รัฐบาลจีน ปรับยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ มุ่งกระตุ้นดีมานด์ในประเทศแทนพึ่งพาการส่งออก "เหวิน" ประกาศตั้งกองทุนจีน-อาเซียน 1 หมื่นล้านดอลลาร์ หนุนโครงการลงทุนพื้นฐานในภูมิภาค
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายเหวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีจีน เปิดเผยว่า รัฐบาลจีนกำลังปรับสมดุลเศรษฐกิจ ด้วยการมุ่งเน้นเรื่องการกระตุ้นอัตราการอุปโภคบริโภคภายในประเทศ มากกว่าการส่งออก เพื่อให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ตามเป้าหมาย
นายเหวิน กล่าวว่า มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจวงเงิน 4 ล้านล้านหยวน หรือ 5.85 แสนล้านดอลลาร์ ได้ผลดีเกินคาดและสามารถกอบกู้ความเชื่อมั่นในตลาดได้ นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีเหวินประกาศว่า จะจัดตั้งกองทุนความร่วมมือด้านการลงทุนระหว่างจีน-สมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออก เฉียงใต้ (อาเซียน) มูลค่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนโครงการสาธารณูปโภคในภูมิภาค
นายชีหรง เฉิน บรรณาธิการสำนักข่าวบีบีซีภาคภาษาจีนกล่าวว่า ผู้นำทางการเมือง นักธุรกิจ และนักวิชาการกำลังหารือกันเรื่องแนวทางที่ประเทศในเอเชียจะรับมือกับภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย และเนื่องจากจีนเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่และมีอิทธิพลต่อประเทศอื่นๆ จึงทำให้จีนถูกจับตามองมากที่สุด
นอกจากนี้ นายเฉิน ยังกล่าวว่า การที่นายเหวินแถลงเรื่องการปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์จากการมุ่งเน้นเรื่องการส่งออกมาเป็นการส่งเสริมอัตราการอุปโภคบริโภคนั้น แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า นายเหวินต้องการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศเพื่อนบ้านที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก
นักวิเคราะห์ของยูบีเอส เอจี คาดว่า เศรษฐกิจจีนจะขยายตัวแข็งแกร่งถึง 7.5% ในปีนี้ จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวเพียง 6.5% ขณะที่รอยัล แบงค์ ออฟ สก็อตแลนด์คาดว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัวราว 7% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวเพียง 5% และเมอร์ริล ลินช์ คาดว่าจะขยายตัว 7.2% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวเพียง 8%