ASTVผู้จัดการรายวัน - คลังรับรายได้ปี 52 ยังหดตัวกว่าแสนล้านบาททั้งปีน่าจะพลาดเป้า 2.8 แสนล้านบาท ระบุพ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้านบาทช่วยให้บริหารเงินสดคล่องตัวขึ้นดันเงินคงคลังสิ้นปีพุ่ง 2.2 แสนล้าน รับอานิสงส์ขึ้นภาษีเหล้า – บุหรี่ – น้ำมันหนุนรายได้เพิ่มอีก 7 หมื่นล้านบาท
นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยถึงสถานการณ์การจัดเก็บรายได้ ของรัฐบาลล่าสุดเดือนพ.ค.ที่ผ่านมาว่า 3 กรมจัดเก็บภาษีรายงานให้ทราบว่ารายได้ยังต่ำกว่าเป้าหมายแสนกว่าล้านบาทโดยทั้งปีน่าจะต่ำกว่าเป้าหมายตามที่คาดการณ์ไว้ 2.8 แสนล้านบาท ซึ่งกระทรวงการคลังต้องติดตามการจัดเก็บรายได้ของเดือนส.ค.นี้อีกครั้ง ซึ่งเป็นช่วงของการเสียภาษีนิติบุคคลกลางปี แต่จากภาวะเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาและตลาดหุ้นที่ปรับตัวลดลงมากน่าจะกระทบกับรายได้ของบริษัทส่วนใหญ่ทำให้รายได้ในช่วงเวลาที่เหลือก็คงไม่ปรับตัวดีขึ้นมากนัก
อย่างไรก็ตามแม้งบประมาณปี 2552 จะเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้าหมาย 2 แสนกว่าล้านบาทแต่เชื่อว่าจะไม่กระทบกับการบริหารสภาพคล่องของรัฐบาล เนื่องจากเงินคงคลังขณะนี้อยู่ในระดับเกือบแสนล้านบาท แม้จะลดลงจากช่วงต้นปีที่มีประมาณ 2 แสนล้านบาท แต่หลังจากพ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 4 แสนล้านบาทผ่านสภาก็ยิ่งทำให้การบริหารเงินสดมีความคล่องตัวมากขึ้น
“ทางสำนักบริหารหนี้คงจะทยอยกู้เงินโดยเฉพาะกู้ชดเชยขาดดุลงบประมาณ 2 แสนล้านบาทจนถึงสิ้นปีงบ 52 หรือต้นเดือนตุลาคมนี้เงินคงคลังน่าจะขึ้นไปอยู่ในระดับ 2.1-2.2 แสนล้านบาทเท่ากับต้นปี ซึ่งถือว่าเพียงพอในการใช้จ่ายช่วง 30 วันทำการในช่วงต้นปีงบ 53 ที่ยังไม่สามารถจัดเก็บภาษีได้มากนัก และหากจะลดวงเงินกู้ชดเชยขาดดุลเหลือ 1.5 แสนล้านบาทก็เชื่อว่าจะไม่กระทบการบริหารสภาคล่อง เนื่องจากการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตเหล้าบุหรี่ น้ำมันในช่วงทีผ่านมาทำให้รัฐมีรายได้ปี 52 กว่า 2.3 หมื่นล้านบาทและจะเพิ่มอีก 7 หมื่นกว่าล้านบาทในปีงบ 53 “นายสมชัย กล่าว
ส่วนการจะปรับขึ้นภาษีตัวใดเพิ่มเพิ่มในปีหน้าขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาล แต่เห็นว่าในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวการปรับขึ้นภาษีตัวอื่นๆ คงทำได้ยากและคงต้องพิจารณาอย่างรอบครอบ โดยในปี 53หากเศรษฐกิจขยายตัวตามที่คาดการณ์ไว้ 2-3% ก็น่าจะเก็บรายได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1.5 ล้านล้านบาท
นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยถึงสถานการณ์การจัดเก็บรายได้ ของรัฐบาลล่าสุดเดือนพ.ค.ที่ผ่านมาว่า 3 กรมจัดเก็บภาษีรายงานให้ทราบว่ารายได้ยังต่ำกว่าเป้าหมายแสนกว่าล้านบาทโดยทั้งปีน่าจะต่ำกว่าเป้าหมายตามที่คาดการณ์ไว้ 2.8 แสนล้านบาท ซึ่งกระทรวงการคลังต้องติดตามการจัดเก็บรายได้ของเดือนส.ค.นี้อีกครั้ง ซึ่งเป็นช่วงของการเสียภาษีนิติบุคคลกลางปี แต่จากภาวะเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาและตลาดหุ้นที่ปรับตัวลดลงมากน่าจะกระทบกับรายได้ของบริษัทส่วนใหญ่ทำให้รายได้ในช่วงเวลาที่เหลือก็คงไม่ปรับตัวดีขึ้นมากนัก
อย่างไรก็ตามแม้งบประมาณปี 2552 จะเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้าหมาย 2 แสนกว่าล้านบาทแต่เชื่อว่าจะไม่กระทบกับการบริหารสภาพคล่องของรัฐบาล เนื่องจากเงินคงคลังขณะนี้อยู่ในระดับเกือบแสนล้านบาท แม้จะลดลงจากช่วงต้นปีที่มีประมาณ 2 แสนล้านบาท แต่หลังจากพ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 4 แสนล้านบาทผ่านสภาก็ยิ่งทำให้การบริหารเงินสดมีความคล่องตัวมากขึ้น
“ทางสำนักบริหารหนี้คงจะทยอยกู้เงินโดยเฉพาะกู้ชดเชยขาดดุลงบประมาณ 2 แสนล้านบาทจนถึงสิ้นปีงบ 52 หรือต้นเดือนตุลาคมนี้เงินคงคลังน่าจะขึ้นไปอยู่ในระดับ 2.1-2.2 แสนล้านบาทเท่ากับต้นปี ซึ่งถือว่าเพียงพอในการใช้จ่ายช่วง 30 วันทำการในช่วงต้นปีงบ 53 ที่ยังไม่สามารถจัดเก็บภาษีได้มากนัก และหากจะลดวงเงินกู้ชดเชยขาดดุลเหลือ 1.5 แสนล้านบาทก็เชื่อว่าจะไม่กระทบการบริหารสภาคล่อง เนื่องจากการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตเหล้าบุหรี่ น้ำมันในช่วงทีผ่านมาทำให้รัฐมีรายได้ปี 52 กว่า 2.3 หมื่นล้านบาทและจะเพิ่มอีก 7 หมื่นกว่าล้านบาทในปีงบ 53 “นายสมชัย กล่าว
ส่วนการจะปรับขึ้นภาษีตัวใดเพิ่มเพิ่มในปีหน้าขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาล แต่เห็นว่าในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวการปรับขึ้นภาษีตัวอื่นๆ คงทำได้ยากและคงต้องพิจารณาอย่างรอบครอบ โดยในปี 53หากเศรษฐกิจขยายตัวตามที่คาดการณ์ไว้ 2-3% ก็น่าจะเก็บรายได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1.5 ล้านล้านบาท
