ASTVผู้จัดการรายวัน – “ศศิธารา” ไม่สน “เบญจมาศ” ยื่นอุทธรณ์ เดินหน้าหาผู้รับเหมาสร้างศูนย์ประชุมนานาชาติ เชียงใหม่ รายใหม่ ระบุราคาต้องไม่เกินงบประมาณที่กระทรวงฯมีอยู่ที่ 2,200 ล้านบาท เพราะค่าวัสดุก่อสร้างอยู่ในช่วงขาลง เชื่อเอกชนต้องมีความเข้าใจ และเบญจมาศเองก็ต้องยอมรับการล้มประมูลเพราะตั้งราคาสูง
นางสาวศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า หลังประกาศล้มการประมูลของบริษัท เบญจมาศ ในโครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมนานาชาติเชียงใหม่ ด้วยเหตุผลว่าราคาสูงกว่าราคากลาง ล่าสุด กระทรวงฯได้รับหนังสือจากบริษัทเบญจมาศ ขอยื่นอุธรณ์และให้กระทรวงการท่องเที่ยวฯช่วยพิจารณาอีกครั้ง
แต่ทางกระทรวงฯได้ชี้แจงไปแล้วว่าราคาที่บริษัทเบญจมาศประมูลได้ เป็นมูลค่าก่อสร้างที่ 2,600 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่าราคากลางที่กำหนดไว้ที่ราว 2,200 ล้านบาท และโครงการนี้ กระทรวงฯก็มีงบประมาณค่าก่อสร้างอยู่ที่ 2,100-2,200 ล้านบาท เท่านั้น
กระทรวงฯจึงหวังว่าบริษัทเบญจมาศ และเอกชนรายอื่นๆ ที่สนใจเข้าประมูลโครงการนี้คงจะเข้าใจ เพราะขณะนี้รัฐบาลต้องใช้เงินจำนวนมาก และราคาวัสดุก่อสร้างก็ลดลง จึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องไปของบประมาณมาเพิ่มเติมเพื่อจ้างบริษัทเบญจมาศ เพราะกระทรวงฯได้ต่อรองราคาให้ลดลงมาแต่บริษัทเบญจมาศก็ยืนยันที่ราคาเดิม จึงต้องล้มประมูลดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดกระทรวงฯได้เริ่มขั้นตอนการเปิดประมูลอีกครั้งด้วยการ เสนอแบบออกประกวดราคาค่าก่อสร้างในรอบใหม่ พร้อมกับตั้งคณะกรรมการประเมินราคาค่าก่อสร้าง โดยเบื้องต้นวางกรอบไว้ว่าต้องไม่เกินวงเงินงบประมาณค่าก่อสร้างที่กระทรวงฯมีอยู่แล้ว และต้องไม่เกินราคากลางที่กรมโยธาธิการ ได้คำนวณออกมาใหม่ ว่าจะค่าก่อสร้างจะอยู่ราว 2,200 ล้านบาท คาดว่าภายในเดือน ก.ค.นี้จะเปิดประกวดราคาจัดซื้อจัดจ้างได้
ทั้งนี้การทำงานของคณะกรรมการประเมินราคา อยู่ระหว่างการกำหนดราคาค่าก่อสร้างที่เหมาะสม โดยคำนวณจากราคาวัสดุก่อสร้าง เป็นตัวชี้วัด เพื่อให้ราคาที่ออกมาจะไม่เกินงบประมาณที่กระทรวงฯมีอยู่
นางสาวศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า หลังประกาศล้มการประมูลของบริษัท เบญจมาศ ในโครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมนานาชาติเชียงใหม่ ด้วยเหตุผลว่าราคาสูงกว่าราคากลาง ล่าสุด กระทรวงฯได้รับหนังสือจากบริษัทเบญจมาศ ขอยื่นอุธรณ์และให้กระทรวงการท่องเที่ยวฯช่วยพิจารณาอีกครั้ง
แต่ทางกระทรวงฯได้ชี้แจงไปแล้วว่าราคาที่บริษัทเบญจมาศประมูลได้ เป็นมูลค่าก่อสร้างที่ 2,600 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่าราคากลางที่กำหนดไว้ที่ราว 2,200 ล้านบาท และโครงการนี้ กระทรวงฯก็มีงบประมาณค่าก่อสร้างอยู่ที่ 2,100-2,200 ล้านบาท เท่านั้น
กระทรวงฯจึงหวังว่าบริษัทเบญจมาศ และเอกชนรายอื่นๆ ที่สนใจเข้าประมูลโครงการนี้คงจะเข้าใจ เพราะขณะนี้รัฐบาลต้องใช้เงินจำนวนมาก และราคาวัสดุก่อสร้างก็ลดลง จึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องไปของบประมาณมาเพิ่มเติมเพื่อจ้างบริษัทเบญจมาศ เพราะกระทรวงฯได้ต่อรองราคาให้ลดลงมาแต่บริษัทเบญจมาศก็ยืนยันที่ราคาเดิม จึงต้องล้มประมูลดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดกระทรวงฯได้เริ่มขั้นตอนการเปิดประมูลอีกครั้งด้วยการ เสนอแบบออกประกวดราคาค่าก่อสร้างในรอบใหม่ พร้อมกับตั้งคณะกรรมการประเมินราคาค่าก่อสร้าง โดยเบื้องต้นวางกรอบไว้ว่าต้องไม่เกินวงเงินงบประมาณค่าก่อสร้างที่กระทรวงฯมีอยู่แล้ว และต้องไม่เกินราคากลางที่กรมโยธาธิการ ได้คำนวณออกมาใหม่ ว่าจะค่าก่อสร้างจะอยู่ราว 2,200 ล้านบาท คาดว่าภายในเดือน ก.ค.นี้จะเปิดประกวดราคาจัดซื้อจัดจ้างได้
ทั้งนี้การทำงานของคณะกรรมการประเมินราคา อยู่ระหว่างการกำหนดราคาค่าก่อสร้างที่เหมาะสม โดยคำนวณจากราคาวัสดุก่อสร้าง เป็นตัวชี้วัด เพื่อให้ราคาที่ออกมาจะไม่เกินงบประมาณที่กระทรวงฯมีอยู่
