม่ให้ผู้อยู่ในประเทศไทยได้รับชม
