xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯสั่งสอบเทศบาลเมืองพลสร้างตึกแถวที่ร.ร.-ดิ้นเปลี่ยนสีผังเมือง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

 อาคารเรียน ของโรงเรียนเทศบาลพลประชานุกุล และเสาโครงการก่อสร้างอาคารของเทศบาลเมืองพล ห่างกันราว 1 เมตร
ศูนย์ข่าวขอนแก่น-ชาวชุมชนเทศบาลเมืองเมืองพลใจชื้น นายกฯอภิสิทธิ์ส่งเจ้าหน้าที่ ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีพิพาทโครงการสร้างอาคารพาณิชย์ให้เช่าของเทศบาลฯ ในเขตสีเขียวมะกอกของโรงเรียนเทศบาลพลประชานุกุล เผยฝ่ายบริหารเทศบาลฯดิ้น!หลังศาลปกครองสั่งระงับโครงการ วิ่งเต้นเปลี่ยนสีในผังเมืองให้เป็นสีแดงเพื่อดันให้สร้างต่อได้ ขณะที่ชาวบ้านยันสู้ไม่ถอยเพื่อรักษาที่ดินโรงเรียนของชุมชน

จากกรณีที่ชาวบ้านในเขตเทศบาลเมืองพล อ.พล จ.ขอนแก่น ที่รวมตัวในนามกลุ่มพลพิทักษ์ธรรมได้ร้องทุกข์ “มูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน”พร้อมกับเคลื่อนไหวคัดค้านโครงการก่อสร้างอาคารพาณิชย์ให้เช่า ขนาด 2 ชั้น 45 คูหา ซึ่งจะสร้างในเขตพื้นที่โรงเรียนเทศบาลพลประชานุกุล ด้านที่ติดกับตลาดสดเทศบาลเมืองพลตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน 2550 โดยชาวบ้านกลุ่มนี้ไม่เห็นด้วยที่ฝ่ายบริหารเทศบาลเมืองพลจะนำพื้นที่โรงเรียนไปแสวงผลประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ อีกทั้งบริเวณดังกล่าวระบุในผังเมืองเป็นพื้นที่สีเขียวมะกอก สงวนไว้สำหรับกิจกรรมทางการศึกษาเท่านั้น

ที่สำคัญหวั่นว่าจะส่งผลกระทบต่อการเรียนของเยาวชน โดยเฉพาะด้านเสียงและมลภาวะทางอากาศเพราะเป้าหมายผู้เช่าอาคารพาณิชย์ คือ กลุ่มแม่ค้าพ่อค้าในตลาดสด การต่อสู้ของชาวเทศบาลเมืองพลครั้งนี้ถึงขั้นยื่นฟ้องศาลปกครองจังหวัด

นายกฯรับลูกส่งทีมงานสอบข้อเท็จจริง

ล่าสุด นางผาสุข ปัญญา หนึ่งในกลุ่มพลพิทักษ์ธรรม อ.พล จ.ขอนแก่น เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเคลื่อนไหวต่อสู้คัดค้านการก่อสร้างอาคารพาณิชย์ของเทศบาลเมืองพลดังกล่าวว่า เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จากสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้เดินทางมารับฟังข้อมูลทั้งฝ่ายประชาชน ที่คัดค้านโครงการ และฝ่ายบริหารเทศบาลพลพร้อมกับลงพื้นที่สำรวจจุดก่อสร้าง ถือเป็นความสำเร็จอีกก้าวหนึ่งของการต่อสู้ของภาคประชาชนที่ได้รับความสนใจจากภาครัฐ พวกตนยืนยันที่จะคัดค้านการก่อสร้างโครงการลงทุนนี้ให้ถึงที่สุดเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนักเรียนและชุมชนส่วนรวม

นางผาสุข กล่าวถึงการลงพื้นที่ของเจ้าหน้าที่จากสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องจากที่พวกตนได้ทำหนังสือถึง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อให้ช่วยเหลือสั่งระงับการขอเปลี่ยนแปลงพื้นที่บริเวณดังกล่าวที่กฎกระทรวงผังเมืองรวมเมืองพลกำหนดให้เป็นสีเขียวมะกอกให้เป็นพื้นที่สีแดง ที่ดินประเภทพาณิชย์กรรม หากวิ่งเต้นเปลี่ยนสีในผังเมืองสำเร็จ เทศบาลเมืองพลก็จะใช้เป็นข้ออ้างเดินหน้าลงทุนโครงการพาณิชย์ให้เช่าได้ต่อ

“พวกเราดีใจมากที่ท่าน นายกฯอภิสิทธิ์ เห็นความสำคัญของปัญหาสั่งให้หน่วยงานสำนักปลัดฯมาดูสภาพพื้นที่และรับฟังข้อมูลของทั้งฝ่ายเราที่ไม่เห็นด้วยกับโครงการและฝ่ายผู้บริหารเทศบาลฯเจ้าของโครงการ การต่อสู้ของพวกเราในเรื่องนี้ไม่ได้หวังผลประโยชน์ใดๆ เราแค่ต้องการปกป้องพื้นที่ของโรงเรียนไม่ให้นักการเมืองท้องถิ่นนำไปก่อสร้างตึกอาคารเพียงแค่ข้ออ้างความเจริญเติบโตด้านวัตถุเท่านั้น”นางผาสุข กล่าวและเล่าต่อว่า

นับว่าความยุติธรรมในแผ่นดินนี้ยังมีอยู่เพราะหลังจากที่ตนกับพวกอีก 5 คน ในนามกลุ่มพลพิทักษ์ธรรมได้ยื่นร้องต่อศาลปกครองขอนแก่นให้สั่งยกเลิกโครงการดังกล่าวเมื่อปลายปี 50 ผลจากคำพิพากษาที่ศาลตัดสินเมื่อปลายปี 51 ได้มีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างอาคารพาณิชย์ทั้ง 45 คูหา และสั่งให้ นายสุวัฒน์ อังสนันท์ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองพลรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างอาคารที่พิพาทและปรับพื้นที่โรงเรียนเทศบาลพลประชานุกุลให้กลับคืนสู่สภาพเดิม อย่างไรก็ตามคดีนี้ยังไม่ถือว่าสิ้นสุดเพราะทางนายสุวัฒน์ ได้ยื่นอุทธรณ์

สำหรับเหตุผลที่นายสุวัฒน์ ในฐานะนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองพลอ้างเพื่อลงทุนสร้างอาคารพาณิชย์นั้น เขายืนยันว่าทุกขั้นตอนเป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย สภาเทศบาลฯเห็นชอบให้ก่อสร้าง เพื่อพัฒนารายได้ของเทศบาลเมืองเมืองพล มีวัตถุประสงค์ที่จะบำรุงและส่งเสริมการทำมาหากินของราษฎร

เทศบาลเมืองพลดิ้นเปลี่ยนสีในผังเมือง

สำหรับสถานที่ตั้งอาคารพาณิชย์เดิมเคยอยู่ในเขตห้ามก่อสร้างตามกฎหมาย ฉบับที่ 395(2541)ตาม พ.ร.บ.การผังเมือง พ.ศ.2518 ซึ่งกำหนดเป็นสีเขียวมะกอกที่ดินประเภทสถาบันการศึกษา แต่กฎหมายดังกล่าวได้สิ้นสุดผลการบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม 2548และขณะดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารพาณิชย์ยังไม่มีการประกาศใช้บังคับกฎกระทรวงฉบับใหม่การใช้ประโยชน์ในที่ดินดังกล่าว จึงไม่มีข้อห้ามตามกฎหมายผังเมือง

นายสุวัฒน์ ยืนยันอีกว่าในประเด็นนี้ทางอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมืองได้ตอบข้อหารือมาว่า เมื่อกฎกระทรวง ฉบับที่395(2541)ได้สิ้นสุดระยะเวลาการบังคับใช้เมื่อ 24 ปี 2548 ดังนั้น การใช้ประโยชน์ในที่ดินในขณะนี้จึงไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎกระทรวงดังกล่าว หนังสือตอบข้อหารือดังข้อความข้างต้นจึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เทศบาลเมืองเมืองพลใช้เป็นหลักฐานอ้างอิงเพื่อแสดงความชอบธรรมในการก่อสร้างอาคารพาณิชย์

อย่างไรก็ตามในหนังสือตอบข้อหารือฉบับเดียวกัน ได้ระบุเพิ่มเติมว่าโครงการดังกล่าวจะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายควบคุมอาคาร กฎหมายสิ่งแวดล้อม เป็นต้น

ด้านนายประสิทธิ์ พรหมนอก หนึ่งในสมาชิกกลุ่มพลพิทักษ์ธรรมได้ตอบโต้ข้อกล่าวอ้างของฝ่ายบริหารเทศบาลเมืองเมืองพลว่า จะอ้างการสิ้นสุดระยะเวลาบังคับใช้ของกฎกระทรวง ฉบับที่ 395 (2551)ไม่ได้ แม้จะอยู่ในช่วงที่รอการออกกฎกระทรวงใหม่ ใช่ว่าจะฉวยโอกาสดำเนินโครงการใดๆที่ผิดกฎหมายได้ ต้องดูกฎหมายแวดล้อมอื่นๆประกอบและที่สำคัญต้องดูความเหมาะสมตามหลักธรรมาภิบาลด้วย

นอกจากนี้ นายประสิทธิ์ ยังตั้งข้อสังเกตอีกว่า กรณีที่ นายสุวัฒน์ ชี้แจงเหตุผลที่ขอเปลี่ยนสีจากสีเขียวมะกอกเป็นสีแดงเพื่อสร้างอาคารพาณิชย์ดังกล่าว เพื่อรองรับผู้เช่าอาศัยในอาคารหลังเก่า บริเวณตลาดสดเทศบาล จำนวน 50 รายที่หมดสัญญาเช่าและเทศบาลฯจะทำการรื้อถอน ถึงขั้นจะสร้างอาคารพาณิชย์ในโรงเรียนเพื่อรองรับ มีประเด็นที่น่าสงสัยคือ

1.อาคารตลาดหลังเก่าที่สร้างมา 40 ปี เมื่อหมดสัญญาแล้ว จำเป็นต้องทุบรื้อถอนและสร้างใหม่เท่านั้นหรือ

2.จากการประกาศขายสิทธิ์อาคารพาณิชย์หลังใหม่ในบริเวณโรงเรียนแก่บุคคลทั่วไป ไม่ใช่มุ่งรองรับผู้หมดสัญญาจากอาคารหลังเก่า ซึ่งทำให้ผู้หมดสัญญาไม่สามารถแบกรับราคาที่ประกาศขายสิทธิ์ได้ เพราะมีราคาค่อนข้างสูง และที่สำคัญไม่เห็นด้วยกับการสร้างอาคารพาณิชย์ในพื้นที่ของโรงเรียน เป็นการเบียดบังพื้นที่ของโรงเรียน ควรเป็นพื้นที่เพื่อใช้ประโยชน์ต่อการส่งเสริมการศึกษาเท่านั้น

รวมทั้งเห็นว่านักเรียนจะได้รับผลกระทบจากมลพิษทางกลิ่น เสียง การบดบังแสง-ลม เพราะตามข้อเท็จจริง จะสังเกตได้จากภาพถ่ายเสาเข็มอาคารพาณิชย์ผนวกกับแบบแปลนที่ประกาศขาย จะเห็นได้ว่าหากวัดจากแนวดิ่งของชายคาของอาคารเรียนจะห่างกันเพียง 1 เมตรเท่านั้น

ดังนั้นด้วยเหตุผลที่ไม่เห็นด้วยกับโครงการสร้างอาคารพาณิชย์ของเทศบาลเมืองเมืองพลต่างๆครั้งนี้ จึงต้องการให้มีการพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อพิจารณาระงับการเปลี่ยนแปลงสีการใช้ประโยชน์ในที่ดินบริเวณดังกล่าวจากสีเขียวมะกอกเพื่อสถาบันการศึกษาเป็นสีแดงเพื่อการพาณิชย์

รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่จากสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้ลงสำรวจข้อเท็จจริงในพื้นที่และรับฟังข้อมูลจากตัวแทนทั้ง 2 ฝ่าย คือ ผู้ร้องคัดค้านโครงการฯกับเจ้าของโครงการคือฝ่ายบริหารเทศบาลเมืองเมืองพลแล้ว ได้กล่าวย้ำว่า ณ ขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปความเห็นใดๆได้เพราะกรณีพิพาทโครงการนี้กำลังอยู่ในกระบวนการพิจารณาคดีของศาล คดียังไม่สิ้นสุด ไม่สามารถก้าวล้ำอำนาจศาลได้ แต่ข้อมูลที่ได้รับฟังจากทั้ง 2ฝ่ายจะนำไปประมวลเพื่อเสนอขอความเห็นจากผู้บังคับบัญชาต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น