ASTVผู้จัดการรายวัน - ธนาคารไทยพาณิชย์แจงกรณีลูกค้าเงินหาย 463 ล้านบาทไม่เป็นความจริง ระบุเป็นคดีเก่าที่ลูกค้าได้ร้องเรียนตั้งแต่ปี 2532-2535 และธนาคารได้ตั้งกรรมการตรวจสอบแล้วแต่ไม่พบการทุจริตของพนักงาน
ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ขอชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีที่นางรวีวรรณ วิจิตรพงษา ได้ให้ข่าวว่าธนาคารไทยพาณิชย์ทำเงินฝากของนางรวีวรรณหายไปจากบัญชีเป็นจำนวนเงิน 463 ล้านบาท โดยมีพนักงานธนาคารมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยนั้น ธนาคารใคร่ขอชี้แจงว่าข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง
ทั้งนี้ นางรวีวรรณได้ร้องเรียนกับธนาคารไทยพาณิชย์หลายครั้งแล้ว ธนาคารไม่ได้นิ่งนอนใจและติดตามคำร้องเรียนอย่างใกล้ชิด โดยได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ ซึ่งไม่ปรากฎหลักฐานว่ามีการทุจริตตามที่นางรวีวรรณกล่าวอ้างแต่ประการใด นางรวีวรรณเปิดบัญชีตั้งแต่ปี พ.ศ. 2530 และอ้างว่าเกิดเหตุระหว่างปี พ.ศ. 2532-2535 แต่กลับมิได้ดำเนินการใด ๆ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2548 เกี่ยวกับเรื่องนี้ นางรวีวรรณได้นำคดีเรื่องเดียวกันฟ้องต่อศาลมาแล้วเมื่อเดือนมกราคม 2552 แต่เมื่อถึงกำหนดนัดสืบพยานโจทก์ นางรวีวรรณได้ทิ้งฟ้องไม่ไปศาล
ล่าสุด นางรวีวรรณได้นำเรื่องเดิมมาฟ้องธนาคาร อดีตพนักงาน และอดีตสามีอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งธนาคารได้ยื่นคำให้การแก้คดีไปแล้ว ขณะนี้อยู่ในระหว่างนัดสืบพยานโจทก์ และจากการสอบสวนข้อเท็จจริง พบว่า เป็นเรื่องที่นางรวีวรรณเข้าใจผิด อีกทั้งคำฟ้องของนางรวีวรรณเอง ก็ไม่ตรงกับรายละเอียดข้อเท็จจริงที่ให้ในข่าว อย่างไรก็ตาม เนื่องจากคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล ธนาคารจะขอนำข้อเท็จจริงไปพิสูจน์ที่ศาล จึงไม่สามารถให้รายละเอียดมากไปกว่านี้เนื่องจากอาจกระทบต่อรูปคดี และอาจเป็นการละเมิดอำนาจศาลได้.
ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ขอชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีที่นางรวีวรรณ วิจิตรพงษา ได้ให้ข่าวว่าธนาคารไทยพาณิชย์ทำเงินฝากของนางรวีวรรณหายไปจากบัญชีเป็นจำนวนเงิน 463 ล้านบาท โดยมีพนักงานธนาคารมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยนั้น ธนาคารใคร่ขอชี้แจงว่าข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง
ทั้งนี้ นางรวีวรรณได้ร้องเรียนกับธนาคารไทยพาณิชย์หลายครั้งแล้ว ธนาคารไม่ได้นิ่งนอนใจและติดตามคำร้องเรียนอย่างใกล้ชิด โดยได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ ซึ่งไม่ปรากฎหลักฐานว่ามีการทุจริตตามที่นางรวีวรรณกล่าวอ้างแต่ประการใด นางรวีวรรณเปิดบัญชีตั้งแต่ปี พ.ศ. 2530 และอ้างว่าเกิดเหตุระหว่างปี พ.ศ. 2532-2535 แต่กลับมิได้ดำเนินการใด ๆ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2548 เกี่ยวกับเรื่องนี้ นางรวีวรรณได้นำคดีเรื่องเดียวกันฟ้องต่อศาลมาแล้วเมื่อเดือนมกราคม 2552 แต่เมื่อถึงกำหนดนัดสืบพยานโจทก์ นางรวีวรรณได้ทิ้งฟ้องไม่ไปศาล
ล่าสุด นางรวีวรรณได้นำเรื่องเดิมมาฟ้องธนาคาร อดีตพนักงาน และอดีตสามีอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งธนาคารได้ยื่นคำให้การแก้คดีไปแล้ว ขณะนี้อยู่ในระหว่างนัดสืบพยานโจทก์ และจากการสอบสวนข้อเท็จจริง พบว่า เป็นเรื่องที่นางรวีวรรณเข้าใจผิด อีกทั้งคำฟ้องของนางรวีวรรณเอง ก็ไม่ตรงกับรายละเอียดข้อเท็จจริงที่ให้ในข่าว อย่างไรก็ตาม เนื่องจากคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล ธนาคารจะขอนำข้อเท็จจริงไปพิสูจน์ที่ศาล จึงไม่สามารถให้รายละเอียดมากไปกว่านี้เนื่องจากอาจกระทบต่อรูปคดี และอาจเป็นการละเมิดอำนาจศาลได้.
