ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - จนท.สวนสัตว์เชียงใหม่พอใจพัฒนาการลูกหมีแพนด้า พบมีจุดดำขึ้นครบทุกจุดแล้วและกำลังพยายามหัดพยุงตัว คาดอีก 2-3 เดือนเริ่มคลานได้ ขณะเดียวกันเตรียมปรับสภาพแสงสว่างให้เหมาะสมเพื่อรองรับดวงตาที่จะเริ่มมองเห็นในเร็ววันนี้ ขณะที่ประชาชนและนักท่องเที่ยวแห่ส่งไปรษณียบัตรร่วมประกวดตั้งชื่อ "แพนด้าน้อย" กันคึกคัก เผยที่สวนสัตว์เชียงใหม่มีการส่งไปรษณียบัตรไปแล้วกว่า 7,000 ฉบับ
วานนี้ (8 มิ.ย.52) ที่สวนสัตว์เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่โครงการวิจัยและจัดแสดงหมีแพนด้าในประเทศไทย และผู้เชี่ยวชาญแพนด้าจากประเทศจีน ยังคงดูแลลูกแพนด้า ที่เมื่อวานนี้มีอายุย่างเข้าสู่วันที่ 13 และแม่แพนด้า "หลินฮุ่ย" อย่างใกล้ชิด โดยการตรวจสุขภาพลูกแพนด้าครั้งต่อไปจะมีขึ้นในวันนี้ (9 มิ.ย.52)
ขณะที่จดหมายและไปรษณียบัตรที่ประชาชนและนักท่องเที่ยว ส่งมาร่วมตั้งชื่อแพนด้าน้อยหลายพันใบ ถูกส่งมายังสวนสัตว์เชียงใหม่แล้ว เจ้าหน้าที่จะทำการคัดแยกก่อนจะหมดเขตในวันที่ 12 มิ.ย.นี้ โดยนายประพันธ์ ศรีธิหล้า หัวหน้าไปรษณีย์จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ตลอด 3 วันที่ผ่านมา ส่งไปรษณียบัตรไปยังสวนสัตว์เชียงใหม่แล้วไม่ต่ำกว่า 7,000 ฉบับ โดยเฉพาะวานนี้ (8มิ.ย.) มีมากถึง 4,300 ฉบับ
สำหรับบรรยากาศทั่วไปวานนี้ ยังคงคึกคักเนื่องจากมีนักท่องเที่ยวที่ส่วนใหญ่มากันแบบครอบครัวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเดินทางมารอซื้อตั๋วเพื่อเข้าชมแพนดากันตั้งแต่ 08.00 น. โดยครอบครัวนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียบอกว่า ลูกชายหญิงอยากมาดูตัวจริงของแพนดามากกว่าที่จะดูจากโทรทัศน์ พวกเด็กๆ ชอบแพนดามากเพราะท่าทางค่อนข้างซุกซนและน่ารักเหมือนเด็กทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยกัน
นายประเสริฐศักดิ์ บุญตระกูลพูนทวี หัวหน้าโครงการวิจัยและจัดแสดงแพนด้าในประเทศไทย เปิดเผยว่า ลูกแพนด้า ยังคงมีพัฒนาการที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดเจ้าหน้าที่สังเกตพบว่าที่บริเวณขาหลังเริ่มเป็นสีดำชัดเจนขึ้น ทำให้เวลานี้ลูกแพนด้าตัวนี้มีสีดำขึ้นครบทุกจุดแล้ว เหลือเพียงการพัฒนาความเข้มของสีเท่านั้น ขณะที่ตาของลูกแพนด้า ก็เริ่มมองเห็นเป็นขีดชัดขึ้น อีก 30-45 วัน เปลือกตาน่าจะเปิดได้ และหลังจากนั้นจึงจะค่อยๆ เริ่มมองเห็น ซึ่งช่วงนั้นมีความสำคัญมาก โดยจะต้องมีการปรับสภาพแสงสว่างให้เหมาะสม เพื่อให้ลูกแพนด้าสามารถปรับตัวได้อย่างไม่มีปัญหา
ส่วนการทรงตัวของลูกแพนด้านั้น หัวหน้าโครงการวิจัยและจัดแสดงหมีแพนด้าในประเทศไทย กล่าวว่า ในขณะนี้ลูกแพนด้า กำลังอยู่ในช่วงของการหัดพยุงตัวและทรงตัว โดยเฉพาะขาหน้าที่จะมีพัฒนาการเร็วกว่าขาหลัง ซึ่งอีกประมาณ 2-3 เดือน น่าจะเริ่มใช้ขาหน้าในการตะกุยได้ จากนั้นขาหลังจะค่อยๆ มีพัฒนาการตามจนสามารถคลานได้
ขณะที่ "หลินฮุ่ย" แม่แพนด้านั้น นายประเสริฐศักดิ์ กล่าวว่า จากเดิมที่จะกอดลูกไว้ในอ้อมกอดเกือบตลอดเวลา ขณะนี้เริ่มมีการปล่อยลูกเป็นช่วงนานมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงเวลากลางคืนที่จะปล่อยลูกนานและบ่อยกว่าช่วงกลางวัน ซึ่งน่าจะเป็นเพราะเป็นช่วงที่มีความสงบเงียบมากกว่า และส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะลูกแพนด้าเริ่มมีขนาดตัวใหญ่ขึ้นแล้วนั่นเอง
"สำหรับช่วงช่วง ที่อ้วนขึ้นมากและยังไม่สามารถชั่งน้ำหนักได้นั้น ยังไม่น่าห่วงมากนักเพราะการอ้วนจากการกินไผ่ไม่ถือว่าผิดปกติ" นายประเสริฐ์ศักดิ์ กล่าว
ด้านนายวันชัย ตันวัฒนะ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ พร้อมนายวิศิษฐ์ ธีรพงษ์ ทีมวิจัยแพนดา เดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ เพื่อสำรวจพื้นที่ปลูกไผ่ลูกศรของโครงการหลวง เนื่องจากหลินฮุ่ยยอมกินไผ่ตงได้เพียงวันเดียวก็เปลี่ยนกลับมากินไผ่ลูกศรของโปรดเหมือนเดิมอีกครั้ง แต่ปริมาณพื้นที่ปลูกไผ่ลูกศรมีน้อยจำเป็นต้องขอให้มีการขยายพื้นที่ให้มากขึ้น.
วานนี้ (8 มิ.ย.52) ที่สวนสัตว์เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่โครงการวิจัยและจัดแสดงหมีแพนด้าในประเทศไทย และผู้เชี่ยวชาญแพนด้าจากประเทศจีน ยังคงดูแลลูกแพนด้า ที่เมื่อวานนี้มีอายุย่างเข้าสู่วันที่ 13 และแม่แพนด้า "หลินฮุ่ย" อย่างใกล้ชิด โดยการตรวจสุขภาพลูกแพนด้าครั้งต่อไปจะมีขึ้นในวันนี้ (9 มิ.ย.52)
ขณะที่จดหมายและไปรษณียบัตรที่ประชาชนและนักท่องเที่ยว ส่งมาร่วมตั้งชื่อแพนด้าน้อยหลายพันใบ ถูกส่งมายังสวนสัตว์เชียงใหม่แล้ว เจ้าหน้าที่จะทำการคัดแยกก่อนจะหมดเขตในวันที่ 12 มิ.ย.นี้ โดยนายประพันธ์ ศรีธิหล้า หัวหน้าไปรษณีย์จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ตลอด 3 วันที่ผ่านมา ส่งไปรษณียบัตรไปยังสวนสัตว์เชียงใหม่แล้วไม่ต่ำกว่า 7,000 ฉบับ โดยเฉพาะวานนี้ (8มิ.ย.) มีมากถึง 4,300 ฉบับ
สำหรับบรรยากาศทั่วไปวานนี้ ยังคงคึกคักเนื่องจากมีนักท่องเที่ยวที่ส่วนใหญ่มากันแบบครอบครัวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเดินทางมารอซื้อตั๋วเพื่อเข้าชมแพนดากันตั้งแต่ 08.00 น. โดยครอบครัวนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียบอกว่า ลูกชายหญิงอยากมาดูตัวจริงของแพนดามากกว่าที่จะดูจากโทรทัศน์ พวกเด็กๆ ชอบแพนดามากเพราะท่าทางค่อนข้างซุกซนและน่ารักเหมือนเด็กทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยกัน
นายประเสริฐศักดิ์ บุญตระกูลพูนทวี หัวหน้าโครงการวิจัยและจัดแสดงแพนด้าในประเทศไทย เปิดเผยว่า ลูกแพนด้า ยังคงมีพัฒนาการที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดเจ้าหน้าที่สังเกตพบว่าที่บริเวณขาหลังเริ่มเป็นสีดำชัดเจนขึ้น ทำให้เวลานี้ลูกแพนด้าตัวนี้มีสีดำขึ้นครบทุกจุดแล้ว เหลือเพียงการพัฒนาความเข้มของสีเท่านั้น ขณะที่ตาของลูกแพนด้า ก็เริ่มมองเห็นเป็นขีดชัดขึ้น อีก 30-45 วัน เปลือกตาน่าจะเปิดได้ และหลังจากนั้นจึงจะค่อยๆ เริ่มมองเห็น ซึ่งช่วงนั้นมีความสำคัญมาก โดยจะต้องมีการปรับสภาพแสงสว่างให้เหมาะสม เพื่อให้ลูกแพนด้าสามารถปรับตัวได้อย่างไม่มีปัญหา
ส่วนการทรงตัวของลูกแพนด้านั้น หัวหน้าโครงการวิจัยและจัดแสดงหมีแพนด้าในประเทศไทย กล่าวว่า ในขณะนี้ลูกแพนด้า กำลังอยู่ในช่วงของการหัดพยุงตัวและทรงตัว โดยเฉพาะขาหน้าที่จะมีพัฒนาการเร็วกว่าขาหลัง ซึ่งอีกประมาณ 2-3 เดือน น่าจะเริ่มใช้ขาหน้าในการตะกุยได้ จากนั้นขาหลังจะค่อยๆ มีพัฒนาการตามจนสามารถคลานได้
ขณะที่ "หลินฮุ่ย" แม่แพนด้านั้น นายประเสริฐศักดิ์ กล่าวว่า จากเดิมที่จะกอดลูกไว้ในอ้อมกอดเกือบตลอดเวลา ขณะนี้เริ่มมีการปล่อยลูกเป็นช่วงนานมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงเวลากลางคืนที่จะปล่อยลูกนานและบ่อยกว่าช่วงกลางวัน ซึ่งน่าจะเป็นเพราะเป็นช่วงที่มีความสงบเงียบมากกว่า และส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะลูกแพนด้าเริ่มมีขนาดตัวใหญ่ขึ้นแล้วนั่นเอง
"สำหรับช่วงช่วง ที่อ้วนขึ้นมากและยังไม่สามารถชั่งน้ำหนักได้นั้น ยังไม่น่าห่วงมากนักเพราะการอ้วนจากการกินไผ่ไม่ถือว่าผิดปกติ" นายประเสริฐ์ศักดิ์ กล่าว
ด้านนายวันชัย ตันวัฒนะ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ พร้อมนายวิศิษฐ์ ธีรพงษ์ ทีมวิจัยแพนดา เดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ เพื่อสำรวจพื้นที่ปลูกไผ่ลูกศรของโครงการหลวง เนื่องจากหลินฮุ่ยยอมกินไผ่ตงได้เพียงวันเดียวก็เปลี่ยนกลับมากินไผ่ลูกศรของโปรดเหมือนเดิมอีกครั้ง แต่ปริมาณพื้นที่ปลูกไผ่ลูกศรมีน้อยจำเป็นต้องขอให้มีการขยายพื้นที่ให้มากขึ้น.