xs
xsm
sm
md
lg

หวัดโผล่ 3 โรงเรียนดัง สวนกุหลาบ-ราชวินิตฯ สตรีวิทย์3-มช.เจอรายแรก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เพิ่มอีก 44 คน สธ.เผยยอดรวมพุ่ง 150 คน สถาบันการศึกษายังน่าห่วง พบโผล่ “สวนกุหลาบ-ราชวินิตประถมฯ-สตรีวิทย์ 3” สั่งปิดเรียนทันที 3 วัน ขณะที่เด็ก มช.ติดรายแรกของเชียงใหม่ “นพ.ปราชญ์” ระบุอัตราการเสียชีวิตต่ำมาก เสี่ยงเฉพาะผู้สูงอายุและเด็กที่มีโรคประจำตัว แย้มข่าวดีวัคซีนป้องกันผลิตสำเร็จในอีก 3 เดือน และถึงไทยเดือน ต.ค. ด้านอภ. ระบุ WHOส่งเชื้อเป็นถึงไทย 2 ก.ค.ประกาศลุยผลิตวัคซีนแบบพ่นทางจมูก คาดแล้วเสร็จใช้ได้ มี.ค.ปีหน้า “อภิสิทธิ์” รับกระทบท่องเที่ยว
นพ.ปราชญ์  บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการปฏิบัติการควบคุมป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เปิดเผยว่า ตัวเลขผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 วานนี้(14 มิ.ย.)เพิ่มอีก 44 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยกลุ่มนักเรียนเอกชน 29 ราย ซึ่งเป็นผู้ป่วยเก่า ส่วนผู้ป่วยใหม่มี 15 ราย รวมเป็น 150 คน
อย่างไรก็ดี ไม่อยากให้คนไทยตื่นตระหนก เพราะผู้ติดเชื้อมีอัตราการเสียชีวิตเพียงร้อยละ 0.1 ส่วนการรักษาจะให้ยาเพียงแค่ร้อยละ 5 เพราะอีกร้อยละ 95 หากได้รับเชื้อแล้วสามารถหายเองได้ กลุ่มเสี่ยงจะอยู่ในกลุ่มผู้สูงอายุที่มีโรคเบาหวาน หัวใจ วัณโรค ความดันโลหิต และเด็กที่มีโรคประจำตัว
ด้านนายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ในจำนวนผู้ป่วยทั้งหมด ขณะนี้มีผู้ป่วยที่นอนรักษาตัวในโรงพยาบาลปทุมธานี 7 ราย เนื่องจากญาติมีความกังวลใจ แต่ที่มีเหตุสมควรนอนรักษามีเพียง 2 ราย เนื่องจากมีอาการไข้สูงและรับประทานอาหารได้น้อย ส่วนที่พัทยามีนอนโรงพยาบาลเพียง 1 รายเนื่องจากมีเลือดกำเดาไหล

เผยคนอายุ 60 ภูมิคุ้มกันสูง

นพ.ปราชญ์ กล่าวด้วยว่า มีรายงานจากการตรวจเลือดพบว่าคนที่มีอายุตั้งแต่แรกเกิด-18 ปี ไม่มีภูมิคุ้มกันโรคนี้อยู่ในเลือด ผู้ที่มีอายุ 19-60 ปี พบว่าในเลือดมีภูมิคุ้มกันร้อยละ 6-9 ส่วนกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไปมีภูมิคุ้มกันในเลือดร้อยละ 33 ซึ่งหมายความว่าเคยมีโรคนี้เกิดขึ้นมาแล้วจึงเกิดภูมิคุ้มกัน ดังนั้นผู้ที่เป็นแล้วจะมีภูมิคุ้มกันและไม่เป็นอีกตลอดชีวิต ขอให้รักษาสุขภาพให้แข็งแรง ปฎิบัติตามคำแนะนำป้องกันและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด 
สำหรับช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีการแพร่ระบาดอย่างมาก  เพราะมีการเดินทางระหว่างประเทศ โดยเฉพาะสนามบินสุวรรณภูมิ ตั้งแต่วันที่ 28 เม.ย.เป็นต้นมา มีคนเดินทางเข้าประเทศถึง 1.6 ล้านคน จึงอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดการแพร่ระบาด ส่วนวัคซีนที่จะป้องกันโรคนี้คาดว่าภายใน 3 เดือน จะผลิตได้สำเร็จ  และไทยจะได้รับประมาณเดือนตุลาคม ขณะนี้ตัวเลขผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ทั่วโลกมี 30,000 คนแล้ว  เฉพาะที่สหรัฐมี 16,000 คน.

ยังไม่รู้สาเหตุเด็กอนุบาลปทุมป่วย

นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ทื่ปรึกษากระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ จากกรมการแพทย์  เปิดเผยภายหลังเดินทางมาตรวจเยี่ยมอาการของนักเรียนอนุบาลปทุมธานี ที่ป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ว่าอาการส่วนใหญ่ของผู้ป่วยถือว่าดีขึ้น ไม่มีอาการของโรคแทรกซ้อน ล่าสุดสามารถกลับไปรักษาตัวต่อที่บ้านได้แล้ว 2 คน และยังไม่พบเด็กนักเรียน หรือคนใกล้ชิดติดเชื้อเพิ่ม ส่วนที่มาของการแพร่ระบาดมายังกลุ่มเด็กนักเรียนนั้นยังไม่ทราบแน่ชัด

เด็กสวนฯ-ราชวินิตฯ-สตรีวิทย์ 3 ติด

นายเติบ ใยเจริญ ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 1 เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจาก ร.ร.สวนกุหลาบวิทยาลัยว่า มีนักเรียนชั้น ม. 1 ใน โรงเรียนป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จำนวน 2 ราย  ซึ่งได้รับการตรวจยืนยันเชื้อจากแพทย์แล้ว และจากการตรวจสอบประวัติพบว่าเด็กไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศ หรือไปเรียนกวดวิชาแต่อย่างใด นอกจากนี้ ร.ร.ราชวินิตประถมก็พบเด็กนักเรียนติดเชื้อไข้หวัด 2009 จำนวน 1 รายด้วย ดังนั้น โรงเรียนทั้ง 2 แห่ง จึงได้ประกาศหยุดเรียนเป็นเวลา 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 15-17 มิ.ย.นี้ และได้ประสานให้เจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานคร ไปทำความสะอาดโรงเรียนในวันที่ 15 มิ.ย. นี้แล้ว 
  ด้าน คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวว่า ขณะนี้มีโรงเรียนที่รายงานเข้ามาว่า ได้ประกาศหยุดเรียนเนื่องจากพบนักเรียนเป็นไข้หวัดใหญ่ 2009 จำนวน 3 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย โรงเรียนราชวินิตประถม และ โรงเรียนสตรีวิทยา 3 โดยทั้ง 3 โรงหยุดเรียนจนถึงวันที่ 17 มิ.ย. และเปิดเรียนวันที่ 18 มิ.ย.
นายชัยวุฒิ  บรรณวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า เท่าที่ได้รับรายงานสถานการณ์ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในสถานศึกษาถึงเวลา 17.00 น.วันนี้ พบว่าโรงเรียนที่ปิดเรียนมีดังนี้ รร.เซนต์คาเบรียล และเซนต์ฟรังซิสซาเวียร์ปิดถึง 18 มิ.ย. ร.ร.อนุบาลปทุมธานีเดิมปิดเรียนถึง 15 มิ.ย.และขยายปิดไปอีก 7 วันถึงวันที่  21 มิ.ย. รร.วัดฉาง อ.เมือง จ.ปทุมธานี ปิดถึง 17 มิ.ย. หลังจากมีนักเรียนเป็นไข้ตัวร้อนหลายคน จึงขอปิดไว้ก่อน

เด็กมช.ติดรายแรกของเชียงใหม่

นพ.วัฒนา กาญจนกามล นายแพทย์สาธารณสุข จ.เชียงใหม่ เปิดเผยภายหลังเรียกประชุมเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลังพบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 คนแรกของ จ.เชียงใหม่ โดยพบเป็นนักศึกษาหญิงอายุ 20 ปี คณะวิทยาศาสตร์ ม.เชียงใหม่ (มช.)
"นักศึกษาคนดังกล่าวเดินทางกลับจากการเดินทางไปกับโครงการเวิร์กแอนด์เทลแวล ประเทศสหรัฐอเมริกา และเดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.และเดินทางถึง จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.ที่ผ่านมา ก่อนจะเริ่มมีอาการป่วยมีไข้หวัด ไอ และแสบคออย่างหนัก ญาตินำส่งโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ วันที่ 12 มิ.ย.และล่าสุดผลแล็บจากห้องปฏิบัติการ ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์เชียงใหม่ ออกมาระบุว่าติดเชื้อเอชวันเอ็นทู หรือไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ 2009"
นพ.วัฒนากล่าวว่า ขณะนี้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นเล็กน้อย แต่ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ออกสกัดกั้นการระบาดของเชื้อโรคดังกล่าว โดยเฉพาะการสืบสวนโรคจากเพื่อนนักศึกษา 2 คน ที่เดินทางมาพร้อมกันจากสหรัฐอเมริกา และเร่งตรวจสอบครอบครัวของนักศึกษาหญิงคนดังกล่าวที่ อ.สารภี จำนวน 5 คน พร้อมทั้งตรวจสอบรายชื่อผู้ร่วมเดินทางมากลับเที่ยวบินทีจี 102 จากสนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 07.50 น.และเดินทางถึงทาอากาศยานเชียงใหม่เวลา 09.00 น.โดยเฉพาะบุคคลที่นั่งใกล้ชิดกับผู้ป่วย
ด้านศ.ดร.พงษ์ศักดิ์ อังกสิทธิ์ อธิการบดี ม.เชียงใหม่ (มช.) กล่าวเมื่อวันที่ 14 มิ.ย.ว่า ทราบเรื่องนักศึกษาที่ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่พันธุ์ใหม่ 2009 แล้ว แล้ว ซึ่งขณะนี้คณบดีคณะแพทยศาสตร์และนายแพทย์สาธารณสุข จ.เชียงใหม่ เฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดแล้ว เพราะยังมีเด็กนักศึกษาที่ไปกับโครงการเวิร์คแอนด์เทแวลที่สหรัฐอเมริกาอีกหลายคนหลายมหาวิทยาลัย โดยในส่วนของ มช.มีการวางแผนรับมือเรื่องนี้ไว้ล่วงหน้าแล้ว 1 เดือน รวมทั้งแจ้งผ่านเว็บไซต์เฝ้าระวัง เพื่อที่จะดักบุคคลที่มีอาการไม่ให้โรคแพร่กระจาย
  "เราห่วงห้องเชียร์รุ่นพี่รุ่นน้อง กิจกรรมที่ต้องทำด้วยกันจำนวนมาก แต่เด็กกลุ่มนี้กำลังทยอยกันเดินทางกลับหลังมหาวิทยาลัยเปิดเทอม 10 วัน ก็ต้องคัดกรองใกล้ชิด รวมทั้งหอพักที่นักศึกษาอยู่ร่วมกันจำนวนมาก ได้ขอให้ทางสโมสรนักศึกษาช่วยสอดส่องดูแลเพื่อนๆ ที่มีอาการเพื่อเร่งคัดแยกยังโรงพยาบาลสกัดการแพร่ระบาดเป็นการด่วน" อธิการบดี มช.กล่าว   

WHOส่งเชื้อเป็นถึงไทย 2 ก.ค.นี้
อภ.พร้อมผลิตวัคซีนแบบพ่น

นพ.วิชัย โชควิวัฒน ประธานคณะกรรมการบอร์ดองค์การเภสัชกรรม กล่าวว่า ในวันที่ 2 ก.ค.นี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) จะส่งเชื้อไวรัสชนิดเป็นมายังประเทศไทย ซึ่งเชื้อเป็นจะสามารถผลิตวัคซีนต้านไวรัสได้มากกว่าเชื้อตาย 30 เท่า ทั้งนี้ในวันที่ 18 มิ.ย. เจ้าหน้าที่องค์การอนามัยโลกจะมาตรวจโรงงานต้นแบบโดยคาดว่าจะได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิตที่ดีขององค์การอนามัยโลก (GMP-WHO) ภายในเดือนมิ.ย.นี้ นอกจากนี้อภ.ได้ประสานกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในการเตรียมความพร้อมขึ้นทะเบียนวัคซีนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ 2009 ด้วย
ด้านนพ.วิทิต อรรถเวชกุล ผอ.องค์การเภสัชกรรม กล่าวว่า ได้ประสานกับองค์การอนามัยโลก ในการผลิตวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิด เอ เอช 1 เอ็น 1 โดยจะใช้ห้องปฏิบัติการอาคารปฏิบัติการควบคุมและประเมินคุณภาพทางเภสัชศาสตร์และวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร จ.นครปฐม ซึ่งได้รับการปรับปรุงเป็นโรงงานต้นแบบ ทั้งนี้ เมื่อ อภ.ได้รับเชื้อเป็นของเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ ก็สามารถเริ่มดำเนินการผลิตได้ทันที โดยได้รับความร่วมมือในการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากประเทศรัสเซียซึ่งได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก เพื่อผลิตวัคซีนในลักษณะพ่นเข้าทางเยื้อจมูก จำนวน 2.8 ล้านโดสต่อเดือน แต่อาจต้องใช้เวลาในการทดลองทางคลินิกในสัตว์ทดลอง และในมนุษย์ แล้วเสร็จเดือนมีนาคมปีหน้า
   “การผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่จากเชื้อเป็นถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทย จึงต้องเอาความปลอดภัยเป็นตัวนำและดำเนินการอย่างรอบคอบ ส่วนการใช้เชื้อตายในการผลิตวัคซีนนั้น อภ.สามารถผลิตได้เป็นผลสำเร็จแล้ว แต่การผลิตวัคซีนจากเชื้อตายจะผลิตได้จำนวนโดสน้อยกว่าเชื้อเป็น สามารถผลิตได้แค่เดือนละ 4-5 หมื่นโดส ซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการ แต่ประสิทธิผลในการป้องกันโรคไม่ต่างกัน”นพ.วิทิตกล่าว
   ผอ.องค์การเภสัชกรรม กล่าวด้วยว่า ในอนาคตหากโรงงานผลิตวัคซีนในระดับอุตสาหกรรมที่ ต. ทับกวาง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ก่อสร้างเสร็จ จะมีกำลังในการผลิตวัคซีนได้มากถึง 60 ล้านโดสต่อเดือน ซึ่งเพียงพอกับคนไทยทั้งประเทศ

นายกฯ" รับกระทบท่องเที่ยว

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” ถึงปัญหาไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาโรคนี้เพิ่มพูนระดับของปัญหาขึ้น เพราะว่าสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือนอกจากการเริ่มพบผู้ป่วย ซึ่งติดเชื้อในประเทศของเราเองแล้ว ก็พบว่ามีการเดินทางมาของนักท่องเที่ยว ซึ่งเมื่อเดินทางกลับไปแล้วก็มีรายงานว่าติดเชื้อ ดังนั้น เราต้องย้อนกลับไปตรวจสอบพื้นที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นพัทยา ภูเก็ต และยังมีอีกหลายจังหวัด รวมไปถึงในกรุงเทพมหานครในบางโรงเรียน ก็ทำให้ตัวเลขของผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
"ประเทศไทยและรัฐบาลไทยจะใช้นโยบายที่เปิดเผย ไม่มีการปิดบังข้อเท็จจริง เพราะว่าเราต้องการที่จะรายงานสภาพความเป็นจริงให้ทุกคนไม่ว่าจะเป็นชาวไทยหรือชาวโลกได้ทราบ จะได้มั่นใจว่าเราไม่ได้มาปิดบังเพื่อประโยชน์อะไรทั้งสิ้น"
นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า การท่องเที่ยวคงจะกระทบ เพราะต้องยอมรับว่าจะมีคนจำนวนหนึ่งพอมีข่าวคราวแบบนี้ ประเทศไหนมีก็ไม่ไป แต่ก็ยืนยันว่านโยบายที่เปิดเผยนี่ดีกว่า คือบางคนบอกว่าจะไปเปิดเผย เขาก็ตกใจ ตนบอกว่าถ้าสมมติว่าเราไปปิดบัง และเขามาเจอ และเราปิด อันนั้นจะหนักหนาสาหัสเพราะจะทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจ และไม่เชื่อมั่นไม่เชื่อมั่นในประเทศไทน

โพลชี้คนกังวลการระบาด

วันเดียวกัน “สวนดุสิตโพล” ม.ราชภัฏสวนดุสิต ทำการสำรวจความเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 โดยสุ่มกระจายตามภูมิภาค 24 จังหวัดทั่วประเทศ จำนวน 3,179 คน  ระหว่างวันที่ 10-13 มิ.ย.  พบว่า ร้อยละ 41.59  ค่อนข้างวิตกกังวลกับโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009  เพราะแพร่ระบาดรวดเร็ว ,มีลูกหลานอยู่ในวัยเรียน ฯลฯ รองลงไปร้อยละ 39.76 วิตกมาก เพราะมีผู้ติดเชื้อกระจายอยู่ในหลายจังหวัด ,ติดต่อง่าย ,กลัวลูกหลานติดเชื้อ ฯลฯ และร้อยละ 18.65 ไม่ค่อยวิตก เนื่องจากเห็นว่าเป็นโรคที่รักษาหายได้  ส่วน 5 อันดับความวิตกกังวลของคนไทยต่อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 มีดังนี้ร้อยละ 32.18 มีลูกหลานต้องไปโรงเรียน กลัวติดเชื้อ ร้อยละ 29.98 แยกไม่ออกระหว่างเป็นไข้หวัดธรรมดากับไข้หวัด 2009 ร้อยละ 22.46 แพร่ระบาดรวดเร็วมากในประเทศไทย ร้อยละ 11.07 ไม่ค่อยรู้ข้อมูลในการป้องกันและรักษา และร้อยละ 4.31 กลัวว่าถ้าเกิดติดเชื้อไม่รู้จะปฏิบัติอย่างไร? จึงจะปลอดภัย  
สำหรับคำถามในการสำรวจว่าคนไทยรู้เรื่องวิธีการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 มากน้อยเพียงใดพบว่าร้อยละ 47.09  ตอบว่าพอรู้บ้างจากโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ ฯลฯ  รองลงไปร้อยละ 30.07 ระบุว่าไม่ค่อยรู้ เพราะไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารของโรคนี้จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ,ไม่ค่อยได้สนใจเพราะไม่มีเวลา ฯลฯ  มีร้อยละ 12.80 ตอบว่าไม่รู้เลย  เพราะไม่รู้จะหาวิธีการป้องกันจากแหล่งใด มีเพียงร้อยละ 10.04 ตอบว่ารู้ดี เพราะทำงานที่เกี่ยวข้อง, สนใจเพราะมีลูกหลานที่ต้องไปโรงเรียน ได้รับข้อมูลจากโรงเรียน ฯลฯ  อย่างไรก็ตาม พบว่าคนไทยค่อนข้างสนใจที่จะป้องกันตนเองจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เกินครึ่งคือร้อยละ 52.32 เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องที่อันตรายมาก แพร่เชื้อหรือติดเชื้อได้ง่ายและรวดเร็ว  มีร้อยละ 42.21 สนใจมาก  เพราะมีลูกหลานไปโรงเรียนกลับติดเชื้อ และมีเพียงร้อยละ 5.47 ที่ตอบว่าไม่ค่อยสนใจเพราะอยู่ในเขตชนบทไม่แออัดคงไม่ติดเชื้อง่าย

แนะเร่งคุมหวั่นฉุดเศรษฐกิจไทย

นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า จากกรณีการแพร่ระบาดไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 รัฐบาลจะต้องเร่งประชาสัมพันธ์ถึงการป้องกันให้ประชาชนตื่นตัวในการร่วมมือ เพื่อไม่ให้การแพร่ระบาดลุกลาม เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นการบริโภค โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยวซึ่งเป็นภาคที่สำคัญในการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทย ซึ่งหากรุนแรงจะส่งผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศหรือจีดีพีในไตรมาส 2 ได้
“ เราต้องยอมรับว่า การท่องเที่ยวเป็นภาคที่สำคัญต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งแม้ว่าภาคส่งออกจะมีการฟื้นตัวมาบ้างแล้ว แต่หากภาคท่องเที่ยวแย่ก็จะทำให้การขยายตัวแทนที่จะดีขึ้นก็อาจจะไม่ดีอย่างที่คาดไว้ จึงเห็นว่าทุกฝ่ายจะต้องร่วมมือกันในการป้องกัน”นายสันติกล่าว
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานส.อ.ท.กล่าวว่า ต้องยอมรับว่า ก่อนหน้านี้ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ไม่ใช่ประเด็นที่น่าเป็นห่วง แต่ขณะนี้การแพร่ระบาดเริ่มมีมากขึ้นทั่วโลก จึงกลายเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งเดิมเคยประเมินไว้ว่าภาคการท่องเที่ยวจะสามารถนำมาชดเชยรายได้จากการส่งออกที่ลดลงไปของประเทศ แต่ไตรมาส 2 ปีนี้แม้ว่าส่งออกจะดีขึ้นเล็กน้อย แต่ภาคท่องเที่ยวมีปัญหาซ้ำอีกจึงคาดว่าจีดีพีไตรมาส 2 ก็คงจะติดลบอีก
“ ภาคท่องเที่ยวที่ผ่านมาเราต้องเผชิญหลายด้านมาก พอเริ่มฟื้นตัวก็มาเจอไข้หวัดอีก ทำให้คนไม่กล้าเดินทางท่องเที่ยวมากจุดนี้จึงน่าเป็นห่วงทีดีสำหรับการท่องเที่ยวของไทยที่อาจจะเจอปัญหาลากยาวไปอีกพอสมควร และแน่นอนว่าย่อมส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่จะมากน้อยเพียงใดก็จะต้องติดตามว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาได้หรือไม่เพราะประเด็นนี้ถือว่าเป็นกันทั่วโลก”นายธนิตกล่าว

ออสเตรเลียเล็งเพิ่มระดับเตือนภัยหวัด 2009

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ทางการออสเตรเลียแถลงวานนี้(14) เตรียมจะเพิ่มระดับเตือนภัยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เนื่องจากยอดผู้ติดเชื้อยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
นิโคลา ร็อกซัน รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของออสเตรเลีย แถลงว่า เร็ววันนี้ทั่งทั้งประเทศจะเข้าสู่การเตือนภัยขั้น "ประคับประคอง" ตามรัฐวิคตอเรีย ซึ่งเป็นจุดที่เกิดการระบาดหนักที่สุด
การประกาศมาตรการเตือนภัยในระดับ"ประคับประคอง" ซึ่งเป็นระดับสูงสุดอันดับสองของออสเตรเลีย จะอนุญาตให้ทางการสั่งระงับการแข่งขันกีฬา, ปิดโรงเรียนและควบคุมการเดินทาง แม้เจ้าหน้าที่จะบอกว่า มาตรการขั้นเด็ดขาด เช่นการปิดพรมแดน ไม่น่าจะเกิดขึ้น
ตอนนี้พบผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ เอช1เอ็น1 จำนวน1,458 รายในออสเตรเลีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีการระบาดมากที่สุดในแถบเอเชีย - แปซิฟิก และเป็นอันดับ 5 ของโลก
"ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อกำลังแพร่ระบาดไปตามเขตต่าง ๆ ดังนั้นจึงจะมีมาตรการหลาย ๆ อย่างในไม่กี่วันข้างหน้า เพื่อเข้าสู่มาตรการการเตือนภัยในระยะเฝ้าระวังตลอดเวลา” ร็อกซันกล่าว
"หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่โรคหวัด 2009 จะแพร่กระจายมากขึ้น นั้นเป็นธรรมชาติของโรคชนิดนี้" รัฐมนตรีหญิงของออสเตรเลียผู้นี้กล่าว
อนึ่ง ที่แคนาดา เจ้าหน้าที่สาธารณสุขแถลงวันเสาร์(13) ว่า มีผู้ติดเชื้อหวัด 2009 เสียชีวิตเป็นรายที่ 5 และมีรายงานผู้ติดเชื้อเพิ่ม 540 ราย ส่งผลให้ตอนนี้ แคนาดามีผู้ติดเชื้อตั้งแต่เริ่มระบาดมากกว่า 3,500 รายแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น