xs
xsm
sm
md
lg

ธ.โลก-IMFทำนายศก.ไปคนละทิศ บ่งชี้ทิศทางฟื้นตัวยังคาดการณ์ยาก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วอลล์สตรีทเจอร์นัล/รอยเตอร์ – กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ)ประเมินล่าสุดว่า เศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวได้ดีในปี 2010 โดยอัตราเติบโตอาจจะพุ่งไปถึงระดับ 2.4% ซึ่งสูงกว่าที่ได้เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ในขณะที่ธนาคารโลกมองว่า ปี 2009 จะเป็นปีที่เศรษฐกิจเลวร้ายกว่าที่ได้เคยพยากรณ์เอาไว้
การคาดการณ์ที่ไปคนละทิศคนละทางของ 2 สถาบันระดับโลกเช่นนี้ เป็นเครื่องแสดงให้เห็นว่า เป็นเรื่องยากลำบากเพียงใดในการพยากรณ์ทิศทางเดินของภาวะเศรษฐกิจทรุดตัว ซึ่งกำลังสร้างความเสียหายรุนแรงให้แก่ทั้งประเทศร่ำรวยและชาติยากจน
ขณะที่ไอเอ็มเอฟให้ความเห็นยกย่องบทบาทของรัฐบาลต่างๆ ที่ประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ว่ากำลังส่งเสริมให้เศรษฐกิจโลกกระเตื้องขึ้นในบางระดับนั้น ประธานธนาคารโลก รอเบิร์ต เซลลิก กลับกล่าวว่า ตอนนี้ประเทศต่างๆ ควรต้องให้ความสำคัญไปที่เรื่องการเปลี่ยนแปลงแก้ไขระบบการเงิน
การคาดการณ์เศรษฐกิจขององค์กรโลกบาลทั้ง 2 แห่งนี้ ปรากฏขึ้นขณะที่กลุ่ม 7 ชาติอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก (จี7 ได้แก่ สหรัฐฯ แคนาดา ญี่ปุ่น อิตาลี ฝรั่งเศส เยอรมนี และอังกฤษ) จะประชุมหารือระดับรัฐมนตรีคลังกันที่เมือง เลชเช ประเทศอิตาลี ในวันศุกร์และเสาร์นี้ (12-13) เพื่อพิจารณามาตรการขั้นต่อไปในการรับมือกับภาวะเศรษฐกิจทรุดตัว โดยต่อจากนั้นก็จะตามมาด้วยการประชุมระดับสุดยอดกลุ่มจีแปด ซึ่งรวมเอารัสเซียเข้ามาด้วย ในต้นเดือนกรกฎาคมนี้
แหล่งข่าวที่ทราบเรื่องดีหลายรายบอกกับวอลล์สตรีทเจอร์นัลกล่าวว่า ตัวเลขคาดการณ์ล่าสุดของไอเอ็มเอฟนี้ ปรากฏอยู่ในเอกสารสรุปชิ้นหนึ่งที่เตรียมเสนอต่อบรรดารัฐมนตรีคลังจี7 โดยไอเอ็มเอฟประมาณการว่าปี 2010 เศรษฐกิจโลกจะเติบโตในระดับ 2.4% ซึ่งสูงขึ้นจากที่องค์กรนี้เคยทำนายไว้ในเดือนเมษายนว่าจะอยู่ที่ 1.9%
ขณะที่รอยเตอร์ซึ่งอ้างแหล่งข่าว จี8 รายหนึ่ง ระบุว่า นอกจากไอเอ็มเอฟจะเพิ่มตัวเลขคาดการณ์สำหรับปี 2010 ดังกล่าวแล้ว ในส่วนของปี 2009 นั้น ยังยืนยันการพยากรณ์เดิมของเมื่อเดือนเมษายน คือจะหดตัว 1.3%
ทั้งนี้ ไอเอ็มเอฟมีกำหนดจะเผยแพร่ตัวเลขทำนายล่าสุดนี้อย่างเป็นทางการในวันที่ 7 กรกฎาคม อันเป็นช่วงการประชุมสุดยอดจี8 โดยจะปรากฏอยู่ในรายงานทิศทางแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (World Economic Outlook) ฉบับล่าสุด
สำหรับธนาคารโลกนั้น ได้เผยแพร่การประมาณการณ์เศรษฐกิจล่าสุดของตนตั้งแต่เมื่อวันพฤหัสบดี (11) แต่มีข้อมูลเฉพาะปี 2009 เท่านั้น โดยบอกว่าปีนี้เศรษฐกิจโลกจะหดตัวเกือบๆ 3% ซึ่งย่ำแย่กว่าที่เวิลด์แบงก์เคยคาดการณ์ครั้งก่อนในเดือนมีนาคมที่เห็นว่าจะหดตัว 1.7%
รอเบิร์ต เซลลิก ประธานธนาคารโลกแถลงในวันพฤหัสบดีว่า แม้จะมีสัญญาณว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยในประเทศร่ำรวยนั้นเริ่มบรรเทาความรุนแรงลงแล้ว แต่ประเทศกำลังพัฒนายังคงกำลังถูกกระหน่ำหนัก จากภาวะการส่งออก, เม็ดเงินที่แรงงานส่งกลับบ้าน, และเงินทุนไหลเข้า ต่างดิ่งลงรุนแรง
การประมาณการณ์ของไอเอ็มเอฟและธนาคารโลกนั้น ไม่สามารถจะเปรียบเทียบกันโดยตรงได้ทีเดียวนัก เนื่องจากวิธีการวัดการเติบโตทางเศรษฐกิจของทั้งสองสถาบันนี้มีความแตกต่างกันบางประการ
ธนาคารโลกบอกว่า ประเทศกำลังพัฒนาน่าจะต้องการเม็ดเงินระหว่าง 350,000 – 635,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯเพื่อใช้ชำระหนี้ในปี 2009 นอกเหนือไปจากความต้องการเม็ดเงินลงทุนในภาคเอกชน
ขณะที่เซลลิกคาดว่า ภาครัฐของพวกประเทศกำลังพัฒนา ก็จะมีการหยุดชำระหนี้อย่างขนานใหญ่ หากว่าประเทศเหล่านี้ไม่สามารถกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน อย่างเช่น ไอเอ็มเอฟ, เวิลด์แบงก์, หรือธนาคารเพื่อการพัฒนาระดับภูมิภาค
เซลลิกยังชี้ว่า ภาวะเศรษฐกิจทรุดตัวทั่วโลกมีลักษณะเป็นกระแสคลื่น โดยคลื่นลูกแรกนั้น เกิดวิกฤตการเงินขึ้นในสหรัฐฯและยุโรป จากนั้นขณะที่ตลาดต่างๆ ในประเทศร่ำรวยกำลังเผชิญภาวะสินเชื่อตึงตัว ก็เกิดคลื่นลูกที่สองเล่นงานพวกประเทศกำลังพัฒนา
ตอนนี้คือตอนที่คลื่นลูกที่สามกำลังทำให้สถาบันการเงินในประเทศกำลังพัฒนาอ่อนแอลง ซึ่งก็อาจส่งผลกระทบก่อให้เกิดคลื่นลูกที่สี่กลับไปเล่นงานสถาบันการเงินในสหรัฐฯและยุโรปอีกครั้งหนึ่ง
กำลังโหลดความคิดเห็น